พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 576 คุณไม่คู่ควร
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 576 คุณไม่คู่ควร
บทที่ 576 คุณไม่คู่ควร
คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ เขาคิดไม่ถึงว่าชลาธิปจะไปยืนอยู่ด้านหลังของรพีพงษ์ นี้หมายความว่าอะไร ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันได้
“ชลาธิป!แกไอ้ลูกอกตัญญู!แกไปยืนกับเขาทำไมกัน หรือว่าเขาซื้อแกมางั้นเหรอ!” ดวงตาทั้งสองข้างของคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาปกคลุมไปด้วยเส้นเลือดแล้ว
“ผมไม่จำเป็นต้องถูกซื้อตัวมาสักหน่อย ก็แค่เสี่ยงโชคเท่านั้นเอง เรื่องก็มาถึงตอนนี้แล้ว รพีพงษ์และตระกูลธาดาวรวงศ์ มีท่าทางที่ว่าไม่คุณก็ผมที่ต้องตายไปข้างหนึ่ง ผมเลือกได้แค่ฝ่ายเดียว ครั้งนี้ ผมพนันว่ารพีพงษ์จะชนะ” ชลาธิปเอ่ยปากพูด
เห็นได้ชัดว่าท่าทางที่คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดามองไปยังชลาธิปอย่างกับคนปัญญาอ่อน เอ่ยปากพูด : “แกว่าแกรับหน้าที่ดูแลวงศ์ตระกูลไม่ได้ อันนี้ก็ไม่เป็นไร ทำไมจนถึงเวลานี้แม้แต่ความฉลาดขั้นพื้นฐานก็ยังไม่มีเลยล่ะ?แกเลือกไอ้หมอนี่ที่มาจากตระกูลเล็กๆในต่างจังหวัดเหรอ?หรือว่าแกคิดว่าเขาสามารถต่อกลอนกับตระกูลธาดาวรวงศ์ได้?
ชลาธิปขี้เกียจที่จะถกเถียงกับคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา เอ่ยปากพูด : “ใครผิดใครถูก ผลออกมาเดี๋ยวก็รู้แล้ว”
ในเวลานี้ภูดิทก็หัวเราะเยาะออกมา พร้อมพูดว่า : “ทำไม?หรือว่าพวกแกเลิกสนใจตระกูลธาดาวรวงศ์ของฉันไม่ได้?ก็เลยต้องเลือก?คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้ มีคุณสมบัติพอที่จะมาเทียบกับตระกูลธาดาวรวงศ์ของฉันได้เหรอ?วันนี้ที่พวกแกทำ ก็เป็นแค่เรื่องขบขันเท่านั้นเอง”
“วันนี้ไม่ว่าจะเป็นไอ้หมอนี่ หรือว่าตระกูลพงศ์ธนธดาของพวกแก ฉันจะไม่มีทางปล่อย ให้ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่งกับลูกชายของฉัน พวกแกก็น่าจะคิดได้นะ หลังจากคืนนี้ไป ตระกูลพงศ์ธนธดาของพวกแก จะกลายมาเป็นสมาชิกที่อยู่ในบัญชีดำของตระกูลธาดาวรวงศ์ หลังจากวันนี้ตระกูลพงศ์ธนธดาจะเป็นอย่างไร ก็รอดูที่ฟ้าลิขิตให้ก็แล้วกัน”
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็มองไปยังตระกูลพงศ์ธนธดาและรพีพงษ์ด้วยความเห็นใจ คำพูดของภูดิทมีความเป็นไปได้มากแค่ไหนพวกเขาต่างก็รู้ดี และพวกเขาก็ไม่สงสัยภูดิทแม้แต่นิดว่าเขาจะทำได้จริงเหมือนที่เขาพูดหรือเปล่า
วิไลพรหัวเราะพร้อมก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าว เอ่ยปากพูด : “อย่าเพิ่งพูดมั่นใจอะไรขนาดนี้เลย คืนนี้ยังมีเวลาอีกยาวไกลนะ คุณจะรู้ได้ไงว่าอีกเดี๋ยว ตระกูลธาดาวรวงศ์ของพวกคุณจะยังอยู่บนโลกใบนี้อีก”
ภูดิทหรี่ตามองไปที่วิไลพรแวบหนึ่ง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น : “วิไลพร ประธานบริษัทลานคอน ฉันก็อยากจะรู้ คุณก็แค่ประธานบริษัทเครื่องสำอางเล็กๆ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้?”
