พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 474 หนึ่งกำราบสอง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 474 หนึ่งกำราบสอง
บทที่ 474 หนึ่งกำราบสอง
ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดออกมา ก็มีสีหน้าไม่พอใจ ธรรมนาถพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ปากดีจริงๆ ฉันว่าคนที่ควรจะทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ คือแกมากกว่า!”
จากนั้นธรรมนาถก้าวเข้าไปหารพีพงษ์อย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็ว ฝีมือของเขาไม่เหมือนคนอื่น การเคลื่อนไหวของเท้าพิเศษไม่เหมือนใคร เขาดูเหมือนผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมานาน
ถิรพุทธิ์เห็นเช่นนั้น เขาก็ไม่ลังเลและตามหลังธรรมนาถเข้าไปจู่โจมรพีพงษ์ เมื่อครู่ธฤตญาณพูดแล้ว เขาเดิมพันส่วนแบ่งของเขาในการต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ เขาไม่สนใจว่าจะเป็นกลั่นแกล้งผู้น้อยหรือไม่
ทั้งสองเข้าไปจู่โจมรพีพงษ์ทั้งซ้ายและขวาโดยไม่ออมมือแม้แต่น้อย
คนที่อยู่ล่างเวทีต่างมีสีหน้าคาดหวังกับการประลองครั้งนี้ แน่นอนว่าคนจำนวนมากอยากเห็นรพีพงษ์ถูกธรรมนาถและถิรพุทธิ์ต่อยจนอนาถ คนที่อยู่ในสนามนอกจากธฤตญาณกับไตรทศ ก็ไม่มีใครคิดว่ารพีพงษ์จะชนะสองคนนั้นได้
ชัยภัทรมองไปบนเวทีอย่างร้อนใจ เหงื่อไหลออกมาเต็มฝ่ามือของเขา ตอนนี้อนาคตของพวกเขาอยู่ในกำมือของคนที่ดูธรรมดาอย่างรพีพงษ์ เพราะว่าเขาไม่รู้จักรพีพงษ์ จึงไม่มีกะจิตกะใจไปดูการประลองบนเวที
เขาหันไปมองธฤตญาณกับไตรทศ แล้วสูดหายใจลึก เขากำลังจะพูดห้ามธฤตญาณ
แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก จู่ๆ คนที่ยืนมองไปบนเวทีอย่างธฤตญาณก็พูดออกมา “นายว่าครั้งนี้จะใช้เวลาแค่ไหน”
ไตรทศที่ยืนอยู่อีกด้านพูดว่า “ดูยังไงก็คงจะหนึ่งนาที อาจจะไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ น่าอับอายสิ้นดี”
“น่าจะไม่ถึงในหนึ่งนาที” ธฤตญาณยิ้มแล้วพูดออกมา
ชัยภัทรได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า “พี่ธฤต ขนาดพวกพี่ยังเชื่อว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ถึงหนึ่งนาที แล้วพี่จะให้เขาขึ้นไปสู้กับสองคนนั้นทำไม นี่มันเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองชัดๆ”
ธฤตญาณกับไตรทศมองหน้ากัน แล้วหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“เราไม่ได้บอกว่ารพีพงษ์จะโดนจัดการในหนึ่งนาที” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น
ชัยภัทรอึ้งไป จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “งั้นเมื่อกี้พี่หมายความว่า…”
“ไม่ต้องคิดแล้วล่ะ สองคนนั้นสู้รพีพงษ์ได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีหรอก” ไตรทศพูด
“ก็ไม่แน่ ครั้งนี้รพีพงษ์มาเพื่อระบายอารมณ์ เขาคงไม่จัดการสองคนนั้นง่ายๆ หรอก เขาน่าจะลองเชิงสองคนนั้นก่อน” ธฤตญาณพูดเสริม
