พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 41
บทที่ 41 กลัวจนฉี่ราดกางเกง
ไม่นานนัก ไตรทศก็พาชายร่างใหญ่ที่มีรอยสักสองสาม คนมาอยู่ข้างๆรพีพงษ์
“พี่รพี เป็นอะไรไป หมอนั่นไม่ให้เงินพี่หรือไง?” ไตรทศ เปิดปากถาม
“คนนี้คือคนหนีหนี้ เมื่อวานนี้ถูกเขาหลอก ใช้เหตุผลกับ เขาไม่ได้แล้ว ได้แต่พึ่งพวกนายแล้ว” รพีพงษ์พูดพลางยิ้ม ขมๆ
“แม่งเอ๊ย กล้ามาหลอกพี่รพีของฉัน เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ ฉัน ฉันต้องทำให้ตาแก่นี่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าบทลงโทษ ทางสังคม” ไตรทศส่ายกำปั้นของตัวเอง “เอาน่า ยังไงคนเขาก็อายุเกินครึ่งร้อยแล้ว ถ้าเกิดเรื่อง
ผิดพลาด จะได้ไม่คุ้มเสีย พวกนายไปขู่ให้เขากลัว ให้เขา
คืนเงินทั้งหมดที่ควรจะจ่าย ก็พอแล้ว” รพีพงษ์เปิดปากพูด “เข้าใจแล้ว พี่รพี ผมจัดการให้ พี่วางใจเถอะ พี่รอผมอยู่ ที่นี่แหละ พวกเราจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้” ไตรทศพูดพลางตบ หน้าอก
รพีพงษ์พยักหน้าและมองดูพวก ไตรทศ เดินเข้าไปใน ชุมชนที่อยู่ด้านข้าง
ไตรทศเป็นคนใช้ได้ก็จริง แต่เขาอารมณ์ร้อน และ ก้าวร้าวตั้งแต่เกิด เป็นดาบคมได้ แต่เป็นผู้นำไม่ได้
หากรพีพงษ์ต้องการรวมโลกใต้ดินของ เมืองริเวอร์จะ ต้องมีใครสักคนที่ควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ แม้ว่า ตอนนี้ไตรทศ จะเป็นหนึ่งในสามราชันฟ้า แต่ก็ไม่มี พรสวรรค์ในการเป็นผู้นำ
เขาติดตามรพีพงษ์ตีรันฟันแทงมาโดยตลอด ในช่วงสอง สามปีมานี้หากว่าไม่ได้ รพีพงษ์คอยให้คำแนะนำอยู่เบื้อง หลัง เขาอาจจะไม่ได้นั่งในตำแหน่งสามราชันฟ้าเลยด้วย ซ้ำ
ด้วยนิสัยของ ไตรทศ แน่นอนว่าไม่อยากเป็นผู้นำ ซึ่ง ไตรทศได้บอก รพีพงษ์เอาไว้นานแล้วว่า ให้เขาไปต่อยตี เขายินดีมาก แต่ถ้าให้เขาไปจัดการคนอื่น เขากลับไปเป็น
นักเลงปลายแถวเหมือนเดิมยังจะดีซะกว่า
เพราะไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสม ช่วงนี้รพีพงษ์จึงยังไม่รีบ ร้อนกำจัด พิชญุตม์หนึ่งในสามราชันฟ้าเช่นกัน
“ค่อยๆเป็นค่อยๆไปเถอะ คนที่มีความสามารถแบบนี้ หาไม่ได้ง่ายๆ รีบร้อนไปก็เท่านั้น” รพีพงษ์สะบัดหัว ไม่คิด เรื่องนี้อีก
วีรยุทธกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ไขว่ห้าง ดูทีวีอย่างสบายใจ
เมื่อวานนี้หลังจากกลับมา เขาก็เดาว่าศศินัดดาจะไม่มา ขอเงินเขาอีก แล้วทีวีเครื่องนี้ก็จะกลายเป็นสมบัติส่วนตัว ของเขา
“ไอ้เด็กรพีพงษ์นั่นก็เป็นสุดยอดสวะจริงๆนั่นแหละ ตกหลุมพรางฉันแบบนี้ จะบ่นสักนิดยังทำไม่ได้เลย ตอนนี้ ศศินัดดา คงคิดว่าทีวีเครื่องนี้ถูกรพีพงษ์ทำพังไปแล้วแน่ๆ ไม่ว่า รพีพงษ์จะอธิบายยังไง ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว”
“บีบไข่นุ่มนิ่มแบบนี้ ก็สนุกดีจริงๆ วันหลังลองหาโอกาส อีกที ดูซิว่าจะหลอกเขาได้อีกสักทีรึเปล่า?”
