พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 471 ชาติหน้าเถอะ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 471 ชาติหน้าเถอะ
บทที่ 471 ชาติหน้าเถอะ
ชั้นบนสุดของ W H กรุ๊ป
ภายในห้องที่แสงส่องไม่ถึง เมื่อมองผ่านหน้าต่าง จะเห็นไซต์งานก่อนสร้างอยู่ข้างหลัง ในเวลานี้กำลังหยุดงานจึงไม่ค่อยมีคนทำงานเยอะเท่าไรนัก
รพีพงษ์ ธฤตญาณและคนอื่นๆ ยืนอยู่ตรงข้ามธายุกร ระหว่างทางที่กลับมา ธายุกรขัดขืน ทำให้ไตรทศต่อยเขาไป ตอนนี้เขาหน้าบวมและมีรอยฟกช้ำจนไม่เหลือเค้าเดิม
“พวกแกมันอันธพาล ไอ้พวกโจร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ พวกแกทำแบบนี้มันผิดกฎหมาย ต้องโดนลงโทษ!” ธายุกรไม่มีปัญญาสู้กับรพีพงษ์ เขาจึงเอาแต่ตะโกน
“ให้ตายเหอะ อย่างกับผู้หญิง ยังมาบอกว่าพวกเราเป็นอันธพาล ทำไมแกโดนพวกเราทำผิดผีเหรอ หรืออยากชิมรสหมัดของฉันอีก” ไตรทศเบิกตาโตมองธายุกร
ธายุกรกลัวไตรทศจนคอหด
รพีพงษ์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าธายุกร เขากำคอเสื้อของธายุกรแล้วยกตัวธายุกรขึ้นมา
“ปล่อยฉันนะ แกไม่มีสิทธิ์มาขังฉันไว้ที่นี่ ถ้าคนข้างนอกรู้ แกได้ติดคุกแน่ แกจะละเมิดกฎหมายเหรอ!” ธายุกรจ้องรพีพงษ์แล้วพูดออกมา
“ฉันเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองริเวอร์ ถึงฉันจะฆ่าแกก็ไม่มีใครมาทำอะไรฉันได้” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เมื่อธายุกรได้ยินดังนั้น เขารู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว เขาไม่สงสัยในคำพูดของรพีพงษ์เลยแม้แต่น้อย คนที่สามารถทำให้ W H กรุ๊ปล้มละลายได้ภายในสิบนาที อำนาจที่เขามี มันไม่สามารถคาดเดาได้เลย
“ระรพีพงษ์ จริงๆ เราไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันถึงขนาดนี้ เรามาพูดกันดีๆ เถอะ เมื่อก่อนฉันมีส่วนผิดจริง ถ้านายไม่พอใจ ฉันขอโทษนายก็ได้” จู่ๆ ธายุกรก็พูดประนีประนอม เขารู้ดีว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าของรพีพงษ์ เขาไม่มีสิทธิ์พูดเงื่อนไขใดๆ
“ขอโทษ? บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลล้มละลาย อารียาก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน จารุณีโดนรถชนกระเด็นไปสิบกว่าเมตร แกคิดว่าแค่ขอโทษแล้วจะจบเหรอ แกคิดว่าทำได้เหรอ” รังสีอาฆาตแผ่ออกมาจากตัวของรพีพงษ์ จนทำให้ธายุกรกลัวจนตัวหด
ธายุกรตัวสั่นเทิ้ม เขารีบพูดออกมาว่า “ฉะ ฉันไม่ได้เป็นคนทำ ฉันแค่ทำให้บริษัทของตระกูลฉัตรมงคลล้มละลายเท่านั้น เรื่องอื่นฉันไม่ได้เป็นคนทำ ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนทำต่างหาก ทั้งหมดนั่นเป็นฝีมือของเธอ ที่ฉันทำให้บริษัทล้มละลาย ก็เพราะคำสั่งของผู้หญิงคนนั้น ไม่เกี่ยวกับฉัน!”