ราวกับชัยภัทรได้ยินเรื่องช็อกโลก เขาเบิกตาโตมองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้า คิดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะคิดว่าธรรมนาถกับถิรพุทธิ์จะสู้กับรพีพงษ์ได้ไม่ถึงหนึ่งนาที
หรือว่าเขาฟังผิดไปเอง ชัยภัทรหันหน้ากลับไปมองบนเวทีด้วยความงุนงง
ขณะนี้รพีพงษ์ยืนประจันหน้ากับธรรมนาถและถิรพุทธิ์ เขากำลังควบคุมลมหายใจของตัวเอง เพื่อปรับสมดุลพละกำลังของตัวเอง เพื่อที่จะไม่ทำให้ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ตายเร็วเกินไป
เป็นอย่างที่ธฤตญาณคิดไว้ วันนี้รพีพงษ์มาเพื่อระบายอารมณ์ แน่นอนว่าเขาไม่ทำให้สองคนนั้นตายง่ายๆ แน่นอน เขาต้องควบคุมพละกำลังของตัวเอง เพื่อทำให้การประลองครั้งนี้นานขึ้นสักหน่อย
ขณะที่รพีพงษ์กำลังควบคุมลมหายใจของตัวเอง ธรรมนาถและถิรพุทธิ์พุ่งเข้ามาหาเขา และจู่โจมเข้ามาที่หน้าของเขา
รพีพงษ์ถอยไปข้างหลัง เพราะว่าเขากำลังจดจ่อกับการควบคุมลมหายใจ จึงไม่ได้จัดการพวกเขาในทันที
เพราะเป็นเช่นนี้ พวกคนที่ดูอยู่ล่างเวที ต่างคิดว่าแค่เริ่มต้นรพีพงษ์ก็รับมือของทั้งสองคนไม่ได้ จึงทำได้เพียงเดินถอยกลับ
“ฉันนึกว่าไอ้เด็กนั่นจะเก่ง ที่แท้ก็ทำอะไรไม่ได้ ขึ้นไปก็โดนสองคนนั้นต่อยจนไม่สามารถสวนกลับได้”
“ดูเหมือนว่ามันก็แค่อวดเก่ง เมื่อกี้ที่มันพูด ฉันนึกว่ามันจะรับมือกับธรรมนาถและถิรพุทธิ์ได้ แต่พอมาตอนนี้ มันก็แค่พูดโม้เท่านั้น”
“หึหึ พูดโม้ซะใหญ่โต แต่มีฝีมือแค่นิดเดียว ฉันว่าสองคนนั้นคงไม่ปล่อยให้มันมีชิวิตลงจากเวทีแน่นอน”
……
ชัยภัทรเห็นรพีพงษ์จนมุมตั้งแต่เริ่ม เขาขมวดคิ้ว เมื่อกี้ที่ได้ยินธฤตญาณกับไตรทศคุยกัน นึกว่ารพีพงษ์จะมีพละกำลังที่น่ากลัว แต่มาดูตอนนี้ มันคงจะไม่ใช่เช่นนั้น
“ดูเหมือนว่าพี่ธฤตกับไตรทศจะประเมินมันสูงไป ฝีมือแค่นี้จะจัดการสองคนนั้นในหนึ่งนาทีได้ยังไง ดูเหมือนว่าบทสรุปของวันนี้จะยากเสียแล้ว” ชัยภัทรส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
บนเวทีธรรมนาถและถิรพุทธิ์ เห็นว่ารพีพงษ์เอาแต่ถอยหลัง ก็แสยะยิ้มออกมา พวกเขาคิดว่ารพีพงษ์ไม่ได้มีฝีมืออะไร คำที่พูดก่อนหน้านี้ ก็แค่คุยโม้เท่านั้น
“ฉันว่านายก็ไม่ได้เก่งอะไรนิ เมื่อมาประจันหน้ากับพวกเรา นายทำได้แค่หลบ นายคิดว่าจะหลบแบบนี้ต่อไปได้เหรอ” ธรรมนาถพูดกับรพีพงษ์
“ฉันว่ามันไม่เจียมตัว ตอนขึ้นมาบนเวทีคงคิดว่าตัวเองจะชนะเราได้ สุดท้ายเมื่อต้องใช้ความสามารถจริงๆ มันถึงรู้ว่ามันไม่มีความสามารถ!” ถิรพุทธิ์ตะโกนออกมาเช่นกัน
ขณะนั้นเองรพีพงษ์ควบคุมลมหายใจของตัวเองได้เรียบร้อย เขาหยุดและไม่ก้าวถอยหลังอีก ชายหนุ่มมองสองคนนั้นแล้วพูดว่า “งั้นเหรอ”
จากนั้นรพีพงษ์จึงปล่อยหมัดใส่สองคนนั้นโดยไม่หลบอีก เขาควบคุมแรงของตัวเอง ถ้าเมื่อครู่เขาไม่ควบคุมลมหายใจ ก็คงจะต่อยหนึ่งในนั้นสองคนนี้ตายในหมัดเดียว
จู่ๆ ธรรมนาถและถิรพุทธิ์ก็รู้สึกว่าท่าทางของรพีพงษ์เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