วีรยุทธที่หน้าตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ที่คราวนี้ตัว เองปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับรพีพงษ์ได้สำเร็จ และ ยังรู้สึกพึงพอใจที่ได้ทีวีมาฟรีๆ
จนกระทั่งขณะนี้ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาครู่หนึ่ง
วีรยุทธรีบลุกขึ้นมาปิดทีวีอย่างรวดเร็ว ในใจคิดว่าพวก ศศินัดดาคงไม่ได้จะมาดูว่าทีวีไม่ได้พังจริงๆหรอกนะ
เขารีบคิดหามาตรการรับมือบางอย่างทันที แล้วจึงเดิน ไปที่ประตู แสร้งทำเป็นโมโหเต็มหน้าพลางเปิดปากพูดว่า: “ฉันก็บอกไปหมดแล้วไงว่าทีวีถูกไอ้สวะรพีพงษ์นั่นทำพัง แล้ว ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ งั้นก็จะให้พวกคุณดู!”
เมื่อเขาเปิดประตู ก็พบว่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่พวก ศศินัดดาแต่เป็นไอ้หนุ่มหัวเกรียนคนหนึ่ง และยังมีไอ้หนุ่ม ร่างยักษ์ที่มีรอยสักหลายคนยืนอยู่ข้างหลัง ทำให้เขาตกใจ จนตัวสั่นไปหมด
“คุณ. พวกคุณมาหาใคร?” เสียงทั้งหมดของ วีรยุทธ สั่นน้อยๆขึ้นมา เขาสมัยเด็กๆเคยถูกทำร้ายเพราะดำ จึงทิ้งเงามืดเอาไว้
ลึกๆในใจ ดังนั้นเมื่อเห็นรอยสัก ในใจจึงรู้สึกหวาดกลัว ไตรทศ นอกจากจะไม่พูด ยังเดินตรงเข้าไปในบ้านของ
วีรยุทธ
วีรยุทธที่ถูกบังคับให้ถอยหลังตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่กล้า พูดอะไร
จากนั้น ไตรทศ ก็นั่งลงบนโซฟา สายตาจับจ้องทีวีที่อยู่ ตรงข้ามอยู่หลายครั้ง ก็พบช่องโปรดของตัวเองอย่าง ง่ายดาย
วีรยุทธไม่ค่อยเข้าใจพฤติกรรมของคนเหล่านี้ จึงตกอก ตกใจอยู่พักหนึ่ง แล้วค่อยๆถามอย่างระมัดระวังว่า: “น้อง ชายทุกท่าน ไม่ทราบว่าพวกคุณ…
ไตรทศหยิบมีดพับที่ห่อด้วยหนังสือพิมพ์ออกมา แล้ว โยนลงบนโต๊ะ
วีรยุทธกลัวจนล้มก้นจ้ำเบ้า น้ำตาไหลออกมาหมดแล้ว “พี่ใหญ่ทุกท่าน ได้โปรดละเว้นผมเถอะ เมื่อเร็วๆนี้ผมไม่ ได้ยั่วโมโหพวกคุณ คนอย่างผมร่างกายครึ่งหนึ่งอยู่ในดิน หมดแล้ว พวกคุณได้โปรดอย่ารังแกผมเลย”
ไตรทศเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ ก็เม้มปากแล้ว คิดว่าคนคน นี้กินนิ่มกลัวแข็งจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะ รพีพงษ์สั่งเขาเอาไว้ ตอนนี้เขาคงจะขยับมือแล้ว
“ได้ยินมาว่า ไม่นานมานี้คุณติดเงินคนอื่น?” ไตรทศเปิด ปากอย่างเย็นชา
“ปละ.เปล่า” วีรยุทธกล่าวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด
ไตรทศหยิบมีดขึ้นมาแล้วสับลงบนโต๊ะโดยตรง
วีรยุทธกลัวซะจนฉี่ ราด กางเกงเปียกชุ่มในคราวเดียว
