พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 54
บทที่ 54 เป็นไปตามที่เขาบอก
เจตนิพัทธ์หันไปมองรพีพงษ์เหมือนกำลังมองคนงี่เง่า “เมื่อกี้นายไม่ได้ยินหรือ? ห้องอีวานโฟนนิกมีลูกค้า สมาชิกบัตรทองจองไปแล้ว”
“ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกอะไรก็ควรยึดธรรมเนียมมาก่อน มาหลัง” รพีพงษ์พูดด้วยเสียงเรียบง่าย
เจตนิพัทธ์พูดไม่ออกไปสักพัก ในใจพลางคิดว่าที่นี่เป็น ร้านอาหารชั้นใต้ดินของนายหรือไงถึงยึดธรรมเนียมมา ก่อนมาหลัง คนที่มีบัตรทองต่างหากที่สามารถใช้สิทธิ จองห้องได้
เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูดออกด้วยคำพูดแบบนี้ในเวลานี้ เจตนิพัทธ์เกิดความคิดที่ว่ารพีพงษ์ก็เป็นแค่ไอ้บ้านนอก คนหนึ่ง
“สมองนายมีปัญหาหรือไงถึงได้พูดคำพูดชุ่ยๆแบบนี้ ออกมาได้ เขาเป็นสมาชิกบัตรทองแล้วมันทำไม? เป็นแค่ เศษสวะจะต้องการอะไรเยอะแยะ” บุษบากรพูดด้วยน้ำ เสียงดูถูก
“ไม่เป็นไร พวกเราไปทานอาหารที่ห้องธรรมดาก็ได้ ทานที่ไหนก็เหมือนกัน”
“ใช่ จะอวดดีไปทำไมกัน ไม่ดูตัวเองเลย นายยังกล้า เอาตัวเองไปเทียบกับสมาชิกบัตรทองอีกด้วยนะ”
“ไปห้องธรรมดากันเถอะ ไม่คิดเลยว่าสามีของอารียา นอกจากจะไร้ประโยชน์แล้วยังเรื่องมากอีกต่างหาก”
กลุ่มคนพูดคุยนินทากัน
เจตนิพัทธ์หันไปยิ้มเยาะรพีพงษ์พลางหรี่ตา เขาพูดกับ รพีพงษ์ว่า “ในเมื่อนายอยากใช้ห้องอีวานโฟนนิกขนาด นั้น นายก็ไปคุยเองสิ ให้เขายกห้องอีวานโฟนนิกให้พวก เรา ทำได้ไหมล่ะ?”
“หัวหน้าห้อง คุณอย่าล้อเล่นไปหน่อยเลยน่า ถ้าเขาเอา ห้องอีวานโฟนนิกคืนมาได้ ป่านนี้พระอาทิตย์คงขึ้นทาง ทิศตะวันตกแล้ว ไม่สิๆ ต้องขึ้นทางทิศใต้ถึงจะถูก”บุษบา กรพูด
ทั้งกลุ่มต่างพากันหัวเราะชอบใจ
“รพีพงษ์นี้ไม่รู้ดีเลวอะไรเลย ถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้า ห้อง เขาจะเข้ามาสถานที่หรูๆแบบนี้ได้อย่างไร? ตอนนี้ก็ ยังจะเรื่องมากอีก”
“ยิ่งมีคนไร้ประโยชน์มากเท่าไหร่ ยิ่งมากเรื่องขึ้น เท่านั้น เชื่อเลยจริงๆ”
อารียากระดากอายเล็กน้อย เธอดึงแขนรพีพงษ์แล้ว พูดว่า “อย่าซีเรียสไปเลย ห้องธรรมดาก็เหมือนกัน”
“ผมไม่ได้เรื่องมาก แต่พวกเราใช้ห้องอีวานโฟนนิกได้ จริงๆ” รพีพงษ์พูด
“ในเมื่อนายคิดแบบนี้ นายก็เข้าไปถามคนนั้นเอาเอง ฉันจะดูซิว่าเขาจะจัดการนายอย่างไร” เจตนิพัทธ์ยิ้ม อย่างเย็นชา
“ไม่ต้องให้ฉันไปพูดหรอก เดี๋ยวเขาก็จะให้เราใช้ห้องอี
วานโฟนนิกเองแหละ” รพีพงษ์พูด
กลุ่มเพื่อนๆต่างมองไปทางรพีพงษ์เหมือนมองคน
ปัญญาอ่อน
“สมกับเป็นคนโง่จริงๆ ไม่ไปคุยกับเขาแล้วยังคิดว่าเขา จะเอาห้องอีวานโฟนนิกมาให้ใช้ นายคิดว่าตัวเองเป็น เจ้าของโรงแรมบลูสกายอินเตอร์เนชั่นเนลหรือไง?”
