พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 486 ผมสามารถรับประกัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 486 ผมสามารถรับประกัน
บทที่ 486 ผมสามารถรับประกัน
ตั้งแต่ออกจากห้องหนังสือ ท่านคทายังคงรู้สึกว่าหัวสมองของตัวเองมีเสียงแคร่งๆๆ ดังขึ้น
เมื่อกี้ตอนที่รพีพงษ์บอกเรื่องพวกนั้นกับเขา ไม่ว่าเรื่องไหน ก็สามารถบอกได้ว่าเป็นความลับที่ใหญ่ที่สุดของตระกูลลัดดาวัลย์ อีกอย่างรพีพงษ์ยังทำให้ท่านคทารู้ว่า นนทภูไม่ได้ตาย แค่ไปในที่ๆ ไม่สามารถออกมาได้
รพีพงษ์ก็เลือกที่จะเล่าเรื่องสำคัญที่ตนเองอยู่ในกิสนาให้กับท่านคทาฟัง และก็บอกกับท่านคทา นนทภูสนับสนุนรพีพงษ์ มันไปไกลกว่าที่ตระกูลลัดดาวัลย์จะสามารถเทียบเทียมได้
และนี่ก็ทำให้ท่านคทารู้ว่าทำไมรพีพงษ์ถึงมีความเชื่อมากขนาดนี้ ตอนนี้ไม่เพียงแต่รพีพงษ์ที่รู้สึกว่าการข่มขู่ของกรุ๊ปKINไม่ถือว่าน่ากลัวอะไร เขาก็ยังเริ่มรู้สึกแบบนี้
“ดูๆ แล้วนี่เป็นเพราะฟ้าสวรรค์คุ้มครองตระกูลลัดดาวัลย์ของฉันจริงๆ วันนี้รพีพงษ์กลับมา กรุ๊ปKIN ก็ไม่ควรค่าที่จะกังวลถึงอีกต่อไป”
“ไหนๆ ก็เป็นแบบนี้แล้ว งั้นผ่านเรื่องนี้ไป ดูว่าใครจะเป็นคนที่จงรักภักดีต่อตระกูลลัดดาวัลย์ สำหรับพวกคนที่อยากจะหักหลัง เหอะ ต้องไม่มีจุดจบที่ดีแน่นอน! ”
หลังจากที่พึมพำกับตัวเองไปสองประโยค ท่านคทาก็ทำสีหน้าที่ผ่อนคลายลง แล้วตนเองก็เดินเข้าไปในห้องนอน
……
ช่วงเช้าของวันที่สอง
เรือนที่พักหลักของคฤหาสน์ของตระกูลลัดดาวัลย์ ญาดาพาคนกลุ่มหนึ่งล้อมอยู่ที่นี่ แล้วกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่ท่านคทาเป็นผู้นำ
“ท่านคทา เรื่องมันถึงวันนี้แล้ว ท่านก็อย่าดึงดันเกินไปเลย ถ้าตระกูลลัดดาวัลย์ยังอยู่ในมือของรพีพงษ์ แค่จะยิ่งอยู่ยิ่งแย่ ทางเลือกเดียวในตอนนี้ ก็คือให้รพีพงษ์มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมา” ญาดามองท่านคทาด้วยสีหน้าที่เคล้าด้วยความชอบธรรม
และรู้ว่าท่านคทานเป็นรากฐานของรพีพงษ์ แล้วจะฟังคำพูดของญาดาได้ยังไง
สองตาของเขาที่เต็มไปด้วยความโมโหกำลังมองญาดา แล้วพูดขึ้น “ญาดา ทีแรกฉันนึกว่าเธอเป็นคนที่คิดเผื่อตระกูลลัดดาวัลย์ตลอดมา นึกไม่ถึงกลับแม้แต่เธอก็ยังถูกคนอื่นยั่วยวน เธอทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังจริงๆ ”
“ท่านคทา นี่ฉันไม่ใช่ว่าคิดเผื่อตระกูลลัดดาวัลย์อยู่หรือไง? ให้รพีพงษ์มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมา นี่แหละคือการเลือกที่ถูกต้องที่สุดของตระกูลลัดดาวัลย์” ญาดาพูดด้วยความจริงจัง