รพีพงษ์รู้ว่าผู้หญิงที่ธายุกรหมายถึงคือโยษิตา แต่ถึงธายุกรจะโดนโยษิตาหลอกใช้ เขาก็ผิดอย่างไม่สามารถให้อภัยได้
คนที่โดนคนอื่นยุยงให้ฆ่าคน มันผิดทั้งคนที่ยุยงและคนที่ลงมือ
ยิ่งไปกว่านั้นธายุกรเอาแต่คิดอคติกับอารียมาตลอด ถ้าเขาไม่คิดแบบนี้ตั้งแต่แรก คงไม่โดยโยษิตาหลอกใช้ง่ายๆแบบนี้หรอก
รพีพงษ์ไม่มีทางปล่อยโยษิตาไปแน่ แต่เขาก็ไม่ปล่อยธายุกรไปเช่นกัน
“ทำให้บริษัทล้มละลายยังไม่พอเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ อารีก็คงไม่แตกหักกับศศินัดดาแล้วหนีไปเพียงลำพัง แกคิดว่าแกไม่มีส่วนผิดเหรอ”
รพีพงษ์พูดพลางเอามืออีกข้างจับนิ้วของธายุกร เขาใช้แรงบีบจนนิ้วมือของธายุกรหัก
ธายุกรร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และเอาแต่ขัดขืน รพีพงษ์จึงเอามือจับเขาเอาไว้จนเขาไม่สามารถขัดขืนได้อีก
“นี่คือบทลงโทษที่แกร่วมมือกับศศินัดดาจนทำให้บริษัทล้มละลาย”
หลังจากนั้นรพีพงษ์ก็จับและหักนิ้วของธายุกรอีก
“นี่คือบทลงโทษที่แกทำให้อารียาเจ็บปวดแล้วหนีไปจนได้รับบาดเจ็บ”
เขาหักนิ้วของธายุกรอีก ธายุกรหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทิ้ม วันนี้เขาได้สัมผัสถึงความน่ากลัวของรพีพงษ์แล้ว
ถ้าเขามีโอกาสอีกครั้ง เขาจะเลือกไม่เป็นศัตรูกับรพีพงษ์ และไม่ไปหาเรื่องอารียา
แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสนั้น
“นี่คือบทลงโทษที่แกไม่สำนึกผิดและเอาแต่หาเรื่องอารียา”
….…
ในช่วงเวลาสั้นๆ นิ้วทั้งสิบของธายุกรหักทั้งหมด เขาทรมานจนเกือบจะเป็นลม แต่เขายังมีสติอยู่ นิ้วสุดท้ายของเขาถูกหักเป็นที่เรียบร้อย ทำให้เขาไม่สามารถเป็นลมเพราะความเจ็บปวดนี้
“ตอนนี้อารีหายตัวไป ฉันกระวนกระวายใจมาก ฉันต้องทุกข์ทรมานทุกวินาทีที่ไม่ได้พบเธอ แกไม่เข้าใจจิตใจของฉันหรอก ความผิดของแกทั้งหมด แค่หักนิ้วมันยังชดใช้ไม่ได้หรอก” รพีพงษ์พูดกับธายุกร
“ปะ ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันไม่กล้าอีกแล้ว ขอร้องล่ะ ฉันสำนึกผิดแล้ว” ธายุกรหายใจรวยริน
“ชาติหน้าเถอะ”
รพีพงษ์พูดคำนั้นกับธายุกร จากนั้นเขาจึงยกธายุกรเดินไปที่หน้าต่าง
ธายุกรเหมือนจะมีลางสังหรณ์ถึงอันตราย เขาเอาแต่ขัดขืนไม่หยุด แต่ก็ถูกรพีพงษ์กดเอาไว้
รพีพงษ์เปิดหน้าต่าง ธายุกรกลัวจนหัวหด หน้าของเขาซีดเผือด เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดออกมา แต่ทว่าพละกำลังของรพีพงษ์ ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้
วินาทีต่อมา รพีพงษ์โยนธายุกรออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ลังเล เสียงร้องอันน่าเวทนาดังขึ้นในอากาศ แต่น่าเสียดายที่ไซต์งานก่อสร้างข้างหลังไม่มีคนทำงาน รพีพงษ์หันหลังกลับมามองธฤตญาณกับคนอื่นๆ แล้วพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