“ฉันอยากจะหัวเราะจริงๆ คนคนนี้ไร้ประโยชน์ไม่พอยัง จะชอบทำเป็นอวดดีอีก? คนแบบนี้ยังมีความละอายใจอยู่ หรือเปล่า?
“ดูหน้าไอ้เศษสวะคนนี้ทำอย่างกับเป็นพระเจ้าอย่างนั้น สิ ไม่รู้จริงๆว่าทำไมคนหน้าโง่แบบนี้ถึงได้แต่งงานกับผู้ หญิงสวยๆอย่างอารียา ฉันคิดว่าหัวหน้าห้องเหมาะกับ อารียากว่าอีก”
เมื่อเจตนิพัทธ์ได้ยินว่าทุกคนล้วนอยู่ข้างเขา และยัง ด่าทอรพีพงษ์ว่าเป็นคนหน้าโง่ เขาก็รู้สึกดีใจอยู่ภายใน ใจ เขาคิดว่ายิ่งรพีพงษ์ทำตัวโง่มากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งมี โอกาสมากขึ้น
รพีพงษ์ไม่ได้สนใจคนพวกนี้ แต่มองไปที่สมาชิกบัตร ทองคนที่อยู่ตรงนั้น ในเวลานี้บริกรคนหนึ่งวิ่งมาหาชายคนนั้นและพูดบาง
อย่างกับเขา ชายคนนั้นหันศีรษะมองไปทางรพีพงษ์แล้ว
พยักหน้า
หลังจากนั้นบริกรที่กำลังคุยกับเขาก็วิ่งเข้ามาและกล่าว ด้วยความเคารพว่า “คุณผู้ชายท่านนั้นยินดียกห้องอีวาน โฟนนิกให้พวกคุณ และยังขอให้พวกคุณรับประทาน อาหารอย่างมีความสุข”
ทุกคนต่างมองด้วยสายตางงงวยรวมไปถึงอารียา ทุกอย่างเป็นไปตามที่รพีพงษ์พูด สมาชิกบัตรทองคนนั้น ยอมยกห้องอีวานโฟนนิกให้พวกเขาจริงด้วย
อารียาเงยหน้ามองรพีพงษ์ เธอสนใจความลึกลับของ รพีพงษ์มากยิ่งขึ้น
เมื่อกี้เธอสังเกตเห็นรพีพงษ์ออกไปคุยโทรศัพท์ เธอ เข้าใจอย่างกระจ่างว่าที่คนคนนั้นยินยอมยกห้องอีวาน โฟนนิกให้นั้นจะต้องเป็นเพราะรพีพงษ์ออกไปคุย โทรศัพท์เมื่อครู่นี้แน่ๆ ไม่อย่างนั้นรพีพงษ์จะมั่นใจได้ ขนาดนี้เลยหรือ
เจตนิพัทธ์และบุษบากรมองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะ เชื่อสายตาตัวเอง และไร้การตอบสนองไปชั่วขณะ
“มัน…มันเป็นไปตามที่ไอ้หมอนี่พูดจริงหรือนี่?” เจตนิ พัทธ์คิดอยู่ในใจ
“แปลกจริงๆ ทำไมเขาถึงรู้ว่าคนคนนั้นจะยกห้องอีวาน โฟนนิกให้พวกเรา หรือว่า…” บุษบากรหรี่ตา
“บ้าเอ๊ย รพีพงษ์รู้ได้อย่างไรว่าคนคนนั้นจะสละห้องอี วานโฟนนิกให้? หรือว่าเห็นแก่หน้ารพีพงษ์?” มีใครบาง คนอุทาน
“จะเป็นไปได้อย่างไร มันควรต้องเห็นแก่หน้ารพีพงษ์ ขนาดนั้นเลยหรือ? ฉันว่ามันบังเอิญเกินไปแล้ว”
“ถูกต้อง นี่มันบังเอิญเกินไปแล้ว ไอ้คนหัวแข็งจอม อวดดีคนนี้เนี่ยนะที่จะมีคนมาเห็นแก่หน้ามัน”
“โชคขี้หมาของไอ้เศษสวะคนนี้จริงๆ แม่งเอ๊ย ฉันยังคิด อยู่เลยว่ามันจะมีความสามารถขนาดนี้เชียวหรือ”