วิไลพรกลับว่าไม่ได้รู้สึกโกรธกับคำพูดเหล่านั้นของภูดิทเลย ยังคงหัวเราะแล้วพูดต่อ : “แน่นอนว่าถ้ามองจากตัวของเขา อย่าคิดว่าผู้ชายคนนี้ธรรมดาๆ แต่ว่าอีกแป๊ปเดียว พวกคุณก็จะได้รู้ความสุดยอดของเขาแล้ว”
เส้นสายตาของภูดิทมองกลับไปที่รพีพงษ์อีกครั้ง ตอนที่อยู่ข้างนอกเมื่อตะกี้นั้น เขาอยากที่จะฆ่ารพีพงษ์อยู่แล้ว ตอนนี้ไอ้หมอนี่ยังกล้าที่จะก่อเรื่องต่อหน้าเขาอีก แน่นอนว่าเขาคงจะไม่ให้โอกาสรพีพงษ์ได้หลบหนีอีกแล้ว
“งั้นฉันก็อยากจะรู้ แกจะต่อกลอนกับตระกูลธาดาวรวงศ์ได้อย่างไร หรือจะให้พูดว่า แกจะเอาอะไรมาต่อกลอนกับตระกูลธาดาวรวงศ์ของฉัน?เอาเครื่องสำอางของบริษัทลานคอน?” ภูดิทพูดเยาะเย้ยออกมาอีกครั้ง
ผู้คนตรงนั้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของภูดิท ต่างก็พากันหัวเราะฮาๆออกมากันยกใหญ่ ในสายตาของพวกเขา แม้ว่ารพีพงษ์จะมีบริษัทลานคอนคอยช่วยเหลือ การเผชิญหน้ากับตระกูลธาดาวรวงศ์ ก็คงไม่มีอำนาจอะไรจะมาต่อต้านได้
รพีพงษ์ยกมือขึ้นมา ชำเลืองมองนาฬิกาบนข้อมือแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูด : “หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง ทุกสิ่งอย่างของตระกูลธาดาวรวงศ์จะพังพินาศทั้งหมด ถ้าตอนนี้คุณไม่มีธุระอื่นแล้ว ก็สามารถรอที่นี่สักครึ่งชั่วโมงก็ได้ หลังจากนี้ครึ่งชั่วโมง คุณก็รู้แล้วว่าฉันจะเอาอะไรมาสู้กับตระกูลธาดาวรวงศ์”
ผู้คนต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา เห็นได้ชัดว่าหลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไปสามารถทำให้ตระกูลธาดาวรวงศ์พังพินาศได้แบบนั้น ไม่มีทางเชื่อเลย
“ฉันว่าไอ้หมอนี้ต้องหนีออกมาจากโรงพยาบาลบ้าแน่ๆ แม้แต่คำพูดที่ว่าภายในครึ่งชั่วโมงสามารถทำให้ตระกูลธาดาวรวงศ์พังพินาศได้ก็พูดออกมาแล้ว เขาคิดว่าอำนาจที่ตระกูลธาดาวรวงศ์สะสมมามากมายหลายปีขนาดนี้ จะทำให้พังพินาศได้ง่ายดายอย่างงั้นเหรอ?”
“เฮอๆ กบในกะลาครอบ มีแค่ผลงานนิดหน่อย ก็คิดว่าตัวเองขึ้นสวรรค์แล้ว คนแบบนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว รอตระกูลธาดาวรวงศ์จัดการเขาแล้ว เขาก็จะได้รู้ว่าตัวเองอ่อนมากแค่ไหน”
“กล้ามายั่วยุตระกูลธาดาวรวงศ์อย่างนี้ นับว่าเป็นคนแรกในรอบหลายปี อย่างอื่นไม่ต้องพูดแล้ว ความกล้าของไอ้หมอนี่คนอื่นไม่สามารถเทียบได้เลย แต่น่าเสียดาย สามารถใช้ความบ้าบิ่นและโง่เขลามาอธิบายความกล้าหาญนี้ของเขา”
……
ฉัตรพลค่อนข้างที่จะอดทนไม่ได้กับการเสแสร้งของรพีพงษ์แล้ว พูดกับภูดิทไปเลยว่า “พ่อ อย่าไปเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับพวกไม่มีสมองนี่เลย ผมจะจัดการพวกเขาเลย ฆ่าพวกเขาให้หมด ก็ไม่มีใครกล้ามาเอะอะโวยวายที่นี่แล้ว”
ภูดิทคิดว่าข้อเสนอของฉัตรพลไม่เลวเลย ไม่ว่ารพีพงษ์จะพูดจาน้ำไหลไฟดับแค่ไหน ขอแค่ฆ่าเขาซะ มดพวกนี้ ก็จะไม่สามารถมากระโดดโลดเต้นต่อหน้าเขาได้อีก
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของฉัตรพลแล้ว ก็เดินก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เอ่ยปากพูด : “ฉันก็คิดไว้แบบนี้เหมือนกัน ครึ่งชั่วโมงจะว่านานมันก็นาน จะว่าสั้นมันก็สั้น ฉันต่อยกับคุณสักรอบยังจะดีกว่า ก็จะได้ให้คนที่อยู่ตรงนี้คลายเครียดด้วย เป็นไง?”
