พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 613 ให้รพีพงษ์ไปท้าประลองกับเขา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 613 ให้รพีพงษ์ไปท้าประลองกับเขา
บทที่ 613 ให้รพีพงษ์ไปท้าประลองกับเขา
ตระกูลเชาวกรกุลเป็นผู้บุกเบิกเกาะพระจันทร์ ตระกูลนี้เปรียบเหมือนเจ้าพ่อบนเกาะแห่งนี้ ผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่บนเกาะนี้ล้วนต้องพึ่งพาตระกูลเชาวกรกุล ถึงจะมีพื้นที่ทำมาหากิน
อีกทั้งเกาะพระจันทร์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นเลิศ การบริโภคใช้สอยของที่นี่จึงสูงมาก ทำให้ตระกูลเชาวกรกุลกลายเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ภายในระยะเวลาอันสั้น พวกตระกูลที่อยู่ภายในประเทศไม่สามารถเทียบพวกเขาได้
ดังนั้นคนที่มาเที่ยวที่นี่ ต่างก็รู้กิตติศัพท์ของตระกูลเชาวกรกุลดี จะหาเรื่องใครบนเกาะพระจันทร์ก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนของตระกูลเชาวกรกุล
ฉันท์ทัตที่รพีพงษ์ไปหาก่อนหน้านี้ ก็เป็นญาติห่างๆ กับตระกูลเชาวกรกุล
และเพราะความยิ่งใหญ่ของตระกูลเชาวกรกุล ทำให้คุณชายใหญ่ของตระกูลเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมบนเกาะพระจันทร์
เพราะการที่ได้รู้จักมักคุ้นกับคุณชายของตระกูลก็เท่ากับมีมิตรไมตรีที่ดีต่อตระกูลเชาวกรกุล ทุกคนต่างก็อยากมีเพื่อนเป็นคนที่อยู่ในตระกูลใหญ่ทั้งนั้น
“ว้าว นั่นคือคุณชายใหญ่ของตระกูลเชาวกรกุลเหรอ หล่อจัง ถ้าฉันได้วีแชทของเขาคงจะดีมากเลย”
“เธออย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย คนอย่างคุณชายตระกูลเชาวกรกุลจะไม่มีสาวๆ รุมล้อมได้ยังไงกัน คนที่เขาจะมองก็คงเป็นสาวสวยเท่านั้นแหละ”
เมื่อสาวๆ ได้เห็นบริวัตร ต่างก็พากันแสดงสีหน้าบ้าผู้ชายออกมา
รพีพงษ์กับคนอื่นๆ ก็พากันมองไปทางบริวัตร แต่พวกเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาเหมือนกับคนอื่นๆ
ในใจของอารียามีเพียงรพีพงษ์ อีกอย่างบริวัตรไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอชอบ ส่วนฝนสุดาก็เป็นคนหนูแห่งตระกูลก้องวณิชกุล แม้ว่าตระกูลเชาวกรกุลจะยิ่งใหญ่บนเกาะพระจันทร์ แต่เมื่อเทียบกับตระกูลก้องวณิชกุลแล้ว ยังห่างชั้นกันเยอะ แน่นอนว่าฝนสุดาไม่ได้เห็นคุณชายคนนั่นอยู่ในสายตา
หลังจากที่บริวัตรเดินมาถึง เขาก็สัมผัสกับสายตาแห่งความชื่นชมจากผู้คนโดยรอบ รอยยิ้มได้ใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาชอบความรู้สึกที่โดนทุกคนแหงนมองเป็นที่สุด
เขามองไปรอบๆ บริเวณ สุดท้ายสายตาของบริวัตรไปหยุดลงที่ฝนสุดา ความกระหายฉายออกมาทางแววตาของเขา
วันนี้เขามาที่นี่เพราะฝนสุดา หลังจากที่ฝนสุดาออกมาจากอ่าวจันทร์ เขาก็เห็นนางฟ้าโดยไม่รู้ตัว
ฝนสุดารับรู้ได้ถึงสายตาของบริวัตร หน้าผากอันสวยงามย่นลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกไม่ชอบใจกับการจ้องมองของบริวัตร
เมื่อมาถึงข้างเวที บริวัตรก็เดินขึ้นไปบนเวทีทันที พิธีกรรีบวิ่งเข้าไปหาเขาอย่างนอบน้อม จากนั้นจึงยื่นไมค์ให้บริวัตร
บริวัตรรับไมค์มา แล้วพูดว่า “ฉันเห็นว่าการแข่งที่นี่คึกคักดี ก็เลยแวะมาดู อีกอย่างฉันสนใจเรื่องงัดข้อด้วย และมั่นใจในพละกำลังของตัวเอง ให้ฉันท้ากับผู้มีพละกำลังทั้งแปดคนนี้ดีกว่า ดูสิว่าฉันจะเป็นผู้ชนะได้หรือเปล่า”
พิธีกรรีบยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเกียรติมากที่คุณชายมาร่วมการแข่งขันของเรา ผมเชื่อว่าผู้แข่งขันทั้งแปดคนก็รอคอยที่จะวัดพละกำลังกับคุณชายเช่นกัน เดี๋ยวผมจะให้คนไปเตรียมให้นะครับ ให้ทุกคนได้รู้ถึงพละกำลังของคุณชาย”
บริวัตรพยักหน้า เขาเหลือบมองผู้เข้าแข่งขันทั้งแปดคนอย่างไม่พอใจ
ที่จริงแล้วบริวัตรเป็นคนวางแผนการแข่งขันครั้งนี้ มันเป็นวิธีสกปรกที่เขาชอบใช้ในการจีบผู้หญิง ใช้การแข่งขันมาบังหน้า แล้วหาผู้ชมที่เป็นผู้โชคดี ที่จริงแล้วผู้โชคดีก็คือผู้หญิงที่บริวัตรถูกใจ
