พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 58
บทที่ 58 เขย่าลูกเต๋า
ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้างและมองหน้ารพีพงษ์อย่าง ไม่อยากจะเชื่อ
“จ่ายเงินเสร็จแล้วจริงหรือ เขามีเงินขนาดนี้ได้ อย่างไร?”
“อย่างงั้นบัตรเครดิตของเขาจะต้องมีวงเงินถึงหนึ่งแสน หยวน บัตรเครดิตของฉันมีวงเงินแค่หนึ่งหมื่นหยวนเอง”
“บ้าจริง รูดบัตรออกไปตั้งเกือบแสนแล้วยังนั่งสบายใจ เฉิบอยู่ได้ เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติฉันก็ทำไม่ได้”
เมื่อเจตนิพัทธ์เห็นว่ารพีพงษ์ชำระเงินค่าอาหารอีกครึ่ง สำเร็จแล้ว เขาก็มีสีหน้าบึ้งตึง
ก่อนหน้านี้เขายังคิดอยู่เลยว่าถ้าหากรพีพงษ์ไม่มี ปัญญาจ่ายจริงๆ เขาจะผลักปัญหาให้รพีพงษ์โดยตรง โดยบอกว่ารพีพงษ์เป็นพวกใช้กำลังข่มขู่เพื่อให้ได้กินฟรี และให้ทางโรงแรมคิดเงินกับเขา
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือรพีพงษ์จะมีเงินเยอะขนาดนี้ จริงๆ และตอนนี้เขาเองก็อยากจะชิ่งหนีใบเสร็จนี้แต่เกรง ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่บริกรเรียกเก็บเงินจากรพีพงษ์เสร็จ เรียบร้อยแล้วก็เดินไปทางเจตนิพัทธ์ “ไม่ทราบว่าตอนนี้ คุณผู้ชายชำระเงินเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยังครับ?”
เจตนิพัทธ์ยื่นบัตรให้บริกรอย่างไม่เต็มใจ
ในบัตรใบนี้มีเงินอยู่ทั้งหมดหนึ่งแสนหยวน พอจ่ายค่า อาหารแล้ว อีกเดี่ยวก็ต้องไปร้องเพลงกันต่อ เกรงว่าจะ ไม่มีเงินเหลือในบัตรอีกแล้ว
“ไอ้บ้ารพีพงษ์ ทั้งหมดเป็นเพราะแก คอยดูเถอะ ตอน ไปร้องเพลงฉันไม่ปล่อยแกไปง่ายๆแน่!” เจตนิพัทธ์ กัดฟันกรอด
หลังจากที่บริกรรูดบัตรเสร็จก็นำบัตรคืนให้เจตนิพัทธ์ เจตนิพัทธ์รับมาด้วยหัวใจที่แหลกสลาย จากนั้นก็พูดกับ ทุกคนว่า “ไปเถอะ พวกเราไปร้องเพลงกันต่อ”
ทุกคนต่างร้องเฮและออกจากโรงแรมบลูสกายอินเต อร์เนชั่นเนลมุ่งหน้าไปยังร้านKTVที่มีชื่อเสียงที่อยู่ใกล้ๆ
KTVไม่ได้เป็นสถานที่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง แม้ว่าเหล้าหรือ เครื่องดื่มจะมีราคาแพง แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่เจตนิพัทธ์ พอรับได้ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลว่าที่นี่จะมีค่าใช้จ่ายถึง แสนหยวน อย่างมากไม่กี่หยวนก็เพียงพอแล้ว
จุดประสงค์ของเขาในตอนนี้คือ ทำให้รพีพงษ์ขายหน้า ต่อหน้าทุกคน เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้เหยียบย่ำรพีพงษ์ให้ จมอยู่ใต้แทบเท้าเขา
