พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 508 ฉันไม่ไปโรงแรมกับคุณหรอก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 508 ฉันไม่ไปโรงแรมกับคุณหรอก
บทที่ 508 ฉันไม่ไปโรงแรมกับคุณหรอก
หลังจากที่ณัฐปภัสร์ได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูด จู่ๆ เขาก็รู้สึกจิตใจแตกสลาย ถึงคำพูดของรพีพงษ์จะดูเหมือนเป็นการขอความคิดเห็นจากเขา แต่เขาไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย
เขาใช้ทั้งเงินและความตั้งใจอย่างมากในการบังคับซื้อที่ดินแห่งนี้ ถ้าเขาซื้อที่ดินผืนนี้ เพื่อที่จะให้มันเป็นสถานสงเคราะห์เด็กต่อไป งั้นเขาเอาเงินไปลงทุนกับอย่างอื่นไม่ดีกว่าเหรอ
แต่เมื่อรพีพงษ์พูดเช่นนี้ ถึงเขาจะไม่ยินยอม ก็จำใจต้องตอบตกลง อีกอย่างการตอบตกลงก็แค่เสียที่ดินผืนนี้ไป แต่ถ้าทำให้รพีพงษ์ไม่พอใจ เขาอาจจะต้องสูญเสียทั้งบริษัท
คนโง่ก็รู้ว่าในตอนนี้คนที่กล้าเป็นศัตรูกับรพีพงษ์ จะมีจุดจบอย่างไร
“นายใหญ่พูดถูกครับ จริงๆ ผมก็อยากทำความดีด้วยการช่วยเหลือผู้ที่ยากลำบากมานานแล้ว ในเมื่อนายใหญ่พูดแบบนี้ แน่นอนว่าการเคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง” ณัฐปภัสร์กัดฟันพูด
เมื่อเห็นณัฐปภัสร์ตกลง รพีพงษ์จึงยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “คุณวางใจเถอะ การทำบุญทำทาน จะทำให้คุณได้รับสิ่งตอบแทนที่ดี ผมไม่ให้คุณเสียเงินก้อนนั้นไปเปล่าๆ หรอก เมื่อเรื่องที่นี่เรียบร้อย แน่นอนว่าอาจจะมีโครงการไปที่บริษัทของคุณ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ณัฐปภัสร์แววตาเป็นประกาย ถ้าเทียบเงินนั่นกับคำพูดของรพีพงษ์ คำพูดของรพีพงษ์ยังมีค่ามากกว่า
“งั้นผมขอขอบคุณนายใหญ่ไว้ล่วงหน้า ผมจะดูแลเรื่องที่นี่อย่างดี ผมจะส่งคนมาพลิกโฉมที่นี่ใหม่ และเปลี่ยนของข้างในให้เป็นของใหม่ทั้งหมด เพื่อทำให้เด็กๆ ในสถานสงเคราะห์มีสิ่งแวดล้อมในการเจริญเติบโตที่ดี” ณัฐปภัสร์รีบพูดตอบ
จากนั้นเขาจึงหันไปพูดกับทุกคนว่า “ท่านทั้งหลาย ก่อนหน้านี้ผมไม่มีความเมตตา ในหัวมีแต่ผลประโยชน์ จนทำให้เกือบจะรื้อถอนที่นี่ แต่เพราะนายใหญ่สั่งสอนผม ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองควรทำอะไร ดังนั้นผมตัดสินใจที่จะใช้เงินพลิกโฉมที่นี่ใหม่ ทำให้เด็กๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น!”
