พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 535 อย่ามั่นใจเกินไป
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 535 อย่ามั่นใจเกินไป
บทที่ 535 อย่ามั่นใจเกินไป
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ตรีโลจน์ก็ยิ้มอย่างดุร้ายใส่รพีพงษ์ บั๊มทำให้ความกลัวที่เขามีต่อรพีพงษ์อ่อนลงมาก เพียงแค่บั๊มพาคนมา ก็ต้องมีวิธีจัดการรพีพงษ์อยู่แล้ว
“ลุงสามของผมจะพาคนมาเร็วๆนี้ ถ้าคุณมีความสามารถจงอยู่ที่นี่และอย่าไป เมื่อคุณลุงสามของผมมา เขาจะช่วยผมสั่งสอนคุณเอง” ตรีโลจน์หัวเราะ
รพีพงษ์ยิ้มและพูดว่า”อย่ามั่นใจเกินไป บางทีลุงสามของคุณมาเพื่อสั่งสอนคุณก็ได้”
“อย่ามาเพ้อฝันที่นี่เลย ลุงสามของผมจะมาสั่งสอนผมได้อย่างไร ผมเป็นหลานชายของเขา เป็นไปได้ไหมที่เขาจะช่วยคนนอกอย่างคุณ!” ตรีโลจน์พูดอย่างดูถูก
รพีพงษ์ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ ในการเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเป็นสายสัมพันธ์ทางสายเลือด ก็จะอ่อนแอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตรีโลจน์เป็นเพียงหลานชายของบั๊ม เนื่องจากซอยดังกล่าวอยู่ห่างจาก ไนท์คลับสวรรค์เพียงไม่กี่สิบเมตร หลังจากที่บั๊มรับสายจากตรีโลจน์ จึงพาคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในซอยภายในห้านาที
เขาดูโมโห เมื่อคิดถึงที่เขาสูญเสีย 200,000 ในใจก็ยิ่งโมโห เขาคิดไม่ออกว่าทำไมตรีโลจน์ถึงไปหาเรื่องคนที่มีภูมิหลังเช่นนั้น
แต่ยังไงตรีโลจน์ก็เป็นหลานชายของเขา แม้ว่าเขาต้องการจะสั่งสอนตรีโลจน์ แต่เขาก็ต้องช่วยตรีโลจน์แก้ปัญหาก่อน หลังจากที่เขาแก้ไขปัญหาของตรีโลจน์แล้ว เขาก็จะสั่งสอนไอ้เด็กไม่เอาถ่านคนนี้
เขาเดินนำผู้คนเข้าไปในตรอก เห็นว่ามีเพียงคนเดียวที่ยืนหันหลังให้เขาในตรอก ตรีโลจน์และเพื่อนร่วมชั้นของเขาล้มลงกับพื้น เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ตรีโลจน์เห็นบั๊มพาคนมา ก็มีร่องรอยของความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา เขารีบโบกมือให้บั๊มและตะโกนว่า “ลุงสาม รีบมาช่วยผมเถอะ นี่คือคนที่ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ รีบช่วยผมสั่งสอนเขาหน่อย! ”
บั๊มส่งเสียงเย็นชา เดินมาจากด้านหลังของรพีพงษ์ จ้องมองตรีโลจน์ด้วยความโมโห กำลังจะเอ่ยปากว่ารพีพงษ์ให้รู้ที่ต่ำที่สูงหน่อย ขอโทษตรีโลจน์แล้วรีบไสหัวไปจากนี่ แล้วเขาจะได้สั่งสอนตรีโลจน์
“คุณ……”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาหนึ่งคำ รพีพงษ์เก็หันกลับมาและมองไปที่บั๊ม
ทันทีที่บั๊มเห็นใบหน้าของรพีพงษ์ ขนบนร่างกายของเขาลุกขึ้นทันที เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่จัดการตรีโลจน์ ก็คือคุณรพีที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเคารพโดยโสธรในเวลานั้น!
ทำให้บั๊มเปลี่ยนคำพูดโดยสัญชาตญาณทันที “นี่คุณมันไม่รู้ดีรู้ชั่ว กล้าสร้างปัญหาให้เพื่อนของคุณรพียังจะมาสร้างปัญหาให้กับคุณรพีอีก ต่อไปอย่าเรียกผมว่าลุงสามละนะ ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีก! ”
หลังจากพูดจบ บั๊มก็ข้ามรพีพงษ์ไปอย่างรวดเร็วและเตะไปที่ใบหน้าของตรีโลจน์โดยตรง
ฟันหน้าสองซี่ในปากของตรีโลจน์ถูกเตะออกโดยตรง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆบั๊มจึงลงมือกับเขา เมื่อกี้เขายังคิดว่าบั๊มจะลงมือกับรพีพงษ์
“พวกคุณยืนอยู่ที่นั่นทำไม รีบมาจัดการไอ้คนที่ไม่รู้ฟ้าเร็ว!” บั๊มตะโกนเรียกลูกน้องของเขา
ลูกน้องเหล่านั้นล้วนมีใบหน้าที่รู้สึกสงสัย แต่เนื่องจากเป็นคำสั่งพี่ใหญ่ พวกเขาจึงไม่ลังเล ดังนั้นในไม่ช้าพวกเขาจึงไปทุบตีตรีโลจน์ด้วย
ตรีโลจน์อยากจะร้องไห้แต่ร้องไห้ไม่ออก เขาไม่รู้ว่าลุงสามของเขากำลังทำอะไร ทำไมจู่ๆก็พาคนหนึ่งกลุ่มมาทุบตีเขา เขาอยากจะถาม แต่บั๊มไม่ให้โอกาสเขาเลย เขายังไม่ได้พูดออกมา กำปั้นหมัดแล้วหมัดเล่าฟาดไปที่ใบหน้าของเขา
หลังจากสิบนาทีเต็มๆ บั๊มจึงให้คนของตัวเองหยุด แล้วเดินไปหารพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ก้มลงและขอโทษ”คุณรพี ผมคิดไม่ถึงว่าไอ้หมอนี่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้คุณ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?ถ้าไอ้หมอนี่ทำให้คุณบาดเจ็บ ผมจะไม่เก็บมันไว้แน่ ”
รพีพงษ์ส่ายหัวและกล่าวว่า “เนื่องจากคุณได้สั่งสอนเขาให้ผมแล้ว ผมจะไม่ถือสาอะไรแล้ว ต่อไปตั้งใจสั่งสอนเขาดีๆก็ไปแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ บั๊มก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ครับๆ ผจะสั่งสอนไอ้หมอนี่อย่างดี เพื่อไม่ให้มีเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต”
ในเวลานี้ ตรีโลจน์ที่ถูกทุบตีจนชอกช้ำไปหมดทั้งตัวเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด มองไม่เห็นลักษณะดั้งเดิม
“ลง… ลุงสาม ทำไมคุณถึงทุบตีผม คุณควรมาจัดการไอ้หมอนี่ไม่ใช่เหรอ?” ตรีโลจน์ถามอย่างหมดเรี่ยวแรง
บั๊มเตะไปที่บนตัวของตรีโลจน์อีกครั้งและด่าว่า “คุณรู้หรือไม่ว่านี่คือใคร คุณรพีเป็นคนที่พี่ใหญ่ของเราเคารพนับถือ คุณให้ผมจัดการเขา คุณคิดว่าผมจะไม่อยากมีชีวิตอยู่เหมือนคุณเหรอ! ”
เมื่อตรีโลจน์ได้ยินสิ่งที่บั๊มพูด หัวใจของเขาก็กระตุก สามารถทำให้บั๊มมีความเคารพต่อเขา เขาชัดเจนมากเกี่ยวกับน้ำหนักของประโยคนี้
พี่ใหญ่ของบั๊มคือโสธรและรพีพงษ์สามารถทำให้โสธรเคารพเขา มิน่าล่ะ บั๊มจะรู้สึกกลัวหลังจากเห็นรพีพงษ์