สีหน้าของธฤตญาณและคนอื่นๆ หนักแน่น เมื่ออยู่ต่อหน้ารพีพงษ์พวกเขาอดไม่ได้ที่จะยืนหลังตรง จากนั้นจึงพยักหน้าแล้วเดินตามรพีพงษ์ออกไป
ชนิสรารออยู่ใต้ตึก เห็นรพีพงษ์กับคนอื่นๆ เดินเข้ามา เธอจึงรีบเดินเข้าไป
“เป็นยังไงบ้างรพีพงษ์ ธายุกรยอมรับผิดไหม คนอย่างเขาไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมสำนึกผิด ถ้าคุณทำอะไรเขา เขาจะมาหาเรื่องคุณอีกไหม” ชนิสราถามขึ้น
รพีพงษ์ยิ้มให้ชนิสราแล้วพูดว่า “วางใจเถอะพี่สา จากนี้เขาไม่มีโอกาสมาหาเรื่องผมอีกแล้ว”
ชนิสราพยักหน้า แล้วเดินตามรพีพงษ์ออกไป เธอเดินพลางคิดถึงคำพูดที่รพีพงษ์พูดเมื่อครู่ จู่ๆ เธอก็เบิกตาโตแล้วมองรพีพงษ์ด้วยความตกใจ ไม่มีโอกาสมาหาเรื่องรพีพงษ์อีกงั้นเหรอ มีแต่คนที่ตายเท่านั้นแหละ ที่ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
เธอตกใจมาก แต่ทว่าดูท่าทางของรพีพงษ์เหมือนจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อน เธอจึงไม่กล้าพูดอะไร เธอรู้ถึงความเก่งกาจของรพีพงษ์ เพราะฉะนั้นไม่ว่ารพีพงษ์จะทำเรื่องอะไร เธอจึงไม่ได้ตกใจมากนัก
เพราะว่าศศินัดดาไล่ชนิสราออกจากบ้าน ก่อนหน้านี้ศศินัดดาก็โดนรพีพงษ์ตบ ถ้าให้ชนิสรากลับไปที่ชุมชนคำแหงในตอนนี้ ไม่รู้ว่าศศินัดดาจะทำอะไรกับชนิสรา รพีพงษ์จึงให้ธฤตญาณเตรียมห้องที่สถานบันเทิงสตาร์กายให้ชนิสราพักก่อน
ระหว่างทางไปสถานบันเทิงสตาร์กาย ชนิสราเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้รพีพงษ์ฟัง และบอกเรื่องที่ศักดาโดนศศินัดดาไล่ออกจากบ้านด้วย
หลังจากที่ฟังจบ รพีพงษ์ยิ่งรู้สึกว่าศศินัดดาเหมือนคนบ้า ถ้าตอนนั้นธฤตญาณไม่บอกเรื่องชนิสรา ไม่แน่เขาอาจจะฆ่าศศินัดดาก็ได้
การที่ได้จัดการธายุกร ทำให้เขาได้ระบายความโกรธออกไปไม่น้อย ความอยากฆ่าศศินัดดาจึงลดลงไปด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเรื่องที่ศศินัดดาทำจะสามารถทำให้เขาฆ่าเธอได้เป็นร้อยครั้ง แต่ยังไงศศินัดดาก็เป็นแม่ของอารียา ถ้ารพีพงษ์จะลงมือกับเธอจริงๆ ก็จำเป็นต้องหาอารียาให้เจอเสียก่อน
ระหว่างนี้เขากะว่าจะไม่ไปที่ชุมชนคำแหง รอให้เขาใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะจัดการกับศศินัดดาอย่างไร
หลังจากที่กลับมาถึงสถานบันเทิงสตาร์กาย และจัดหาห้องให้ชนิสราเรียบร้อยแล้ว รพีพงษ์ ธฤตญาณและคนอื่นๆ นั่งดื่มเหล้าด้วยกัน
ตอนที่กลับมา รพีพงษ์ได้แจ้งคนที่กิสนาแล้วว่าให้พวกเขาช่วยหาเบาะแสของอารียา จากฝีมือของคนที่กิสนา มีโอกาสสูงที่จะเจออารียา
แต่ทว่าเมื่อไม่ได้เจออารียาแค่หนึ่งนาที รพีพงษ์ก็ไม่สบายใจ ทำให้เขาต้องดื่มเหล้าเพื่อคลายความกังวล
ดื่มไปได้สักพัก รพีพงษ์รู้สึกว่าความกังวลยังคงไม่หายไป เขาเงยหน้ามองธฤตญาณแล้วพูดว่า “หาสนามประลองให้ฉันหน่อย ฉันอยากระบาย”