เมื่อคนบริเวณนั้นได้ยินสิ่งที่ณัฐปภัสร์พูด ต่างก็อุทานออกมา โดยเฉพาะกัญญาวีร์กับครูที่อยู่ในสถานสงเคราะห์เด็ก พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่เพิ่งจะมารื้อถอนที่นี่ ภายในพริบตาเดียวกลับกลายเป็นผู้ที่จะมาพลิกโฉมที่นี่ใหม่
อีกทั้งทุกคนรู้ดีว่าการที่ณัฐปภัสร์เปลี่ยนไปเช่นนี้เพราะรพีพงษ์
“ให้ตายเหอะ ไอหนุ่มนั่นเป็นนายใหญ่ของตระกูลรพีพงษ์ เรามองคนจากภายนอกไม่ได้จริงๆ ฉันว่าแล้วทำไมเขาถึงสู้กับคนเยอะๆ แบบนั้นได้ ถ้าเป็นฉัน ฉันก็ไม่กลัวคนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงหรอก”
“มองคนจากภายนอกไม่ได้ไม่สามารถใช้ได้กับที่นี่ แค่มองก็รู้ว่าเขาผ่านอะไรมามากมาย ต้องเป็นคนที่สูงส่งเท่านั้นถึงจะทำให้เรารู้สึกแบบนั้น อันที่จริงฉันรับรู้ได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา”
“ครั้งนี้สถานสงเคราะห์เด็กโชคดีจริงๆ ที่มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์บันดุงมาพลิกโฉมให้ใหม่ นายใหญ่ทำความดีครั้งใหญ่แล้วล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงช่วยคนพวกนั้น”
“เรื่องนี้เดาได้ง่ายมาก พวกนายไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นเหรอ หน้าตาดีขนาดนั้น เขาคงช่วยที่นี่เพราะเธอ ผู้หญิงหน้าตาดีพวกนี้ ช่างโชคดีจริงๆ”
……
เมื่อกัญญาวีร์ได้ยินคำพูดของณัฐปภัสร์ เธอถึงกับอึ้งไป เธอนึกว่าที่รพีพงษ์ถามเมื่อครู่ เพราะแค่อยากรู้ว่าพวกเธอมีความเป็นอยู่อย่างไรเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะให้บริษัทนั้นเปลี่ยนแผนการลงทุนเพราะคำพูดของเธอ
นี่มันทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่คิดว่าตัวเองควรจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้จากนายใหญ่
และพวกครูผู้หญิงต่างมีสีหน้าปลาบปลื้ม พวกเธอรู้ว่าการที่รพีพงษ์ช่วยสถานสงเคราะห์เด็ก ก็เพราะกัญญาวีร์ แต่เขาช่วยกัญญาวีร์เพราะอะไรนั้น พวกเธอไม่สามารถรู้ได้เช่นกัน แต่ว่าพวกเธอได้ใช้สมองช่วยกัญญาวีร์คิดแล้ว
ครูผู้หญิงพากันเดินเข้าไปหารพีพงษ์กับกัญญาวีร์ พวกเธอพากันโอบกอดกัญญาวีร์และพูดขอบคุณและชื่นชมความดีของเธอ
“คุณรพีพงษ์ จริงๆ แล้วกัญญาวีร์เป็นเด็กที่ไม่เลวเลยทีเดียว หน้าตาก็ดี จิตใจก็ดี คุณรพีพงษ์ชอบเธอ ถือว่าเป็นบุญที่เธอสะสมมาจริงๆ” ครูหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น
ครูที่เหลือต่างพูดเสริม และชื่นชมกัญญาวีร์
กัญญาวีร์โดนชมจนหน้าแดง เธอก้มหน้าลงอย่างเขินอาย แล้วพูดเสียงเบาว่า “พวกคุณอย่าล้อเล่นสิ คนอย่างคุณรพีพงษ์จะชอบฉันได้ยังไง”