รพีพงษ์และอารียานั่งอยู่ตรงมุมห้อง ไม่ได้เข้าร่วมกับ บรรยากาศคึกคักของคนที่อยู่ในห้อง
อย่างไรก็ตามรพีพงษ์กลับมีความสุขที่ได้นั่งอยู่กับอารี ยาแบบนี้ สำหรับเขาแล้วอารียาคือโลกทั้งใบ ความ ครึกครื้นของคนอื่นไม่มีผลอะไรกับเขา
เมื่อเจตนิพัทธ์สัมผัสได้ถึงบรรยากาศหวานซึ้งของคน ทั้งสอง ในใจก็รู้สึกอิจฉาจึงเดินไปหยิบลูกเต๋า เขานั่งลงตรงหน้ารพีพงษ์
“พวกเธอสองคนนั่งอยู่ตรงนี้ก็ไม่ร้องเพลง เดี่ยวจะเบื่อ ซะเปล่า ไม่สู้เรามาเขย่าลูกเต๋าเล่นกันเถอะ” เจตนิพัทธ์ จ้องหน้าอารียา
อารียารีบส่ายหน้า “ฉันเล่นไม่เป็น พวกนายเล่นกัน เถอะ”
เจตนิพัทธ์หันไปทางรพีพงษ์แล้วพูด “อารียาเล่นไม่เป็น นายมาเล่นแทนเธอหน่อยสิ ดวลกันที่แต้มมากแต้มน้อย คนแพ้จะต้องดื่มเหล้าจนอ้วก นายกล้าไหมล่ะ?”
รพีพงษ์ส่ายหน้า “โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”
เจตนิพัทธ์ยิ้มเยาะเย้ย “ไม่ใช่ว่านายกลัวหรอกหรือ แม้ กระทั่งเกมแบบนี้ก็ไม่กล้าเล่น? วันนี้ฉันดื่มเหล้าไปแล้ว หน่อยนึ่ง อย่าหาว่าฉันพูดตรงไปล่ะ พวกเขาต่างก็บอกว่า นายเป็นไอ้เศษสวะ ตอนแรกฉันยังไม่เชื่อ ดูแล้วตอนนี้แม้ กระทั่งเล่นเขย่าลูกเต๋า นายก็ยังไม่กล้าเลย เห็นชัดๆว่า มันก็เศษสวะจริงๆน่ะแหละ”
“เขาไม่กล้าเล่นก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว คนขี้ขลาด อย่างเขาจะกล้าเล่นกับคนอย่างนายได้อย่างไร” อารียาที่ นั่งอยู่ข้างๆพูดเหน็บแนม
“รพีพงษ์ไม่ใช่ลูกผู้ชาย แม้กระทั่งเขย่าลูกเต๋ากับ หัวหน้าห้องยังไม่กล้าเลย”
“แค่เศษสวะคนหนึ่ง ช่างน่าเสียดายที่อารียาแต่งงาน กับเขา”
“เขากลัวแพ้แล้วต้องดื่มเหล้าล่ะสิ แค่เดิมพันเล็กๆ น้อยๆยังไม่กล้ารับ คนแบบนี้จะไปทำอะไรใหญ่โตได้อย่างไร”
เมื่ออารียาได้ยินคำพูดที่คนพวกนี้พูดก็เม้มปากด้วย ความอับอายเล็กน้อย
เมื่อเจตนิพัทธ์เห็นสถานการณ์ดังนี้ก็รีบเติมเชื้อเพลิง
และเพิ่มความหึง “รพีพงษ์ นายไม่ใช่ลูกผู้ชายจริงๆด้วย
นายทำให้อารียาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย ถ้า เป็นฉันล่ะก็…ฉันจะไม่ให้เธอเสียหน้าแบบนี้เด็ดขาด” รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เขาไม่อยากเล่นกับเจตนิพัทธ์ เนื่องจากการเขย่าลูกเต่าเป็นเกมที่เด็กเกินไป เมื่อตอนที่ เขาอายุแปดขวบ เขาใช้สิ่งนี้เพื่อเอาชนะคนทั้งตระกูลลัด
ดาวัลย์
ไม่คิดเลยว่าเจตนิพัทธ์จะเอาเรื่องอารียามาพูด
ในเมื่อเจตนิพัทธ์กำลังล้ำเส้นเขางั้นก็อย่าหาว่าเขาไม่ เกรงใจแล้วกัน
“ได้ ฉันจะเล่นกับนาย” รพีพงษ์ พูด