เจตนิพัทธ์และบุษบากรเชื่ออย่างสุดหัวใจของพวกเขา เช่นกันว่าแค่เป็นความบังเอิญของรพีพงษ์เท่านั้น เพราะ เป็นไปไม่ได้ที่รพีพงษ์จะทวงห้องอีวานโฟนนิกกลับมาได้ ด้วยตัวเอง
นอกจากคนเหล่านี้ มีเพียงอารียาเท่านั้นที่สังเกตเห็น ถึงโทรศัพท์สายนั้น
“คิดว่าคนคนนั้นคงมีธุระกะทันหันก็เลยไม่ทานต่อ พวก เราถึงได้ห้องอีวานโฟนนิกนั้นมา ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวก เราก็เข้าไปข้างในเถอะ” เจตนิพัทธ์พูดโดยไม่เอ่ยถึงรพี พงษ์
ไม่ว่าคนคนนั้นจะสละห้องอีวานโฟนนิกด้วยเหตุผลใด แต่เรื่องนี้ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับรพีพงษ์อย่างแน่นอน เขาก็เป็นแค่ไอ้เศษสวะไร้ประโยชน์คนหนึ่ง
นอกจากอารียาแล้ว ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนคิคูแบบนี้
ทุกคนเข้าไปในห้องอีวานโฟนนิก อารียาเดินไปนั่ง ข้างๆรพีพงษ์แล้วพูดว่า “เป็นเพราะคุณออกไปโทรศัพท์ เมื่อกี้นี่หรือ?”
รพีพงษ์ยิ้มแล้วพยักหน้า
“พวกเขาก็ทำเกินไป ทำไมคุณไม่พูดออกมาตรงๆล่ะ?” อารียาถาม
“ยักษ์ใหญ่ไม่มีวันพิสูจน์พลังเพียงเพราะเสียงโห่ร้อง ของมด” รพีพงษ์ตอบกลับ
ทันใดนั้นอารียาก็รู้สึกได้ว่ารพีพงษ์ให้อารมณ์เหมือน นักกวี มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนหน้าโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่บริกรพาทุกคนเข้ามานั่งข้างในห้องอีวาน โฟนนิกเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ละคนก็ตกตะลึงกับการ ตกแต่งภายใน
ไม่แปลกที่สมาชิกบัตรทองจะมาทานอาหารที่ห้องอี วานโฟนนิกเป็นประจำ แม้ว่าจะทานหมั่นโถว รสชาติก็ดี ขึ้นหลายระดับ
ในขณะที่ทุกคนกำลังตื่นตาตื่นใจกับห้องอีวานโฟนนิก แต่มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่ดูเฉยๆ
ผู้หญิงหลายคนมองรพีพงษ์ด้วยแววตาดูแคลน และยัง คิดว่ารพีพงษ์ไม่รู้จักของดีจึงดูไม่ออกว่าอะไรดีอะไรแย่
ถึงดูไม่มีความตื่นเต้น
ทุกคนนั่งลงรอบโต๊ะอาหารและพูดคุยเกี่ยวกับสถานที่ แห่งนี้อย่างมีความสุข การได้มาทานอาหารที่นี่ถือว่า หรูหราแล้วสำหรับพวกเขา
และที่พวกเขาสามารถมาทานอาหารที่แห่งนี้ได้ แน่นอนว่าต้องขอบคุณหัวหน้าห้องอย่างเจตนิพัทธ์
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงได้สักพัก ประตูห้องอาหารก็ถูก ใครบางคนเปิดออก คนที่เข้ามาคือสมาชิกบัตรทองที่ สละห้องอีวานโฟนนิกให้พวกเขา ในมือยังถือแก้วเหล้า