พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 42
บทที่ 42 เป็นรพีพงษ์ที่เอากลับมา
“พี่วีทีวีเครื่องนั้นไม่ใช่บอกว่า รพีพงษ์ทำพังหรอกหรือ แล้วคุณนี่คือ?” ศศินัดดาถามอย่างสงสัย
“เปล่า เป็นฉันที่เข้าใจผิด รพีพงษ์ทีวีเครื่องนั้นไม่ได้เสีย คุณรีบนับเงินสิครบรึเปล่า ฉันยังต้องรีบไปใช้หนี้บ้านคน อื่นอีก” วีรยุทธเปิดปาก
ศศินัดดาจึงเปิดห่อ และนับเงินที่อยู่ข้างใน นอกจากค่า ทีวี 40,000 เงินของเธอที่วีรยุทธยืมไปก่อนหน้านี้ ก็คืนกลับ มาหมดแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็น วีรยุทธที่แปลกไป ศศินัดดาจึงคิดว่าเป็นไปได้ ไหมว่าที่เขาเป็นแบบนี้เพราะสถานะของลูกสาวตัวเองใน ตระกูลฉัตรมงคลสูงขึ้น ดังนั้นจึงอยากประจบครอบครัว ของพวกเขา?
ไม่ผิด จะต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ จะต้องเป็นเพราะลูกสาว ของตัวเอง วีรยุทธจึงมาคืนเงินอย่างซื่อสัตย์ ไม่ว่ายังไง ก็ เป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นเพราะไอ้สวะรพีพงษ์คนนั้น
“พี่วีคุณดูสิคุณคิดไกลเกินไปแล้ว เงินพวกนี้ฉันก็ไม่ได้ รีบใช้ คุณจะคืนช้าอีกสักหน่อยก็ยังได้” ถึงแม้ว่าปากจะพูด ขึ้นมาแบบนี้ แต่ศศินัดดาก็รีบยัดห่อพัสดุนั้นเข้าไปใน เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของ วีรยุทธเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ เขาก็คิดจะ คืนให้ช้าสักหน่อยเหมือนกัน แต่คนกลุ่มนั้นที่ไปบ้านของ เขาวันนี้ไม่ยอมให้ทำ
เขาไม่อยากให้คนถือมีดเอามีดมาจ่อที่คอของเขา หากว่ารดกางเกงอีกครั้ง นั่นก็ขายหน้าผู้คนแล้ว
“ในเมื่อจำนวนเงินถูกต้องแล้ว งั้นฉันไปก่อนแล้ว คราว หลังค่อยคุยกันอีกนะ” วีรยุทธหันหลังกลับทันที โดยไม่ หยุดพัก ก็ไปใช้หนี้บ้านถัดไปแล้ว
ศศินัดดาจึงกลับเข้าบ้านด้วยความสุขเต็มหน้า เมื่ออารี ยาเห็นว่าเธออารมณ์ดีจึงเปิดปากถามว่า “แม่ เกิดอะไรขึ้น ถึงได้มีความสุขขนาดนี้?”
“อาวีของแกนะสิเมื่อกี้เอาเงินค่าทีวีให้ฉัน แถมยังคืนเงิน ทั้งหมดที่เมื่อก่อนติดหนี้บ้านเรากลับมาแล้วด้วยนะ” ศศิ นัดดาพูดกลั้วหัวเราะ
อารียาตะลึงไปชั่วขณะ นึกถึงที่ รพีพงษ์บอกเมื่อวานนี้ว่า กำลังจะได้เงินก้อนนี้กลับมาแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่า วีรยุทธจะ รีบหอบเงินมาให้เร็วขนาดนี้
ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้ ยังมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง
ลูกสาว ครั้งนี้อาวีของแกยินดีคืนเงิน จะต้องเป็นเพราะ สถานะของแกในตระกูลฉัตรมงคลดีขึ้นแน่ๆ เขารู้ว่า อนาคตแกไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นเขาจึงมาประจบล่วงหน้า” ศศิ นัดดาเปิดปากพูด
อารียารู้ว่า วีรยุทธมาชดใช้เงินคืนแต่โดยดี ไม่ใช่เพราะ เธอแน่ๆ ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือรพีพงษ์
“แม่ แม่เข้าใจผิดแล้ว เงินนี่เป็นรพีพงษ์ที่เอากลับมา ไม่ เกี่ยวกับฉันเลย” อารียาเปิดปากพูด
ศศินัดดาเหลือบมองรพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆแวบหนึ่ง แล้วพูด อย่างดูแคลนว่า “เงินก้อนนี้ได้กลับคืนมา เกี่ยวอะไรกับเขา สวะคนนี้ เขาหน้าใหญ่ขนาดนี้มาจากไหน ถึงทำให้อาวีของ แกเอาเงินมาส่งให้ด้วยตัวเอง?”
