พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 509 การมาถึงของดัมพ์รงค์
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 509 การมาถึงของดัมพ์รงค์
บทที่ 509 การมาถึงของดัมพ์รงค์
รพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่กัญญาวีร์พูด เขามีสีหน้าประหลาดใจ บนหน้าของเขามีแต่เครื่องหมายคำถาม
“แค่ก แค่ก ปะไปโรงแรมเหรอ” รพีพงษ์ย้อนถาม
จู่ๆ กัญญาวีร์ก็มีสีหน้าลำบากใจ เมื่อกี้เธอพาตัวเองเข้าไปในเรื่องราวของประธานเอาแต่ใจเสียแล้ว
แม้ว่ารพีพงษ์จะมีส่วนเหมือนประธานเอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่คนคนนี้ดูติดดินเป็นอย่างมาก และเรื่องราวของประธานเอาแต่ใจ จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงได้อย่างไร
เธอรู้สึกทำอะไรไม่ถูก จู่ๆ ก็กระวนกระวายขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับรพีพงษ์ว่าอย่างไร
“ขอโทษค่ะ ฉันอ่านนิยายมากไป เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งสติอินนิยายมากไปหน่อย คุณไม่ต้องสนใจฉันหรอก ฉันบ้าไปแล้ว” กัญญาวีร์พูดอย่างประหม่า
รพีพงษ์ยิ้มให้กัญญาวีร์ จู่ๆ ก็คิดถึงจารุณีที่ชอบดูละครเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าเพราะจารุณีหรือเปล่าที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกดีกับกัญญาวีร์ และรู้สึกดีกว่าจารุณีอีก
“ผมมีน้องสาวคนหนึ่ง เธอก็ชอบดูละครเหมือนกัน และชอบเพ้อฝันว่าชีวิตจริงเหมือนในละคร จนเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่บ่อยๆ ท่าทีของคุณเมื่อครู่ดูเหมือนน้องสาวผมเลย” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
กัญญาวีร์คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะไม่คิดว่าเธอเป็นประสาท แล้วก็พูดถึงน้องสาวอีกด้วย เธอตกใจเล็กน้อย “น้องสาวคุณคงน่ารักมากเลยนะคะ”
“ใช่ครับ แต่ว่าตอนนี้เธอป่วยอยู่” รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างหดหู่
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้” กัญญาวีร์รีบเอ่ยขอโทษ
รพีพงษ์ส่ายหน้าไปมา เป็นการบอกว่าไม่เป็นอะไร “ตอนนี้คุณพอมีเวลาหรือเปล่า เข้าไปในสถานสงเคราะห์เด็กเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”
กัญญาวีร์พยักหน้า และคิดในใจว่าเรื่องในนิยายไม่มีทางเกิดขึ้นในชีวิตจริงหรอก
เธอกับรพีพงษ์เดินเข้าไปข้างในสถานสงเคราะห์เด็ก เธอรู้สึกประหม่าเมื่อได้เดินกับนายใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์
ตอนนี้รพีพงษ์กังวลเรื่องของอารียา เขาอยากพูดเรื่องในใจให้ใครสักคนฟัง ก็เลยใช้โอกาสนี้พูดเรื่องของอารียากับจารุณีให้กัญญาวีร์ฟัง
เมื่อได้รู้ว่าตัวเองคล้ายกับอารียา กัญญาวีร์จึงรู้ทันทีว่าทำไมรพีพงษ์ถึงช่วยเธอ เธอฟังเรื่องของอารียาและเรื่องของจารุณีผู้ที่เป็นน้องสาวของรพีพงษ์ เธอรู้สึกชื่นชมและอิจฉาเป็นอย่างมาก
เดิมทีเธอคิดว่านายใหญ่แห่งตระกูลลัดดาวัลย์จะใช้ชีวิตสำมะเลเทเมา นอนกับผู้หญิงไปซ้ำหน้า คิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารพีพงษ์จะเป็นคนรักเดียวใจเดียว เธอจึงรู้สึกอิจฉาอารียาขึ้นมาในใจ
ผู้หญิงทุกคนล้วนปรารถนาที่จะเจอผู้ชายที่รักเธอเพียงคนเดียว โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชอบอ่านนิยายจำพวกประธานเอาแต่ใจอย่างเธอ
เมื่อได้ยินว่าอารียาหายตัวไป จารุณีอาการโคม่า กัญญาวีร์ขมวดคิ้ว เธอคิดไม่ถึงว่าจะเจอเรื่องเช่นนี้
รพีพงษ์พูดแค่ว่าพวกเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่ได้บอกว่าเป็นแผนการของโยษิตา เรื่องความแค้นนี้ไม่ควรพูดให้กัญญาวีร์ฟังน่าจะดีที่สุด
“คุณบอกว่ามีหมอเทวดาช่วยรักษาน้องคุณนิ แถมยังบอกว่าน้องคุณจะฟื้นเร็วๆ นี้ และคุณก็ได้เบาะแสของภรรยาคุณแล้วด้วย เรื่องทั้งหมดกำลังจะดีขึ้น” กัญญาวีร์พูดปลอบรพีพงษ์
รพีพงษ์หันไปยิ้มให้กัญญาวีร์แล้วพูดว่า “ผมก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น เรื่องทั้งหมดต้องดีขึ้น”
กัญญาวีร์พยักหน้า ทั้งสองคนเดินเข้าไปในสถานสงเคราะห์เด็ก ขณะนั้นเองกัญญาวีร์ตระหนักได้ว่ารพีพงษ์ก็มีอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนาแบบปุถุชนทั่วไป ความรู้ที่เขามีต่ออารียา ทำให้กัญญาวีร์รู้สึกว่ามันเริ่มใกล้ความจริงมากขึ้น
เมื่อรพีพงษ์ได้พูดความในใจออกมา เขารู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย และเริ่มรู้สึกมีความหวังในการตามอารียากลับมา
หลังจากที่เขาเดินเล่นในสถานสงเคราะห์เด็กอยู่รอบหนึ่ง รพีพงษ์ตัดสินใจตั้งกองทุนสำหรับเด็กในสถานสงเคราะห์ เพื่อช่วยให้เด็กๆ มีชีวิตที่ดีขึ้น
กัญญาวีร์ได้ยินที่รพีพงษ์พูดก็รู้สึกตื้นตันใจ เธอบอกว่าจะต้องให้เด็กๆ ได้รับรู้ถึงความดีของรพีพงษ์อย่างแน่นอน
เมื่อเขาเดินรพีพงษ์เดินเล่นเสร็จ เขาไม่ได้อยู่ที่สถานสงเคราะห์เด็กต่อ หลังจากที่เขาโทรหาท่านคทาให้จัดการเรื่องกองทุนสำหรับเด็กสถานสงเคราะห์เสร็จแล้ว เขาจึงขับรถออกมาจากที่นั่น
…..