วางแผนให้ผู้โชคดีตอบตกลงทานข้าวกับผู้ชนะ จากนั้นบริวัตรก็จะปรากฏตัวออกมา และทำให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดแพ้ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจะได้มีโอกาสทานข้าวกับหญิงสาวที่ตนเองถูกใจ
และการที่เป็นคุณชายในตระกูลเชาวกรกุลเขาก็มีวิธีการให้ผู้หญิงนอนกับเขาหลังจากทานข้าวเสร็จ
บนเกาะพระจันทร์ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว ส่วนมากจะมาเพียงครั้งเดียวและกลับไป คนที่มาดูการแข่งขันก็มักจะเป็นนักท่องเที่ยวหน้าใหม่ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลว่าจะโดนจับได้จากการใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ อีกอย่างคนที่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ก็ออกจากเกาะพระจันทร์ไปแล้ว
ไม่นานพิธีกรก็จัดโต๊ะสำหรับแข่งงัดข้อเสร็จเรียบร้อย บริวัตรเดินเข้าไปนั่งลงข้างโต๊ะ จากนั้นก็พูดกับผู้เข้าแข่งขันทั้งแปดคนว่า “พวกนายเข้ามาแข่งงัดข้อกับฉันทีละคน ถ้าฉันชนะพวกนายทั้งหมด ฉันก็จะเป็นผู้ชนะในวันนี้”
ผู้หญิงที่อยู่ล่างเวทีต่างพากันกรี้ดขึ้นมา ราวกับว่าคำพูดของบริวัตรช่างก้าวร้าวดุดัน
“ว้าว หล่อเท่จริงๆ เลย คิดไม่ถึงว่าจะท้าคนทั้งแปดคน ฉันประกาศไว้ตรงนี้เลย จากนี้คุณชายจะเป็นไอดอลของฉัน!”
“ช่างก้าวร้าวจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นคุณชายบริวัตร นี่สิผู้ชายที่แท้จริง อยากโผเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาจัง”
“ไม่ได้การละ ฉันจะเป็นลม ฉันอยากให้คุณชายบริวัตรมาผายปอด”
……
ผู้เข้าแข่งขันทั้งแปดคนมาแข่งงัดข้อกับบริวัตร บริวัตรดูเหมือนจะไม่มีพละกำลังอะไร แต่แรงของเขาไม่น้อยเลยทีเดียว คนที่แข่งงัดข้อกับเขาอดทนได้เพียงครู่เดียวก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา
เสียงกรี้ดของผู้หญิงที่อยู่ข้างล่างดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และชื่นชมบริวัตรไม่หยุด
อารียามองภาพบนเวที แล้วหันไปมองฝนสุดา “ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คุณชายนั่นต้องชนะแน่ สุดาถ้าเธอต้องไปทานข้าวกับเขา เธอว่าเขาเป็นยังไง”
ฝนสุดาแสดงท่าทีรังเกียจออกมา “ฉันไม่ไปทานข้าวกับไอ้หมอนั่นหรอก ดูก็รู้ว่ามีอะไรในใจ เธอดูท่าทีได้ใจของเขาสิ ฉันสงสัยว่าคนพวกนั้นยอมแพ้เขาเพราะฐานะของเขาต่างหาก การแข่งนี่ช่างน่ารังเกียจจริงๆ”
“แต่เมื่อกี้เธอตอบตกลงพิธีกรไปแล้วนิ แล้วจะทำยังไงล่ะ” อารียาเอ่ยขึ้น
ตอนแรกฝนสุดาอยากบอกว่าตัวเองไม่อยากไป แล้วก็ปฏิเสธออกไปตรงๆ เพราะว่าเธอไม่ได้เห็นไอ้คุณชายนั่นอยู่ในสายตา
ฝนสุดาสังเกตเห็นรพีพงษ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอกลอกตาไปมา แล้วพูดกับอารียาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “อารี หมอนั่นเป็นคุณชายของตระกูลเชาวกรกุล บนเกาะนี้ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา การไปทานข้าวกับเขา มันไม่ใช่แค่ทานข้าวแน่ๆ เขาต้องใช้โอกาสนี้ทำอะไรฉันแน่ๆ ฉันไม่อยากโดนมันทำลายชีวิต เธอช่วยฉันได้ไหม”
อารียาคิดว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ ก็กระวนกระวายแทนฝนสุดา แต่เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
“สุดา ฉันก็อยากช่วยเธอนะ แต่ฉันไม่รู้ว่าจะช่วยเธอยังไงดี หรือเราจะปฏิเสธไปตรงๆ พวกเขาคงไม่บังคับเธอไปทานข้าวหรอกใช่ไหม” อารียาเอ่ยขึ้น
ฝนสุดามองรพีพงษ์แล้วพูดว่า “อารี เธอเคยบอกว่าสามีเธอแรงเยอะไม่ใช่เหรอ ฉันว่าเขาต้องชนะคุณชายนั่นได้แน่ ให้เขาขึ้นไปท้าคุณชายนั่นสิ ถ้าเขาชนะ ฉันก็ไม่ต้องไปทานข้าวกับคุณชายนั่น”
จู่ๆ แววตาของอารียาก็เป็นประกายขึ้นมา เธอคิดว่าวิธีนี้ใช้ได้เลยทีเดียว จากนั้นจึงหันไปหารพีพงษ์
รพีพงษ์กำลังเหม่อ เขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เมื่อได้ยินที่ฝนสุดาพูด หน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความงุนงง