พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 475 งั้นก็รออีกหน่อย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 475 งั้นก็รออีกหน่อย
บทที่ 475 งั้นก็รออีกหน่อย
ทุกคนตกตะลึงกับภาพนั้น เมื่อกี้รพีพงษ์หันหลังให้กับธรรมนาถและถิรพุทธิ์ ตอนที่สองคนนั้นจะจู่โจมรพีพงษ์ ความคิดแรกของทุกคนคือรพีพงษ์จบแล้ว
ในการต่อสู้ เมื่อเราหันหลังให้คู่ต่อสู้ โดยเฉพาะตอนที่คู่ต่อสู้ยังไม่ยอมแพ้ เป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก
แต่การเตะของรพีพงษ์กลับทำให้ทุกคนตกตะลึง การที่จะสามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั้น แถมยังเตะธรรมนาถจนกระเด็นออกไป นี่ไม่ใช่คนมีฝีมือทั่วๆ ไปจะทำได้
ขณะที่กำลังตกตะลึง มีใครบางคนรีบวิ่งเข้าไปหาธรรมนาถ เมื่อเขาตรวจดูอาการของธรรมนาถ สีหน้าของคนคนนั้นตกใจเป็นอย่างมาก เขาตะโกนออกมาว่า “ขะ เขาตายแล้ว ธรรมนาถตายแล้ว!”
ทุกคนพากันแตกตื่น ธรรมนาถหนึ่งในสามราชันแห่งสนามประลองใต้ดิน ตายเพราะการถูกเตะเพียงครั้งเดียว นี่มันทำให้คนที่มาดูธรรมนาถเป็นประจำตกใจเป็นอย่างมาก
รพีพงษ์ได้ยินว่าธรรมนาถตายแล้ว เขาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจและพูดพึมพำในใจว่า “ไม่ได้ควบคุมแรงให้ดี ขอโทษด้วย”
จากนั้นเขาจึงมองถิรพุทธิ์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาถามอย่างเย็นชาว่า “นายยังไม่ยอมแพ้ จะสู้กันต่อไหม”
เมื่อถิรพุทธิ์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดก็ทรุดลงต่อหน้าของรพีพงษ์ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นระรัว “ฉันยอมแพ้แล้ว ฉันยอมแล้ว”
เมื่อเห็นว่าถิรพุทธิ์ยอมแพ้ รพีพงษ์จึงไม่ได้ทำอะไรเขาต่อ แต่คนด้านล่างเวทีในตอนนี้ ล้วนพูดอะไรไม่ออกแล้ว
รพีพงษ์หันหลังเพื่อที่จะลงจากเวที ขณะนั้นเหมือนว่านึกอะไรได้ จึงหันกลับมามองถิรพุทธิ์
ถิรพุทธิ์คิดว่ารพีพงษ์จะจัดการเขาอีก เขาตกใจจนลงไปนอนกองกับพื้น แล้วพูดอ้อนวอนออกมาว่า “ลูกพี่ ผมยอมแพ้แล้ว ปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่อยากตาย”
“เอ่อ ฉันแค่อยากถามว่า ตอนนี้แกแพ้แล้ว ส่วนแบ่งที่เราตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ควรจะให้เลยใช่ไหม” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ถิรพุทธิ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก และรีบพูดออกมาว่า “ให้ ผมให้เลย”
เขาลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวานว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ส่วนแบ่งที่นี่ของฉัน ยกให้ธฤตญาณทั้งหมด ต่อไปนี้เขาคือผู้ควบคุมที่นี่ ฉันจะไม่เอาอะไรจากที่นี่แม้แต่บาทเดียว!”
พูดจบ เขาก็รีบเดินลงไปข้างล่างเวที แล้ววิ่งหางจุกตูดออกไปทันที
รพีพงษ์หันไปมองทุกคนและพูดว่า “มีใครไม่พอใจอีกไหม!”
จู่ๆ ด้านล่างสนามประลองก็เงียบสงัด ไม่มีใครกล้าค้านขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครขึ้นมาสู้ รพีพงษ์ก็ไม่อยู่บนเวทีต่อ เขาเดินลงจากเวทีทันที
คนส่วนใหญ่มองรพีพงษ์ด้วยแววตาหวาดกลัว แต่มีคนส่วนน้อยที่มองรพีพงษ์อย่างสะใจ
รพีพงษ์เดินเข้าไปหาพวกธฤตญาณ ในเวลานี้แววตาที่ชัยภัทรมองรพีพงษ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ความไม่พอใจที่เขามีต่อรพีพงษ์มลายหายไปจนหมด สิ่งที่เขามาแทนที่คือความนอบน้อมและความหวาดกลัว
ธฤตญาณกับไตรทศเห็นรพีพงษ์เดินเข้ามาก็ยิ้มให้เขา ธฤตญาณถามขึ้นว่า “เป็นยังไงบ้าง ได้ระบายอารมณ์แล้วหรือยัง”
“ยังเหลืออีกหน่อย” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ขณะนั้นเองไตรทศสังเกตเห็นกลุ่มคนที่มองรพีพงษ์ด้วยแววตาสะใจ จึงถามขึ้นว่า “พี่รพีชนะแล้ว ทำไมคนพวกนั้นยังมองเขาอย่างสะใจล่ะ”
ชัยภัทรถอนหายใจแล้วพูดว่า “ชนะน่ะชนะ แต่สิ่งสำคัญก็คือธรรมนาถตายแล้ว คนที่สะใจเป็นคนเมืองโบเวนอย่างแน่นอน”
“ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ” ธฤตญาณถามชัยภัทรอย่างสงสัย
“พี่ธฤต พี่ยังไม่รู้ว่าธรรมนาถเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ฝ่ามือรวมศูนย์แห่งเมืองโบเวน ปรมาจารย์คนนั้นชื่อนฤชิต การที่ธรรมนาถสามารถสร้างฐานได้ในเมืองโบเวน ก็เพราะนฤชิตคอยช่วยเขาอยู่”
“ธรรมนาถเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของนฤชิต เขาเข้าข้างธรรมนาถมาก ได้ยินมาว่าในช่วงแรกที่มีคนมาแย่งถิ่นของธรรมนาถ วันต่อมาคนนั้นถูกจับเข้าไปในป่าลึกและไม่สามารถออกมาได้อีกเลย วันนี้พี่รพีฆ่าธรรมนาถ นฤชิตไม่ยอมปล่อยไว้แน่นอน”
“วันนี้นฤชิตอยู่ในเมืองแทยกด้วย ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป นฤชิตต้องรีบมาที่นี่อย่างแน่นอน”
ชัยภัทรพูดจบ เขาก็มีสีหน้าประหม่า กลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “พวกเรารีบออกไปดีไหม ถ้านฤชิตมาเราจะซวย”
เมื่อธฤตญาณกับไตรทศได้ยินสิ่งที่ชัยภัทรพูด พวกเขายังคงนิ่ง ราวกับว่านฤชิตไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น
รพีพงษ์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อกี้ธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ยังไม่ทำให้เขาระบายอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ ถ้ามีคนมีฝีมือมากกว่าสองคนนั้นมาสู้กับรพีพงษ์ แน่นอนว่ารพีพงษ์เต็มใจสู้อย่างแน่นอน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออีกหน่อยเถอะ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
เมื่อชัยภัทรได้ฟังสิ่งที่รพีพงษ์พูด เขาก็อึ้งไปครู่หนึ่ง ตอนแรกเขานึกว่าพอเขาพูดจบ รพีพงษ์จะตระหนักได้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดว่าให้รอ
ชัยภัทรคิดว่ารพีพงษ์รู้ว่ามันอันตรายแต่ก็ยังทำ ถึงแม้รพีพงษ์จะเก่งจนสามารถทำให้สองคนนั้นไม่มีทางสวนกลับ แต่ว่าเขาไม่ได้เก่งเหมือนที่ธฤตญาณพูดเอาไว้ว่าสามารถจัดการได้ภายในหนึ่งนาที