กรุ๊ปKIN
จิรเวชนั่งคุยกับโยษิตาอยู่ในห้องทำงาน สิ่งที่พวกเขาคุยกันคือไกรเดชเอาเงินของพวกเขาไปทำอะไรอีก สุดท้ายผลประโยชน์ก็ตกอยู่ในมือของตระกูลลัดดาวัลย์และหอการค้าสมน.
สองสามวันมานี้สีหน้าของจิรเวชไม่สู้ดีเท่าไร เรียกได้ว่าหน้าถมึงทึงเกือบทุกวัน อุปกรณ์ชงชาในห้องทำงานถูกเขาปาลงพื้นไปไม่รู้กี่อัน
“ให้มันเหิมเกริมไปอีกอีกสักสองสามวัน รอมันหมดลมหายใจแล้วยังจะสามารถมาอวดดีต่อหน้าฉันอีกไหม”
จิรเวชซัดเอกสารออกจากมือ แล้วแบะปาก
“คนมีฝีมือที่นายเชิญมาจะมาถึงเมื่อไร ตอนนี้ในหัวของฉันอยากให้รพีพงษ์ตายเร็วๆ มันมีชีวิตอยู่ฉันก็ไม่สามารถวางใจได้” คนที่แขนมีผ้าพันแผลพันอยู่อย่างโยษิตาพูดขึ้น
“ฉันไม่สามารถควบคุม การเดินทางของผู้มีฝีมือได้ เธอรีบ ฉันก็รีบเหมือนกัน อดทนหน่อยเถอะ เทือกเขากิสนามีความน่าเชื่อถือ ในเมื่อฉันจ่ายเงินไปแล้ว ฝั่งนั้นก็ต้องส่งคนมาแน่นอน” จิรเวชพูดอย่างหงุดหงิด
ขณะนั้นเองประตูห้องถูกเปิดออก เลขาที่สวมแว่นตากรอบดำเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
จิรเวชเห็นสีหน้าของเลขาก็รู้สึกตกใจ คนที่ทำให้เลขาเป็นแบบนี้ได้มีแค่ไม่กี่คน
เขาลุกขึ้นมาแล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “มีเรื่องอะไร ทำไมตื่นตระหนกขนาดนี้”
“มีคนอยากพบคุณอยู่ด้านล่าง ไม่บอกว่าตัวเองเป็นใครและมาที่นี่ทำไม รปภ.จึงรั้งเขาไว้ สุดท้ายคนนั้นใช้กำลังจนทำให้รปภ. อาการสาหัสค่ะ” เลขาพูดอธิบาย
ในตอนแรกจิรเวชอึ้งไป ต่อมาเขาก็กระหยิ่มใจ และหันไปมองโยษิตา “คนที่พวกเรารอมาถึงแล้วล่ะ รีบลงไปกันเถอะ”
พูดจบพวกเขาก็รีบเดินออกจากห้องทำงาน และเดินลงไปข้างล่าง
ห้องโถงอาคารนิวเวร์ รปภ.นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ผู้ชายที่ใส่ชุดจีนโบราณสีดำยืนอยู่กลางห้องโถง ท่าทางของเขาคล่องแคล่วดั่งกระบี่ชั้นเลิศ
พนักงานที่อยู่ในห้องโถงต่างพากันหามุมหลบกันให้วุ่น เมื่อครู่พวกเขาได้เห็นฝีมือของชายคนนั้น เรียกได้ว่าเป็นคนวิปริตเลยล่ะ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยั่วโมโหเขา
ขณะนั้นจิรเวช โยษิตาและเลขาเดินออกมาจากลิฟต์ จิรเวชเห็นรปภ.สิบกว่าคนนอนกองอยู่บนพื้น ไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ แถมยังยิ้มออกมาอีกต่างหาก
ขอแค่มีพละกำลังที่แข็งแกร่งของดัมพ์รงค์ ถึงจะมีโอกาสกำจัดรพีพงษ์ออกไป
ตอนที่โยษิตาเห็นดัมพ์รงค์ เธอถึงกับต้องตกใจกับความเก่งของเขา ในชีวิตเธอเจอคนมีฝีมือมาก็ไม่น้อย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นดัมพ์รงค์ แล้วสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง
เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วพูดพึมพำออกมาว่า “รพีพงษ์ มีคนมีฝีมือระดับนี้อยู่ ถึงแกจะมีวิธีอีกสักร้อยวิธี ก็หนีไม่รอดแล้ว เวลาตายของแกใกล้จะมาถึงในอีกไม่ช้า!”