“แกไม่ต้องทำเป็นพูดดีแทนไอ้สวะคนนี้แล้ว เงินนี่ก็แค่อาวีของแกเห็นแก่หน้าแกเลยใช้คืน แต่ว่าวันนี้ฉันอารมณ์ดี เลยจะไม่ไล่เขาออกจากบ้านของเรา แต่แกต้องให้เขาจำ เอาไว้ให้ฉันว่า ในบ้านหลังนี้ เขาไม่มีสิทธิ์พูด วันหน้าให้เขา ซื่อสัตย์ให้ฉันหน่อย”
อารียารู้สึกว่าแม่ของเธอไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ ตอนนี้เธอ แทบจะรอไม่ไหวที่จะบอก ศศินัดดาตามตรงว่า รพีพงษ์ มอบสร้อยคอมูลค่า 45 ล้านให้เธอ
ทว่าก่อนหน้านี้รพีพงษ์ได้เตือนเธอว่า ให้เธออย่าบอก ใครเรื่องนี้ ถ้ามีคนรู้มาก อาจจะเกิดเรื่อง
โดยเฉพาะศศินัดดาปากกว้างคนนี้ หากเธอหลุดพูดออก ไปสักคำ อาจจะทำให้คนอื่นจับตามองบ้านของพวกเขา
รพีพงษ์ปรายตามอง อารียายิ้มๆ ขอแค่ยังได้เงินนี้กลับ คืนมา คนอื่นๆ เขาไม่ได้สนใจ
“เอาล่ะ ขอแค่แม่มีความสุขก็พอแล้ว”
อารียาเม้มริมฝีปาก ตอนนี้เธอรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆว่า ครอบครัวนี้เป็นหนี้รพีพงษ์มากเกินไปแล้วจริงๆ
เงินค่าทีวี ว่ากันตามเหตุผลแล้วก็ควรจะให้รพีพงษ์เพียง แต่ด้วยนิสัยของศศินัดดา ของที่เข้าปากแล้วไม่มีทางที่จะ คายออกมา อารียาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไม่พูดถึง เรื่องนี้อีก
เพราะเรื่องที่ได้เงินกลับมาศศินัดดาหลังจากนั้นหลายวัน จึงไม่สร้างความลำบากใจให้ รพีพงษ์
วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ บุษบากรมาที่บ้านของ อารียาแต่ เช้าตรู่ ทันทีที่เข้าประตูมา เธอก็โผกอด อารียาทีหนึ่ง แล้ว พูดว่า “แคลร์ทำยังไงดี ฉันรู้สึกว่าฉันป่วยด้วยโรครัก”
อารียากลอกตาไปที่เธอ เปิดปากพูดว่า “เธอป่วยด้วยโรค รักแล้ว จะมากอดฉันทำไม”
“ฉันก็ต้องซ้อมเอาไว้ก่อนสิ พอถึงเวลาที่เจ้าชายรูปงาม ของโผล่มา ฉันจะได้แสดงได้ดี” บุษบากรพูดด้วยใบหน้า เพ้อฝัน
ทั้งสองคนนั่งลงบนโซฟา บุษบากรที่แทบจะรอไม่ไหว หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วส่งข้อความให้หวานใจ “วันนี้คิดถึงคุณครั้งที่เก้าสิบเก้า”
ข้อความของเธอเพิ่งจะส่งออกไป โทรศัพท์มือถือที่อยู่ บนโต๊ะตรงนั้นก็ดังขึ้นแล้ว
โทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นของรพีพงษ์เขาออกไปซื้อกับข้าว ไม่ได้เอามือถือไปด้วย
บุษบากรสีหน้าแปลกใจ คิดในใจว่าเป็นไปได้ไหมที่หวาน ใจจะอยู่ในบ้านของ อารียา?
เธอจึงหันหน้าไปมอง อารียาแวบหนึ่ง แล้วเปิดปากถาม
ว่า “โทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นที่ดังเมื่อกี้นี้เป็นของใครเห รอ?”