ดูเหมือนว่าคราวนี้ตนเองจะเตะถูกกระดานเหล็กจริงๆ แต่มาเสียใจทีหลังก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป เขาถูกบั๊มทุบตีจนเละเทะ
รพีพงษ์รอให้บั๊มมาที่นี่ เพื่อให้บั๊มมาตักเตือนตรีโลจน์แทนเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่มาหาเรื่องเขาในอนาคตอีก เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก
เขาไม่ได้ทักทายบั๊ม เดินออกไปที่จากตรอกซอย
เมื่อบั๊มเห็นเช่นนี้ ก็รีบก้มลงและส่งรพีพงษ์ออกไป
หลังจากที่รพีพงษ์เดินออกจากตรอก บั๊มก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก จากนั้นก็มองไปที่ ตรีโลจน์ที่อยู่บนพื้นและพูดว่า “กลับไปบอกพ่อของคุณว่าตรีโลจน์อย่างผม จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวของคุณอีก ในอนาคตอย่ามาหาผมไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม”
……
ในอพาร์ตเมนต์
เยาวเรศนั่งอยู่บนโซฟา นึกถึงภาพที่รพีพงษ์พาโสธรมาช่วยพวกแธอในคืนนี้ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเอ๋อๆออกมาเป็นครั้งคราว
นิษฐานั่งอยู่ข้างๆเยาวเรศโดยไม่มีความสุจ ขมวดคิ้ว ดูเหมือนจะยังไม่พอใจกับท่าทีที่ไม่ดีของรพีพงษ์ที่มีต่อเธอ
ผ่านไปเป็นเวลานาน ดวงตาของนิษฐาก็สว่างขึ้นทันที เธอลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ฉันรู้แล้ว!”
เยาวเรศหันไปมองนิษฐาพร้อมกับความไม่เข้าใจบนใบหน้าของเธอ
“ การที่รพีพงษ์สามารถรู้จักโสธรได้นั้น ต้องเป็นเพราะสาวรวยสวยคนนั้นที่เลี้ยงดูเขาคิดไม่ถึงว่าสาวรวยสวยคนนั้นจะเก่งขนาดนี้ แม้แต่โสธรก็ยังต้องให้หน้าเธอ ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ใช้วิธีไหนถึงเกาะติดเธอ? “นิษฐากล่าวต่อ
เยาวเรศพูดไม่ออก ดูเหมือนว่านิษฐา เพื่อพิสูจน์ว่ารพีพงษ์ไม่ได้เก่งขนาดนั้น จึงหาร้อยเหตุผลออกมา
นิษฐานั่งลงข้างๆเยาวเรศอีกครั้งและพูดว่า “จิมมี่ คุณอย่าคิดว่าฉันพูดแบบนี้เพราะฉันไม่พอใจเขา ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเขาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัยของเราไม่ใช่หรือ ฉันสังเกตมาหลายวันแล้ว ในห้องของเขาไม่มีหนังสือประวัติศาสตร์แม้แต่เล่มเดียวผู้ชายคนนี้ยังชอบไปนั่งเหม่ออยู่ในสนาม ถ้าเขาเป็นศาสตราจารย์รับเชิญจริง ทำไมเขาถึงว่างขนาดนี้ล่ะ”
“มันง่ายมากที่จะพิสูจน์ว่าเขาทำเป็นหน้าใหญ่ใจโต รอวันจันทร์ เราไปเข้าเรียนโอเพ่นคลาสนั้นก็ได้แล้ว”
“หึๆ ถึงเวลานั้นฉันจะอัดวิดีโอการบรรยายของศาสตราจารย์คนนี้ สอบถามคนเจ้าเล่ห์คนนั้นต่อหน้าด้วยตนเอง!