หมัดที่พวกเขาปล่อยใส่รพีพงษ์ โดนรพีพงษ์รับเอาไว้ได้ทั้งหมด และหมัดที่รพีพงษ์สวนกลับมา พวกเขาไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่หมัดเดียว
คนที่ดูอยู่ข้างล่างเห็นการเปลี่ยนแปลงของรพีพงษ์ ต่างพากันตกตะลึง คนที่เคยหัวเราะเยาะรพีพงษ์ถึงกับหุบปากและดูการประลองบนเวทีด้วยความตกตะลึง
ผ่านไปไม่นาน คนดูเห็นเพียงรพีพงษ์กำลังปล่อยหมัดใส่สองคนนั้นไม่หยุด ตั้งแต่ต้นจนจบ สองคนนั้นไม่มีทางสวนรพีพงษ์กลับได้เลย ทั้งสองคนทำได้เพียงมองรพีพงษ์ปล่อยหมัดใส่ตัวเอง
ทุกคนพากันอ้าปากค้าง คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะเก่งถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะตอนที่เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รพีพงษ์ทำให้พวกเขาตกใจเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ชัยภัทรมองรพีพงษ์อย่างไม่เชื่อสายตา ฝีมือของรพีพงษ์มันเกินกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ แตกต่างกับที่เขาคิดกับรพีพงษ์ในตอนแรก
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมธฤตญาณกับไตรทศถึงพูดหนักแน่นเช่นนั้น ที่แท้รพีพงษ์มีฝีมือพอที่จะสู้กับธรรมนาถและถิรพุทธิ์
แต่สิ่งที่ชัยภัทรสงสัยก็คือ ถึงแม้รพีพงษ์จะสู้จนไม่สามารถทำให้สองคนนั้นสวนกลับมาได้ แต่ไม่เหมือนกับที่ธฤตญาณกับไตรทศพูดเอาไว้ว่าจะจัดการสองคนนั้นภายในหนึ่งนาที
ชัยภัทรคิดว่าพละกำลังของรพีพงษ์คงทำได้เพียงยื้อสองคนนั้นเอาไว้ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ไตรทศพูด
ธรรมนาถและถิรพุทธิ์ไม่สามารถรับมือกับการจู่โจมของรพีพงษ์ได้ พวกเขารู้สึกว่าการที่รพีพงษ์ขึ้นมาบนเวที ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาชนะพวกเขา
ผ่านไปไม่นาน ทั้งสองคนกลายเป็นเหมือนคนโง่
“หยุด ฉันยอมแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปฉันต้องโดนนายต่อยตายแน่” ธรรมนาถพูดกับรพีพงษ์ จากนั้นเขาจึงส่งสายตาให้ถิรพุทธิ์
ถิรพุทธิ์รู้ถึงสิ่งที่ธรรมนาถต้องการจะสื่อ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ฉันก็ไม่สู้แล้วเหมือนกัน ฉันสู้ไม่ไหว”
รพีพงษ์ได้ยินที่ทั้งสองคนพูด จึงหยุดและกำลังจะหันไปถามคนที่อยู่ข้างล่างว่ายังมีใครที่จะขึ้นมาสู้กับเขาอีกไหม เขารู้สึกว่าตัวเองยังระบายไม่หมด
ขณะนั้นเองธรรมนาถและถิรพุทธิ์มองรพีพงษ์ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร พวกเขาพุ่งเข้าไปหารพีพงษ์เพื่อที่จะโจมตีด้านหลังเขา
“พวกเราแค่พูดว่าไม่สู้แล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะยอมแพ้ นายหันหลังให้พวกเราถือว่าโง่สุดยอด!”
ธรรมนาถแสยะยิ้มแล้วตะโกนออกมา เขากำลังจะใช้หมัดทุบลงไปที่ตัวของรพีพงษ์
ขณะนั้นเอง รพีพงษ์รีบหันหลังกลับมาแล้วยกขาเตะไปที่ท้องของธรรมนาถ
ธรรมนาถเบิกตาโต จากนั้นตัวของเขาก็กระเด็นลงไปข้างล่างเวที จนทำให้ถิรพุทธิ์ที่อยู่ด้านหลังกลัวจนชะงักไป