เมื่อเห็นรพีพงษ์ตอบตกลง เจตนิพัทธ์ก็ยิ้มด้วยท่าที เยาะเย้ย “ดี ในเมื่อนายตกลง ระหว่างเราสองคนจะต้องมี ใครคนใดคนหนึ่งอ้วกออกมาถึงจะจบเกมได้ แม้ว่าการ เดิมพันจะดำเนินไปจนถึงรุ่งสางก็ต้องเล่นกันต่อไป”
“ไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นหรอก อย่างมากก็แค่ครึ่ง ชั่วโมงกว่า” รพีพงษ์พูด
เจตนิพัทธ์ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่รพีพงษ์พูดหมายถึงอะไร และยังหลงคิดว่ารพีพงษ์กำลังบอกว่าอย่างมากตัวเองก็แค่ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็อ้วกออกมาแล้ว เขาจึง หัวเราะได้ใจพลางคิดในใจว่ารพีพงษ์เป็นคนขี้ขลาดเสีย จริงๆ ยังไม่ทันได้เริ่มก็คิดว่าตัวเองทำไม่ได้แล้ว
บุษบากรมองรพีพงษ์แล้วพูด “นายยังมีสติอยู่หรือเปล่า ตอนเราเรียนอยู่ที่โรงเรียน ฝีมือการเขย่าลูกเต่าของ หัวหน้าห้องไม่มีใครเทียบชั้นได้ ถ้าเทียบกับคนอย่างนาย แล้วล่ะก็ อีกครึ่งชั่วโมงนายจะต้องอ้วกออกมาแน่ๆ”
มีหลายคนที่เดินเข้ามาล้อมรอบและมองรพีพงษ์กับเจต นิพัทธ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ในความคิดของพวก เขาการดวลครั้งนี้เจตนิพัทธ์จะต้องชนะอย่างไม่ต้อง สงสัย
“ก่อนหน้านี้ที่โรงแรมหัวหน้าห้องคนเดียวดื่มติดต่อกัน จนคนสิบกว่าคนต้องหมอบ รพีพงษ์จะเป็นคู่ต่อสู้เขาได้ 2 อย่างไร”
เขากล้าตกปากรับคำแบบนี้ อีกเดี่ยวเราคงได้เห็นเจ้า หมอนี่อ้วกจนยืนตัวตรงไม่ได้แน่ๆ”
“รพีพงษ์ ถ้าคุณดื่มไม่ได้ก็ไม่ต้องเล่น พวกเขาเป็น เพื่อนสมัยเรียนของฉัน พวกเขาไม่ว่าอะไรหรอก” อารียา พูดด้วยความกังวลเล็กน้อย
“วางใจเถอะ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมจะไม่ดื่มเหล้า แม้แต่แก้วเดียว” รพีพงษ์พูดด้วยรอยยิ้ม
อารียาชะงักไปชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่าที่รพีพงษ์พูดในตอน นี้กำลังหมายถึงอะไร
เจตนิพัทธ์แทบรอไม่ไหวที่จะได้เห็นภาพตอนที่รพีพงษ์แพ้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเกมการประลองกับรพีพงษ์ทันที
เขาเขย่าถ้วยลูกเต๋ำอย่างรวดเร็วด้วยมือเดียว การ เคลื่อนไหวของเขาค่อนข้างชำนาญจนคนรอบข้างรู้สึก ตื่นตาตื่นใจ
“หัวหน้าห้องเจ๋งสุดๆ เขาสามารถเขย่าลูกเต๋าออกมา ขนาดนี้ได้” มีหลายคนต่างชื่นชม
เจตนิพัทธ์วางถ้วยลูกเต๋าบนโต๊ะแล้วหยิบออกไป เมื่อ แต่ละคนมองไปข้างในก็เห็นลูกเต๋าสี่ลูกออกเป็นแต้มห้า สามลูก และแต้มหกหนึ่งลูก”
“หัวหน้าห้องสุดยอด แต้มสูงขนาดนี้ รพีพงษ์จะต้องแพ้ แน่ๆ นี่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!”