“เป็นของรพีพงษ์น่ะ เขาออกไปซื้อกับข้าว ไม่ได้พกไป ด้วย” อารียาเอ่ยตอบ
เมื่อได้ยินว่าเป็นของรพีพงษ์ใบหน้าของ บุษบากรก็เผย ร่องรอยของการดูถูกทันที คิดในใจว่าเมื่อกี้ต้องบังเอิญ แน่ๆ
เธอจินตนาการมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่าเจ้าชายรูปงาม ของเธอจะหน้าตาเป็นยังไง แม้ว่าจะเป็นผู้ชายแก่ๆก็ยังเคย เดา แต่เธอรู้สึกว่าเจ้าชายรูปงามของเธอไม่มีทางจะเป็นรพี พงษ์ไปได้
โดยไม่คิดมากอีก บุษบากรพูดกับ อารียาว่า : “แคลร์เธอรู้ รีเปล่าว่า วันนั้นเจ้าชายรูปงามของฉันร้องเพลงให้ฉันเพลง หนึ่ง เสียงร้องของเขาเพราะมากจริงๆนะ ตอนนี้เพลงนี้ กลายเป็นเพลงที่เน็ตไอดอลดังๆใช้เป็นเพลงประกอบใน การถ่ายทำวิดีโอแล้วนะ ฮ็อตมากเลยล่ะ”
อารียาตาโตทันที พูดว่า “น่าที่งขนาดนั้นเลย ให้ฉันฟัง
เร็วเข้า”
บุษบากรจึงปล่อยเพลงที่ รพีพงษ์ร้องออกมาทันที พร้อม กับเสียงดนตรีที่ดังขึ้น ทั้งคู่ต่างก็ดื่มด่ำไปกับเสียงของ รพี พงษ์
จนกระทั่งเพลงจบลงแล้ว บุษบากรจึงถามด้วยความภาค ภูมิใจเต็มหน้าว่า: “เป็นไงล่ะ เจ้าชายรูปงามของฉันร้อง เพลงเพราะใช่ไหม เขาร้องเพลงได้น่าทั่งขนาดนี้ ตัวจริงก็ ต้องเป็นคนที่น่าทึ่งมากคนหนึ่งแน่ๆ”
อารียาพยักหน้า ทว่าแววตาปรากฏร่องรอยของความ สงสัยขึ้นมา: “เพลงนี้น่าประทับใจมากจริงๆ แต่ .. เธอไม่ คิดเหรอว่าเสียงนี้ค่อนข้างคล้ายกับ รพีพงษ์เลยนะ?”
บุษบากรผงะ เมื่อนึกถึงคำพูดนี้ เสียงนี้ก็ค่อนข้างคล้าย กับ รพีพงษ์จริงๆ
แต่บุษบากรก็ปฏิเสธการคาดเดาของ อารียาอย่างรวด เร็วพ พลางกล่าวว่า: “ก็แค่ค่อนข้างคล้ายแค่นั้นแหละรพี พงษ์บ้านเธอคุณธรรมเป็นยังไงเป็นไปได้หรือว่าเธอยังไม่ ชัดเจน เขาจะร้องเพลงออกมาได้เพราะขนาดนี้ได้ยังไง”
“ถ้าหากว่าเขาร้องเพลงได้เพราะขนาดนี้อย่างที่ว่าจริงๆ จะต้องอวดต่อหน้าเธอไปตั้งนานแล้วแน่ๆ”
อารียาครุ่นคิด รพีพงษ์แน่นอนว่าไม่เคยร้องเพลงต่อหน้าเธอ บางทีอาจจะแค่ค่อนข้างคล้ายจริงๆ
“เจ้าชายรูปงามของฉันแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่สูงรวย หล่อ จะเอาไปเปรียบเทียบกับรพีพงษ์ได้ยังไง ฉันคิดว่าเธอ ก็แค่อยากจะให้ รพีพงษ์กลายเป็นคนที่สูงรวยหล่อเหมือน กัน น่าเสียดายที่เขามันน่าผิดหวัง” บุษบากรเอ่ยแซว
อารียามองค้อนเธอแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “จ้า จ้า จ้า เธอ พูดถูกทุกอย่าง เจ้าชายของเธอรูปงามที่สุด”
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของบุษบากรดังขึ้น เธอจึงรับ โทรศัพท์ หลังจากพูดไม่กี่ประโยค ก็ยิ้มแล้วมองไปที่ อารี ยา
“เมื่อกี้หัวหน้าห้องโทรหาฉัน บอกว่าอยากชวนเธอออกไป
กินข้าวล่ะ”