“งั้นเธอลองว่ามาดู ตอนนี้สถานการณ์ที่อันตรายของตระกูลลัดดาวัลย์ มาจากกรุ๊ปKIN ฉันจะมอบหรือไม่มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกไป มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้? ” เวลานี้เสียงของรพีพงษ์ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หันไปดู
ญาดาถูกคำถามของรพีพงษ์ทำให้ถึงกับพูดไม่ออก ถึงแม้เธอจะฉลาดหลักเลือดเย็น ทว่าก็เอาความจดจ่อทั้งหมด ไปจดจ่อกับการเล่นหมากล้อม จึงได้ความพละกำลังและความรู้ความเข้าใจในด้านการแก่งแย่งนี้น้อยมาก แค่คนอื่นให้เธอทำแบบนี้ เธอก็ทำแบบนี้ ไม่เคยคิดว่านี่มีเหตุผลแอบแฝงอยู่
ตอนนี้รพีพงษ์ถามเธอแบบนี้ แน่นอนว่าเธอก็นึกข้ออ้างที่ดีอะไรไม่ออก
“เธอตอบไม่ได้ ฉันจะหลีกตำแหน่งนายใหญ่ออกมาได้ยังไงล่ะ? ” รพีพงษ์จับจ้องญาดาไว้ เหมือนได้ทำให้วิญญาณของเธอทะลุเป็นรู
ญาดาทำสีหน้าที่เคล้าด้วยความอึดอัดใจ ในสมองกำลังคิดอย่างรวดเร็วว่าจะโต้แย้งรพีพงษ์ยังไง คนพวกนั้นที่ยืนอยู่ข้างหลังญาดาต่างก็มองเธอด้วยความสงสัย ตอนนี้พวกเขาก็เริ่มครุ่นคิด ไหนๆ ญาดาก็คิดเผื่อตระกูลลัดดาวัลย์ แล้วทำไมไม่ไปคิดว่าจะรับมือกับกรุ๊ปKINยังไง กลับมาคิดว่าจะให้รพีพงษ์หลีกตำแหน่งนายใหญ่ออกมาให้ได้?
แบบนี้ต่อให้รพีพงษ์มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมา กรุ๊ปKINไม่ใช่ว่าจะลงไม้ลงมือกับตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ดีหรือไง?
ตอนที่ทุกคนกำลังสงสัย และมีหลายๆ ก็เดินไปในเรือนที่พักหลัก
“ง่ายมาก แค่รพีพงษ์มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมา กรุ๊ปKINก็จะเลิกเอาเรื่องตระกูลลัดดาวัลย์ ถึงเวลาตระกูลลัดดาวัลย์ยังสามารถครองตำแหน่งตระกูลเบอร์หนึ่งในเกียวโต” มีเสียงอันร่าเริงดังขึ้น
ทุกคนต่างก็หันไป ก็เห็นว่าคนที่มาคือนิรมัท
ตอนแรกกลุ่มคนพวกนิรมัทถูกรพีพงษ์ไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ พวกเขาก็เคยมาโวยวายในคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ ทว่าก็ถูกท่านคทาจัดการไป
หลังจากนั้น กลุ่มคนพวกนิรมัทก็ย่อยยับอย่างมาก พวกเขาสาปแช่งรพีพงษ์อยู่ตลอดเวลา เสียดายมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย รพีพงษ์เป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถพบเห็นได้ง่ายๆ
สถานการณ์แบบนี้ดำเนินไปสักระยะ โยษิตาก็ไปหาพวกเขา
ถึงแม้รู้สึกตกใจที่โยษิตาปรากฏอีกครั้ง ทว่าไม่นานพวกเขาก็สามารถยอมรับเรื่องนี้ โยษิตาพาพวกเขาไปถึงกรุ๊ปKIN แล้วบอกพวกเขาว่า การดำรงอยู่ของกรุ๊ปKIN ก็เพื่อที่จะจัดการกับรพีพงษ์
พวกเขาที่เกลียดรพีพงษ์เข้ากระดูกดำจึงรีบเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกรุ๊ปKIN อีกอย่างยังถือว่าโอกาสในประสบการณ์การทำงานในตระกูลลัดดาวัลย์ และก็ได้เริ่มการแก่งแย่งกับตระกูลลัดดาวัลย์ในเชิงหาเรื่อง
สามารถพูดได้ว่ากรุ๊ปKINสามารถบีบบังคับตระกูลลัดดาวัลย์ในถึงขั้นนี้ด้วยความว่องไวแบบนี้ นิรมัทพวกเขาก็ต้องสร้างผลงานชิ้นใหญ่มาก
“นิรมัท นายเป็นคนที่ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้ว แล้วยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก? ” รพีพงษ์จับจ้องนิรมัทแล้วพูดด้วยความเย็นชา
นิรมัทแค่ยิ้ม แล้วพูดขึ้น “ฉันถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ แต่ว่าวันนี้ยังคงสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งระดับสูงของกรุ๊ปKIN และตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ภายใต้การนำพาของนาย และมันใกล้จะไม่ไหวแล้ว ฉันจะไม่มีหน้าพูดแบบนี้ได้ยังไง? ”
ญาดาเห็นว่านิรมัทมาแล้ว ก็รีบวิ่งไปทางฝั่งของพวกเขา หลังจากนั้นก็พูดกับรพีพงษ์ “รพีพงษ์ นายก็ได้ยินหมดแล้ว แค่นายมอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมา ตระกูลลัดดาวัลย์ก็จะสันติสุข พวกเราทำแบบนี้ ก็ทำเพื่อตระกูลลัดดาวัลย์ทั้งนั้น! ”
“ถ้าฉันไม่มอบล่ะ? ” รพีพงษ์พูดอย่างไม่สนใจ
“หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป ถ้านายยังไม่มอบตำแหน่งนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ออกมา ก็จะมีต้นทุนมหาศาลเข้าสู่ตลาดหุ้น จากนั้นก็ควบคุมหุ้นที่เข้าตลาดหุ้นของตระกูลลัดดาวัลย์ไปทั้งหมด ถึงเวลาธุรกิจทั้งหมดของตระกูลลัดดาวัลย์ก็จะหยุดชะงัก แล้วไม่รู้ว่านายที่เป็นนายใหญ่คนหนึ่งของตระกูลลัดดาวัลย์ ยังสามารถนั่งนิ่งดูดายแบบนี้ไหม” นิรมัททำสีหน้าที่เคล้าด้วยรอยยิ้ม
รพีพงษ์เบะปาก มิน่าล่ะญาดาถึงบอกว่าต้องการเงินหนึ่งหมื่นล้าน จึงจะสามารถรับมือการหาเรื่องของกรุ๊ปKINได้ ที่แท้ก็พึ่งพาการควบคุมตลาดหุ้นมาจู่โจมตระกูลลัดดาวัลย์นี่เอง
ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็คงจะง่ายมาก
รพีพงษ์เอามือถือออกมา แล้วส่งข้อความสั้น จากนั้นก็ไม่ได้กังวลอะไรสักอย่าง
“ต้องขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ได้คิดว่าพวกเธอสามารถควบคุมมูลค่าหุ่นของธุรกิจตระกูลลัดดาวัลย์ได้” รพีพงษ์พยักหน้าพลางพูดขึ้น
นิรมัททำเสียงเย็นชาในลำคอ แล้วพูด “อยากจะรับมือกับการจู่โจมครั้งนี้ของกรุ๊ปKIN อย่างน้อยนายต้องมีกระแสเงินสดหนึ่งหมื่นล้าน ตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ก็จนตรอกขนาดนี้แล้ว หรือว่านายคิดว่านายจะเอาเงินหนึ่งหมื่นล้านออกมาได้? ”
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ฉันเอาออกมาได้ไหม ครึ่งชั่วโมงผ่านมาพวกเธอก็จะรู้เอง”
นิรมัทนึกไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะดื้อรั้นขนาดนี้ ถึงเวลานี้แล้ว กลับไม่ยอมแพ้ เขารู้สึกว่ารพีพงษ์แค่ทำโดยพลการเท่านั้น ไม่ใช่คิดว่ารพีพงษ์มีวิธีจัดการกับเงินหนึ่งหมื่นล้านนี้ จึงได้รู้สึกนิ่งเฉยแบบนี้
“ทุกท่าน สิ่งที่ควรพูดฉันก็พูดไปแล้ว ท่าทีของรพีพงษ์พวกเธอก็เห็นแล้ว นี่เขาตั้งใจไม่อยากให้ตระกูลลัดดาวัลย์มีสถานการณ์ที่ดีขึ้น หรือว่าพวกเธอเชื่อว่าเขาจะสามารถเอาเงินหนึ่งหมื่นล้านออกจากในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้? ฉันจะเตือนให้พวกเธอครุ่นคิดดีๆ หากตระกูลลัดดาวัลย์จบ พวกเธอก็จะพลอยลำบากไปด้วย! ” นิรมัทตะโกนให้กับทุกคนที่อยู่โดยรอบ
คนของตระกูลลัดดาวัลย์ต่างก็เพราะว่าคำพูดของนิรมัทจนรู้สึกลังเล นิรมัทพูดไม่ผิด ตามสถานการณ์ตอนนี้ของตระกูลลัดดาวัลย์ อยากจะเอาเงินออกมาหนึ่งหมื่นล้าน ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก และถ้าแค่ต้องการให้รพีพงษ์มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกไป แล้วแลกกับความมั่นคงของตระกูลลัดดาวัลย์ ฟังดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
ทว่าเวลานี้กลับไม่มีใครยืนออกมาแสดงจุดยืนของตัวเอง ทุกคนต่างก็อยู่ในช่วงที่พิจารณา
นิรมัทแสยะยิ้มเย็นชาพลางมองรพีพงษ์ ไม่ว่าวันนี้รพีพงษ์จะมอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมาหรือไม่ เขาก็ซวยแล้ว นิรมัทรอวันนี้มานานเกินไป เขาจะมองรพีพงษ์ถูกคนทั้งหมดในตระกูลลัดดาวัลย์ทอดทิ้งด้วยตาของตนเอง
เวลาผ่านไปทุกๆ นาทีทุกๆ วินาที รพีพงษ์ไม่ได้มีท่าทีว่าจะมอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมาเลยสักนิด ทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ต่างก็รอจนกระวนกระวายเล็กน้อย
สุดท้าย คนๆ หนึ่งก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป แล้วตะโกนขึ้น “รพีพงษ์ ไม่งั้นนายก็มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมาเถอะ นี่ก็เพื่อตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่งั้นตระกูลลัดดาวัลย์ซวยจริงๆ แล้ว”
คนๆ นี้พูดจะพูดออกมา คนในตระกูลลัดดาวัลย์ที่มีความคิดก็เริ่มพร่ำบ่นตามกันมา
“พูดถูก วันนี้แค่นายมอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมา ถึงจะสามารถทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์ปลอดภัย”
“รพีพงษ์ นายอย่าเห็นแก่ตัวเกินไปสิ ถึงเวลานี้แล้ว มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมาถึงจะเป็นการเลือกที่ฉลาด รากฐานการดำรงชีวิตอยู่ของพวกเราที่เป็นผู้คนมากมายขนาดนี้ ไม่สามารถถูกนายทำให้มันพังได้”
“ถึงเวลานี้แล้วก็อย่าประมาทเลย ความสามารถของกรุ๊ปKINนายก็รู้ดี วันนี้เกียวโตไม่ได้เป็นแผ่นดินของตระกูลลัดดาวัลย์อีกต่อไป รพีพงษ์ นายอย่าดื้อดึงเลย”
…….