ฉัตรพลรีบพูดออกไปอย่างเยือกเย็น: “กลัวว่าแกแม้แต่หนึ่งนาทีก็ทนไม่ไหวแล้ว”
พูดจบ เขาก็ส่งสัญญาณให้คนรอบๆ ให้พวกเขาถอยออกไปทำเป็นสถานที่
“วันนี้ฉันจะสั่งสอนไอ้เด็กที่แกว่งเท้าเข้าหาเสี้ยนคนนี้ด้วยตัวเอง และจะทำให้พวกแกได้รู้สักหน่อย มายั่วยุฉัน จะมีจุดจบยังไง!” ฉัตรพลตะโกนไปที่ผู้คน
ผู้คนก็เริ่มร้องเสียงไชโยออกมาทันที ต่างก็คิดว่ารพีพงษ์จะถูกกระทำจนต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตาแน่นอน
ฉัตรพลยืนอยู่ตรงกลางของสนามที่ทุกคนหลีกทางออกให้ ใบหน้าที่มองไปยังรพีพงษ์เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
รพีพงษ์ก็เดินไปยังตรงกลางสนาม ยืนอยู่ตรงหน้าของฉัตรพล
ถ้าเป็นเมื่อก่อน หากวิไลพรเห็นรพีพงษ์จะดวลตัวต่อตัว เธอก็คงจะเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่หลังจากที่รู้ว่ารพีพงษ์ปีนบันไดสูงสำเร็จ เธอก็ไม่มีความกังวลแบบนั้นอีกเลย
เห็นได้ชัดว่าอารียาค่อนข้างตื่นเต้น วิไลพรจับแขนของอารียาเอาไว้ หัวเราะพร้อมพูด : “วางใจเถอะ ผู้ชายคนนี้เจ๋งจะตายไป ฉัตรพลคนนั้นแม้ว่าจะเจ๋งแค่ไหน เขาก็สามารถรับมือได้สบายๆ ”
อารียาพยักหน้า แล้วมองไปที่รพีพงษ์
“เดิมทีวันนี้เป็นงานเลี้ยงเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับผู้หญิงคนนั้นของตระกูลพงศ์ธนธดา คิดไม่ถึงเลยว่าจะโดนแกทำให้ผสมปนเปหมดแล้ว เมื่อคิดอย่างนี้ ก็ถือว่าแกแย่งผู้หญิงของฉันด้วย ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ฉันก็ไม่อาจจะอดทนได้”
“แม้ว่าผู้หญิงจะเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้ในการระบาย ผู้หญิงของฉัตรพลก็ใช่ว่าคนชั้นต่ำอย่างนายจะมีสิทธิเข้ามาแปดเปื้อนได้ ดังนั้นวันนี้นาย จะต้องชดใช้มันด้วยชีวิต !”
รพีพงษ์เบะปากใส่ฉัตรพล พูดว่า : “ฉันเคยพูดแล้ว อารีคือผู้หญิงของฉัน คุณไม่คู่ควรกับเธอเลย”
ฉัตรพลแสดงสีหน้าที่โกรธออกมา กำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่น ใช้แรงที่เท้า พุ่งตรงเข้าไปยังรพีพงษ์ทันที
“ตายซะเถอะ!”
รพีพงษ์เหล่ตามอง สัมผัสได้ถึงพลังที่ปะทุออกมาจากตัวของฉัตรพล ทันใดนั้นใบหน้าก็แสดงอาการที่อยากจะลองดูออกมาแล้ว
นานมากแล้วที่ไม่ได้ยืดเส้นยืดสาย วันนี้ในที่สุดก็มีคนมาเป็นกระสอบทรายให้แล้ว เขาจะไม่พลาดแน่นอน