เจตนิพัทธ์เองก็มีสีหน้าพึงพอใจ เขาควบคุมจำนวน ลูกเต๋าได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยปกติแล้วไม่มีใครสามารถ เอาชนะเขาได้
“ถึงตานายแล้ว” เจตนิพัทธ์ยื่นถ้วยลูกเต่าให้รพีพงษ์
จากนั้นเขาก็ไปรินเหล้าให้รพีพงษ์ เขามีแต้มห้าสามลูก และแต้มหกหนึ่งลูก เว้นแต่โชคจะสู้ฟ้าถึงจะได้แต้มสูง กว่าเขาได้
รพีพงษ์ไม่รีรอ เขาถือถ้วยลูกเต๋าและเขย่ามัน การ เคลื่อนไหวของเขาเป็นไปอย่างเรียบง่ายมาก มีเพียงเขา เท่านั้นที่รู้สึกได้ถึงพลังแห่งการควบคุม
เมื่อทุกคนเห็นว่าวิธีการเขย่าลูกเต๋าของรพีพงษ์เป็นไป
อย่างเรียบง่ายก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“ดูก็รู้แล้วว่าเขามือใหม่ จะชนะหัวหน้าห้องได้อย่างไร”
“เขย่าได้แย่กว่าฉันเสียอีก ถ้าโชคดีอาจจะเขย่าได้สี่ตัว
ก็ได้”
ในไม่ช้ามือของรพีพงษ์ก็หยุดลง ทุกคนไม่พูดอะไรแต่ กำลังรอให้รพีพงษ์คลายมือ
ในตอนนี้เจตนิพัทธ์ก็ได้รินเหล้าแก้วใหญ่เป็นพิเศษไว้
เต็มแก้วเรียบร้อยแล้ว
เขาเดินไปพร้อมกับแก้วเหล้าและมองไปทางรพีพงษ์ ด้วยความเย่อหยิ่ง ในใจคิดว่าเขาจะต้องได้รับความ ทรมานจากเหล้าแก้วนี้อย่างแน่นอน
“บ้าเอ๊ย หัวหน้าห้อง นายจะเอารพีพงษ์ให้ตายเลยหรือ ไง แก้วถึงได้ใหญ่ขนาดนี้”
“ฮ่าฮ่า ฉันคิดว่ารพีพงษ์ดื่มแก้วนี้ไปจะต้องอ้วกออกมา แน่ๆ ไม่ต้องรอถึงครึ่งชั่วโมงหรอก”
“รพีพงษ์ นายชักช้าอยู่ทำไม รีบๆเปิดสิ หรือว่านาย อยากถ่วงเวลาดื่มงั้นหรือ?”
ทุกคนต่างเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่ารพีพงษ์จะต้องแพ้เดิมพัน ในครั้งนี้จริงๆ
รพีพงษ์เอามือออกและเผยให้เห็นลูกเต๋าที่อยู่ข้างใน ทุกคนมองไปที่มัน จากนั้นดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้าง
สองลูกได้ห้าแต้ม! อีกสองลูกได้หกแต้ม! นี่มันมากกว่าของเจตนิพัทธ์ไปหนึ่งแต้ม
“แม่งเอ๊ย เจ้าหมอนี่ดวงโครตดี ได้เยอะกว่าเจตนิพัทธ์ เมื่อกี้ไปหนึ่งแต้ม”
“ดวงดีแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย?”
“จุ๊จุ๊ เจ้าหมอนี่คงใช้โชคหมดแล้วในชาตินี้”
เจตนิพัทธ์เพิ่งคิดจะส่งเหล้าในมือให้รพีพงษ์ แต่พอ หลังจากที่เห็นแต้มที่รพีพงษ์เขย่าออกมา เขาก็ถึงกับตก ตะลึง
มือที่ถือแก้วเหล้าค้างไว้กลางอากาศ
ไอ้หน้าโง่คนนี้จะโชคดีเกินไปหรือเปล่า ถึงกับเขย่าได้ มากกว่าเขาหนึ่งแต้ม?