รพีพงษ์ก็กระอักกระอ่วนเช่นกัน การที่เขาช่วยเธอ เพราะเธอหน้าตาคล้ายอารียา อีกอย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาพอจะช่วยได้ ถ้าไม่เจอเรื่องแบบนี้เขาก็ไม่ช่วยหรอก แต่เมื่อเจอแล้วเขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้
ณัฐปภัสร์ได้ยินสิ่งที่ครูพวกนั้นพูด จากนั้นเขาจึงมองกัญญาวีร์อย่างละเอียด และคิดในใจว่าการที่รพีพงษ์ออกหน้าครั้งนี้ ก็เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้แน่ๆ เขาต้องจดจำผู้หญิงคนนี้ไว้ ภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องมาหาเรื่องเธอ
เพื่อที่จะคลายความกระอักกระอ่วน รพีพงษ์หันไปมองณัฐปภัสร์ แล้วพูดว่า “’งั้นเรื่องวันนี้ก็พอแค่นี้ พาคนของคุณกลับไปเถอะ แล้วจำเรื่องที่ตัวเองพูดไว้ด้วย”
ณัฐปภัสร์หยักหน้า “ครับนายใหญ่”
พูดจบเขาก็หันหลังกลับไป จากนั้นจึงพาชายหัวล้านกับลูกน้องออกไปจากที่นี่ เดินไปได้ไม่ไกลณัฐปภัสร์ก็เตะไปที่ชายหัวล้าน แม้ว่าเรื่องวันนี้จะเกิดจากการบังคับรื้อถอน แต่เขาก็ยังหงุดหงิดใจ และระบายอารมณ์ใส่ชายหัวล้าน
หลังจากที่ณัฐปภัสร์พาคนพวกนั้นกลับไป คนบริเวณนั้นก็พากันแยกย้าย ไม่นานที่ประตูหน้าสถานสงเคราะห์เด็กเหลือเพียงรพีพงษ์กับกัญญาวีร์และพวกครู
ครูพวกนั้นมองรพีพงษ์กับกัญญาวีร์อย่างมีเลศนัย จากนั้นพวกเธอจึงเดินออกตรงนั้น
ทำให้ตรงนั้นเหลือเพียงกัญญาวีร์กับรพีพงษ์ มันยิ่งน่าอายเข้าไปใหญ่
“ตอนนี้เธอเป็นเพียงนักศึกษาปีสี่ การที่เธอมาที่นี่เพราะทำงานเพื่อสังคม เมื่อนานมาแล้ว กัญญาวีร์เคยเพ้อฝันว่าตัวเองจะได้เจอผู้ชายแบบไหนในมหาวิทยาลัย แต่น่าเสียดายที่จนกระทั่งปีสี่เธอก็ยังไม่เจอคนที่เหมาะสม”
เพราะว่าเธอมีความปรารถนาด้านความรัก แถมยังไม่ได้เจอคนที่ใช่ กัญญาวีร์ชอบอ่านนิยาย โดยเฉพาะนิยายจำพวกประธานเอาแต่ใจอะไรทำนองนั้น เธอรู้สึกว่าจากนิสัยของเธอ น่าจะเจอกับพวกประธานเอาแต่ใจถึงจะเหมาะสมที่สุด
และวันนี้เธอได้พบกับรพีพงษ์ นายใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์คนนี้ ยิ่งกว่าพวกประธานเอาแต่ใจเสียอีก และเรื่องในวันนี้ก็ไม่ต่างจากในนิยาย รพีพงษ์ช่วยเธอจัดการปัญหาที่นี่ เพราะเขาชนเธอ
นี่ทำให้กัญญาวีร์เพ้อไปว่าเทพบุตรทั้งหลายก็คือรพีพงษ์
จากเนื้อเรื่องในนิยาย ประธานเอาแต่ใจช่วยสาวน้อยตกยาก เนื้อเรื่องต่อไปก็น่าจะเป็น…ตกเป็นของเขา?
ไม่ได้สิ เธอต้องรักนวลสงวนตัว เริ่มแรกนางเอกในนิยายต้องปฏิเสธก่อน จากนั้นก็จะถูกประธานเอาแต่ใจบังคับไป แบบนี้สิประธานถึงจะได้แสดงความเอาแต่ใจของตัวเองออกมา
กัญญาวีร์มองรพีพงษ์อย่างประหม่าและคาดหวัง “คุณรพีพงษ์ ฉันขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำเพื่อฉันในวันนี้ แต่ฉันไม่ไปโรงแรมกับคุณหรอกนะ”
ห๊ะ?