ยิ่งไปกว่านั้นนฤชิตคือปรมาจารย์ฝ่ามือรวมศูนย์อันดับหนึ่งแห่งเมืองโบเวน ฉายานี้ไม่ใช่ได้มาเล่นๆ ไม่เคยมีใครในเมืองริเวอร์ที่ได้รับฉายาผู้มีฝีมืออันดับหนึ่ง ธรรมนาถเป็นลูกศิษย์ของนฤชิต แต่ฝีมือของทั้งสองคนยังต่างกันมาก
ถ้ารพีพงษ์คิดว่าตัวเองสามารถต้านทานกำลังของนฤชิต เพราะเอาชนะธรรมนาถกับถิรพุทธิ์ได้ เกรงว่าเขาจะคิดไปเองน่ะสิ
“พี่รพี พละกำลังของนฤชิตไม่ได้เหมือนที่พี่จินตนาการเอาไว้ ผมว่าเรารีบไปหาที่หลบก่อนดีกว่า นฤชิตคงไม่อยู่ที่เมืองแทยกตลอด เรารอให้เขากลับไปก่อน จากนั้นจึงหาทางจัดการเรื่องนี้” ชัยภัทรพูดเกลี้ยกล่อม
“ชัยภัทร นายดูถูกพี่รพีเกินไปแล้ว ในเมื่อพี่รพีบอกให้นายรอ นายก็รอสิ ปรมาจารย์ฝ่ามือรวมศูนย์อะไรนั่นเป็นแค่เรื่องเล็กเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่รพี” ไตรทศจ้องชัยภัทรแล้วพูดขึ้น
“ไม่ใช่นะครับ นฤชิตเก่งจริงๆ…” ชัยภัทรกำลังจะอธิบายให้ไตรทศฟัง
“พอแล้ว รอสักพัก ให้นฤชิตอะไรนั่นมาก่อน แล้วนายจะรู้ว่ารพีพงษ์เป็นคู่ต่อสู้ของเขาจริงหรือเปล่า” ธฤตญาณเอ่ยขึ้น
เมื่อชัยภัทรเห็นว่าคำพูดของตัวเองไม่สามารถทำให้ทั้งสามคนเชื่อได้ เขาจึงไม่พูดอะไรต่อ
ถ้าเขาไม่อยากรักษาสนามประลองใต้ดินที่เมืองแทยกเอาไว้ ไม่แน่ตอนนี้เขาอาจจะหนีไปเพียงคนเดียวแล้วก็ได้
“ไม่ว่ายังไงรพีพงษ์เป็นคนฆ่าเขา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน นฤชิตคงไม่มาหาเรื่องฉัน ตอนนี้ฉันคงทำได้เพียงขอพรจากพระเจ้า”
คนของเมืองโบเวนที่อยู่ในสนามประลองเห็นรพีพงษ์ยังอยู่ที่นี่ และไม่มีท่าทีว่าจะออกไป นอกจากจะมีคนที่รู้สึกตกใจแล้ว ยังมีคนที่ยิ่งสะใจเข้าไปอีก
“อย่าบอกนะว่าชัยภัทรไม่ได้บอกเขาว่าธรรมนาถเป็นลูกศิษย์ของนฤชิต พวกเขาถึงยังรออยู่ที่นี่ ฉันได้ยินมาว่านฤชิตอยู่ที่เมืองแทยกด้วย ฉันว่าเขาคงจะมาที่นี่ในไม่ช้า”
“ดูท่าทางของมันเมื่อกี้ เหมือนชัยภัทรจะบอกเรื่องนี้กับมันแล้ว แต่รพีพงษ์อะไรนั่นไม่ยอมไปจากที่นี่ อย่าบอกนะว่าจะรอนฤชิตมาที่นี่ เขาจะต่อกรกับนฤชิตอย่างนั้นเหรอ”
“อย่าล้อเล่นน่า นฤชิตเป็นปรมาจารย์ฝ่ามือรวมศูนย์อันดับหนึ่งของเมืองโบเวน ถึงรพีพงษ์จะเก่งจนสู้สองต่อหนึ่งได้ แต่จากฝีมือของมันเมื่อครู่ ไม่สามารถสู้นฤชิตได้อย่างแน่นอน”
“นายพูดถูก ตอนแรกนฤชิตสู้สิบต่อหนึ่งเลยนะ แถมยังใช้กระบวนท่าแค่สิบกว่ากระบวนท่าก็จัดการได้ด้วยตัวคนเดียว รพีพงษ์สู้กับสองคนนั้นก็คงใช้แรงไปเยอะแล้ว จะเป็นคู่ต่อสู้ของนฤชิตได้อย่างไร น่าขำสิ้นดี”
……
ผ่านไปไม่นาน เกิดความโกลาหลที่หน้าประตูทางเข้าสนามประลอง ทุกคนรีบหลีกทางให้ จากนั้นชายที่ดูมอมแมม ไว้ผมทรงเดทร็อค เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางเกรี้ยวกราด
เขาไปดูศพของธรรมนาถ จากนั้นจึงกวาดตามองรอบๆ รังสีอาฆาตแผ่ออกมาจากตัวเขา
“ใครที่มันกล้ามาฆ่าลูกศิษย์ของฉัน ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม รีบไสหัวออกมา วันนี้ฉันจะหั่นแกเป็นหมื่นชิ้น!