รพีพงษ์ ยิ้มและมองไปทางเจตนิพัทธ์ “โทษทีนะ พอดี ฉันได้แต้มเยอะกว่านายไปหนึ่งแต้ม นายแพ้แล้ว ดื่มสิ”
ที่เขาสามารถเขย่าออกมาได้แบบนี้แน่นอนว่าไม่ใช่ เพราะโชคช่วย แต่เขาควบคุมลูกเต๋ามาถึงจุดที่เขา ต้องการแล้ว และจำนวนแต้มที่เขาจะหมุนได้นั้นขึ้นอยู่กับ ดุลยพินิจของเขาเอง
จำนวนแต้มที่เขาเขย่าออกมานั้นเป็นเหตุทำให้เจตนิ พัทธ์ใจสลาย เกลียดจนกัดฟัน
ตอนนี้เจตนิพัทธ์แน่ใจแล้วว่าเขาเกลียดรพีพงษ์มาก ขนาดไหน แต่ก็ต้องยอมแพ้การเดิมพัน เขาจึงได้แต่ดื่ม เหล้าที่อยู่ในมือ
อย่างไรก็ตามคราวนี้ยังถือว่าเป็นความโชคดีของรพี พงษ์ ต่อไปความโชคดีของเขาเกรงว่าจะไม่เหลือแล้ว
หลังจากดื่มเหล้าไปหมดแก้วแล้ว เจตนิพัทธ์ก็หยิบถ้วย ขึ้นมาแล้วเริ่มเขย่าลูกเต๋า
คราวนี้เขาเขย่าได้แต้มเยอะกว่าครั้งแรกอีกครั้ง โดย คิดว่าไม่ว่าจะอย่างไรรพีพงษ์ก็ไม่อาจโชคดีไปเสียทุกครั้ง คราวนี้เขาจะต้องแพ้แน่ๆ
หลังจากที่รพีพงษ์เขย่าลูกเต่าเสร็จ เจตนิพัทธ์ก็ถึงกับ งงเป็นไก่ตาแตก เพราะรพีพงษ์เขย่าลูกเต๋าออกมาได้ มากกว่าเขาหนึ่งแต้มอีกแล้ว
“เจ้าหมอนี่มันโชคดีขนาดนั้นเลยหรือ?” เจตนิพัทธ์
โมโหจนตัวสั่น เขาไม่อยากดื่มเหล้าแก้วใหญ่นั้นอีกแล้ว แต่ในเวลานี้รพีพงษ์ได้รินเหล้าแล้วส่งให้เขา “ดื่มสิ” เจตนิพัทธ์มีใจอยากจะฆ่าคน ทว่าถึงอย่างไรก็จำใจ ต้องดื่มแก้วนั้นให้หมด
สองสามครั้งถัดไปผลออกมาก็เหมือนกับสองครั้งแรก ไม่ว่าเจตนิพัทธ์จะเขย่าได้มากเท่าไหร่ รพีพงษ์ก็มักจะได้ แต้มมากกว่าเขาไปหนึ่งแต้ม มันทำให้เขาแทบคลั่ง
เมื่อเขาดื่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ไม่สามารถเล่นเกมที่ห้า ต่อไปได้
“ถ้าอย่างงั้น ฉันไปก่อนนะ…แหวะ…”เจตนิพัทธ์รีบพุ่ง ตัวออกไปทางห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
รพีพงษ์และอารียาต่างหัวเราะออกมา
บุษบากรเหลือบมองไปทางรพีพงษ์ เธอมักจะรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้มีบางอย่างผิดปกติไป เพราะไม่ว่าคนๆนั้นจะ โชคดีแค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชนะติดต่อกันขนาดนี้
เธอนั่งตรงข้ามรพีพงษ์แล้วยกถ้วยขึ้นมาเขย่า “ฉันจะ ลองแข่งกับนาย แต่ฉันจะไม่เดิมพันด้วยการดื่ม เรามา
เดิมพันอย่างอื่นกันเถอะ”