นิรมัทเห็นคนมากมายขนาดนี้เกิดการหวั่นไหว และรพีพงษ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเอง แม้กระทั่งยังเกิดอาจารจาม ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาเล็กน้อย
ถ้าตอนนี้รพีพงษ์มอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมา ถึงแม้กรุ๊ปKINจะไม่ให้ตระกูลลัดดาวัลย์ครอบงำเกียวโตอีก ทว่าแค่สามารถรักษาตระกูลลัดดาวัลย์ไว้ งั้นก็เอาตำแหน่งนายใหญ่ไปมอบไว้ในมือของนิรมัทเถอะ
ทว่าตอนนี้รพีพงษ์ไม่ได้คิดจะมอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมาแต่อย่างไร แน่นอนว่าทำให้เขารู้สึกกังวลมาก ถ้าครึ่งชั่วโมงผ่านไปไม่ได้ผลสรุปอะไร กรุ๊ปKINจะจัดการกับตระกูลลัดดาวัลย์ ถึงเวลาตระกูลลัดดาวัลย์จบกันจริงๆ ภายใต้สถานการณ์แบบนั้นของตระกูลลัดดาวัลย์ ก็จะไม่มีค่าอะไรเลย
พอเห็นว่าสิบห้านาทีผ่านไปแล้ว รพีพงษ์ยังคงไม่พูดไม่จา นิรมัทก็รู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
“รพีพงษ์ หรือว่านายอยากจะให้ตระกูลลัดดาวัลย์จบแบบนี้? ” นิรมัทตะโกนขึ้น
รพีพงษ์พยักหน้าให้เขา ใบหน้าดูไม่แคร์
นิรมัททำเสียงเย็นชาในลำคอ แล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไรสำหรับเรื่องที่รพีพงษ์จะหลีกตำแหน่งนายใหญ่ เขามองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไปชั่วพริบตา แล้วพูดขึ้น “ดูๆ แล้ว รพีพงษ์ดึงรั้นที่จะผลักตระกูลลัดดาวัลย์เข้าไปในปล่องไฟกองไฟ ฉันก็ช่วยอะไรพวกเธอไม่ได้แล้ว แต่ว่าฉันไม่ได้ไร้จิตใจเหมือนรพีพงษ์ ในบรรดาพวกเธอ มีใครที่จะติดตามฉันไหม ตอนนี้สามารถตามมา ฉันสามารถรับประกันได้ว่าหลังจากที่ตระกูลลัดดาวัลย์เจอกับเคราะห์ร้ายแล้ว ก็ยังจะให้งานๆ หนึ่งที่พอใช้ให้กับพวกเธอ”
ทุกคนต่างถอนหายใจอย่างประหม่า ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารพีพงษ์ไม่ยอมยกตำแหน่งนายใหญ่ออกมา ตระกูลลัดดาวัลย์ก็คงจะซวยจริงๆ แล้ว
“ฉันสามารถรับประกันกับพวกเธอ ถึงเวลานั้นที่นิรมัทพูด ตระกูลลัดดาวัลย์ยังคงสุขสบายดี ไหนๆ เขาก็ให้พวกเธอเลือกแล้ว งั้นฉันก็จะไม่ขัดขวาง ถ้าพวกเธอเชื่อฉัน ก็อดทนรอสักนิด ถ้าไม่เชื่อ พวกเธอก็สามารถไปทางฝั่งนิรมัท” รพีพงษ์เอ่ยพูด
ทุกคนต่างก็รีบปรึกษาหารือกันขนาดนี้ เหมือนกำลังตัดสินใจว่าตนเองควรเลือกยังไงดี
ไม่นาน ก็มีคนเดินไปทางฝั่งนิรมัท อีกอย่างยังขึงตามองรพีพงษ์อย่างโหดเหี้ยม แล้วตะโกนใส่เขา “รพีพงษ์ ตระกูลลัดดาวัลย์ถูกทำลายในน้ำมือของคนอย่างนาย ถือว่าเป็นเรื่องที่เฮงซวยไปแปดชั่วรุ่น เดี๋ยวนายจะเสียใจเอง! ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็เริ่มเลือกจุดยืนของตัวเอง ไม่นาน ในเรือนที่พักก็แบ่งเป็นสองพวก