%3D ใช่ ใช่ ผมติดเงินคนอื่น พี่ใหญ่ คุณอย่าหุนหันพลันแล่น” วีรยุทธกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“คุณไม่ต้องเครียด ผมแค่จะใช้มีดตะไบเล็บ” ไตรทศ ตะไบเล็บซะดิบดี
วีรยุทธด่าแม่อยู่ในใจโดยตรง มีอย่างที่ไหนใช้มีดตะไบ เล็บ
“ฉันคนนี้ ที่ไม่ชอบที่สุดก็คือคนเป็นหนี้แล้วไม่ใช้คืนพวก นั้น มักจะเห็นว่าคนแบบนี้ ฉันคิดจะสับพวกเขาทั้งหมดสัก หลายๆครั้ง คุณเข้าใจความหมายของผมมั้ย?” ไตรทศพูด ต่อ
วีรยุทธพยักหน้าทันที พลางเปิดปากพูดว่า “พี่ใหญ่คุณไม่ต้องห่วง วันนี้ผมจะไปเบิกเงินแล้วจ่ายเงินคืนทั้งหมด แล้วหลังจากนี้ผมก็จะไม่ทำเรื่องแบบนี้อย่างการติดหนี้อีก แล้ว”
ไตรทศพยักหน้าหงิกหงักอย่างพึงพอใจและพูดว่า “จำคำ พูดประโยคนี้ที่คุณพูดเอาไว้ ถ้าหากว่าคุณไม่ชำระหนี้ อย่างที่พูด พรุ่งนี้ผมจะมาอีก”
พูดจบ เขาก็พาน้องเล็กสองสามคนออกไปแล้ว
วีรยุทธได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะ เดียวกันก็ก่นด่าตัวเองว่าโชคร้ายอยู่ในใจ ว่าทำไมในเวลา เช่นนี้ถึงได้วิ่งชนลูกพี่ใหญ่ที่ชอบทำตัวเป็นฮีโร่คนนี้กันนะ
เขาตลอดมาไม่เคยกล้าหลอกลูกพี่ใหญ่ในสังคมพวกนั้น กระทั่งพวก ไตรทศไปแล้ว เขาจึงไปเปลี่ยนกางเกง แล้ว เริ่มชำระบัญชีอย่างจริงจัง
ตามหลักแล้วจะต้องจ่ายมากกว่าสองหมื่น ขาดไปร้อย เดียวก็ไม่ได้วีรยุทธนำเงินทั้งหมดที่เขาคำนวณแล้วว่าเป็น หนี้ออกมา จากนั้นก็ไปคืนเงินบ้านแล้วบ้านเล่า
แม้แต่ ไตรทศ เองก็ไม่คิดไม่ถึงเลยว่า เขาจะป้องปราม วีรยุทธได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เดิมที่เขาแค่อยากให้วีรยุทธคืน เงินให้ รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าเจ้า วีรยุทธนี่แม้แต่เงินที่เป็นหนี้ ก่อนหน้านี้ก็จ่ายคืนหมดแล้วจริงๆ
นี่กลับเป็นเรื่องดีที่ฮีโร่ทำลงไปจริงๆ
ตอนเย็น วีรยุทธถือพัสดุห่อหนึ่งมาที่ประตูบ้านของ ศศิ นัดดา
ศศินัดดาหลังจากที่เห็นว่าเป็นวีรยุทธจากตาแมว หัวใจก็ กระตุกคราหนึ่ง พลางนึกว่าไอ้หมอนี่ไม่น่าจะมาขุดหลุม พรางบ้านคนอื่นอีกหรอกนะ
เธอเปิดประตู พลางคิดว่าจะขับไล่เทพแห่งภัยพิบัติองค์นี้ ไปยังไง
แล้วในตอนนี้เอง วีรยุทธก็ส่งพัสดุห่อหนึ่งให้ศศินัดดา โดยตรง และเปิดปากพูดว่า “น้องนัดดานี่คือเงินที่ฉันซื้อ จากทีวีของคุณและเงินที่ฉันเคยติดหนี้คุณแล้วยังไม่ได้ จ่าย อยู่ในนี้หมดแล้ว คุณนับดูสิ ถ้าไม่ถูกต้อง ฉันจะทำ เพิ่มให้คุณอีก”
ศศินัดดาตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอมองไปที่วีรยุทธด้วย สีหน้าเหลือเชื่อ รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน เป็นไปไม่ได้ไหมว่า พระอาทิตย์นี้จะโผล่ออกมาจากทิศ ตะวันตกแล้วจริงๆ?