ท่านคทาเห็นฉากนี้ ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะเลือกบุคคลที่มีความสามารถที่จงรักภักดีต่อตระกูลลัดดาวัลย์ ต่อให้ต้องสูญเสียคนที่มีความสามารถไปบ้าง ทว่าสำหรับตระกูลๆ หนึ่งแล้ว การจงรักภักดีมันสำคัญกว่าความสามารถ อีกอย่างตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ ก็ไม่ได้ปลูกฝังยากขนาดนั้น
รอให้ทุกคนเลือกจุดยืนของตัวเองเสร็จ นิรมัทก็มองรพีพงษ์ด้วยความเย็นชา แล้วกดโทรออก
“ลงมือเถอะ รพีพงษ์ไม่ยอมมอบตำแหน่งนายใหญ่ออกมา ตระกูลลัดดาวัลย์ก็ไม่จำเป็นต้องดำรงอยู่อีกต่อไป”
หลังจากวางสาย เขากระตุกมุมปากที่ดูร้ายกาจออกมา แล้วพูดขึ้น “รพีพงษ์ นายต้องจำไว้ให้ดี ตระกูลลัดดาวัลย์ถูกทำลายในน้ำมือของนาย นายก็ต้องเป็นคนบาปที่มีความผิดหนักหนาสาหัสของตระกูลลัดดาวัลย์! ”
“อย่าพูดคำพูดออกมาเร็วเกินไปสิ แค่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกเท่านั้น” รพีพงษ์จับจ้องนิรมัทแล้วพูดขึ้น
“ถึงตอนที่ใกล้จะตายแล้ว ยังจะเสแสร้งอีก เดี๋ยวบริษัทที่ขึ้นตลาดหุ้นที่อยู่ภายใต้นามของตระกูลลัดดาวัลย์ก็จะต่ำลงและหยุดไป ดูว่านายจะเสแสร้งได้อีกไหม! ” นิรมัททำเสียงเย็นชาในลำคอ
ญาดาก็มองรพีพงษ์อย่างดูถูก ตอนนี้ในสายตาของเธอ ต่อให้รพีพงษ์มีทักษะการเล่นหมากล้อมที่เก่งกาจ ก็คงยังเป็นไอ้คนที่มองตื้นๆ เธอไม่ได้สนใจรพีพงษ์มานานแล้ว ตอนนี้เป้าหมายของเธอคือจิรเวช
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเร็วมาก นิรมัทคาดเดาว่าได้เวลาอันสมควรแล้ว จึงพูดกับทุกคน “เอามือถือออกมาดูว่าบริษัทในตลาดที่อยู่ภายใต้นามของตระกูลลัดดาวัลย์ต่ำได้เป็นยังไงบ้างแล้ว เชื่อว่าสถานการณ์คงจะแย่อย่างรุนแรง! ”
ทุกคนต่างก็รีบเอามือถือออกมา แล้วเช็คหุ้นของตระกูลที่อยู่ภายใต้นามของตระกูลลัดดาวัลย์
ญาดาก็เอามือถืออกมาเช็คดู ทว่าหลังจากที่เห็นผลสรุป เธอก็นิ่งงันไป
นิรมัทเห็นญาดาตอบสนองแบบนี้ จึงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แล้วเอ่ยถาม “ทำไม? ตกต่ำอย่างรุนแรงขนาดนั้นเลยหรอ ทำให้เธอถึงกับตกใจขนาดนี้? ”
ญาดาเงยหน้ามองนิรมัท ริมฝีปากสั่นเทา “บริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ที่อยู่ภายใต้นามของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่มีบริษัทไหนที่ตก อีก……..อีกอย่าง ยังราคาขึ้นไปครึ่งเท่าตัวและหยุดลงอย่างมั่นคง!