พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 658 บัตรใบนี้มีเงินกว่าเก้าหมื่นล้าน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 658 บัตรใบนี้มีเงินกว่าเก้าหมื่นล้าน
บทที่ 658 บัตรใบนี้มีเงินกว่าเก้าหมื่นล้าน
ในห้องนั่งเล่น ผู้อาวุโสในตระกูลลัดดาวัลย์เห็นรพีพงษ์จัดการโศธัยกับตันหยงอย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย ใจของพวกเขาสั่นระริก ความคิดบางอย่างที่ได้คล้อยตามโศธัยกับตันหยงมลายหายไปในพริบตา
พวกเขาสัมผัสได้ว่ารพีพงษ์ไม่อ่อนข้อให้กับคนที่ทรยศตระกูลแม้แต่น้อย ในขณะนี้พวกเขาพากันคิดอยู่ในใจว่าจะซื่อสัตย์กับตระกูลลัดดาวัลย์ตลอดไป
ท่านคทาเดินเข้าไปหารพีพงษ์ด้วยน้ำตาไหลอาบแก้ม มือทั้งสองข้างของชายชราสั่นเล็กน้อย ในระยะเวลากว่าครึ่งปี ถึงแม้ว่าเขาจะเชื่อในความยืนหยัดของอารียาว่ารพีพงษ์ยังไม่ตาย แต่การที่คนหายไปกว่าครึ่งปี มักจะทำให้การรอคอยของคนสิ้นหวังเสมอ
ดังนั้นในใจของท่านคทารู้ดีว่ารพีพงษ์อาจจะไม่ได้อยู่แล้ว แต่เขาแค่ไม่ได้พูดออกมา และทำตามคำสั่งของอารียาอย่างแน่วแน่ และคิดว่าการที่รพีพงษ์จะกลับมา เป็นความปรารถนาอันงดงามอย่างหนึ่ง
ตอนนี้เห็นรพีพงษ์ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขา ความหวังลมๆ แล้งๆ ของเขา เป็นจริงแล้ว
ความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามา สุดท้ายมันก็กลั่นออกมาได้เพียงประโยคเดียว “กลับมาก็ดีแล้ว”
รพีพงษ์ยิ้มให้ท่านคทา จากนั้นจึงพูดว่า “ช่วงที่ผ่านมา ทำให้ท่านคทาลำบาก ในเมื่อผมกลับมาแล้ว ผมจะไม่ยอมให้ตระกูลของเราตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นอีก ผมจะไม่ปล่อยคนที่มุ่งร้ายกับตระกูลเราเอาไว้”
ท่านคทาพยักหน้า เขาเชื่อมั่นในตัวของรพีพงษ์เป็นอย่างมาก ในเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนี้ เขาต้องพาตระกูลออกจากสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ได้อย่างแน่นอน
“ผมขอจัดการกับไอ้คนทรยศสองคนนี้ก่อน คุณคุยกับคุณจารุณีไปก่อนนะครับ ตอนนี้หอการค้าสมน.กำลังเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก คุณกลับมาคนแก่อย่างผมก็โล่งอก” ท่านคทาพูดขึ้น
รพีพงษ์ตอบรับ จากนั้นก็หันไปหาจารุณีที่เอาแต่เช็ดน้ำตาไม่หยุด ความโกรธเริ่มหายไป ใบหน้าของเขาเริ่มอ่อนโยนขึ้น
จารุณีมองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าตำหนิ แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความดีใจ
รพีพงษ์เดินเข้าไปหาเธอ แล้วยื่นมือไปบีบจมูกของเธอเบาๆ “ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ มันจะภัยกับพวกคุณ ผมเลยต้องกลับมาช้า และทำให้คุณเป็นห่วง”
จารุณีกำหมัดเล็กๆ ชกไปบนตัวของรพีพงษ์ “โอเค นี่เป็นบทลงโทษของนาย ถ้าครั้งหน้านายทำให้ฉันเป็นห่วงอีก นายกับฉันได้แตกหักกันแน่”
“ผมรับรองว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก!” รพีพงษ์พูดด้วยสีหน้าแน่วแน่ แล้วทำท่าวันทยหัตถ์ให้จารุณี
ผู้อาวุโสในตระกูลเห็นเช่นนั้น ก็ถอนหายใจอยู่ในใจ เขารู้วิธีการของรพีพงษ์ดี โดยเฉพาะตอนที่เขาจัดการกับโศธัยและตันหยง คนที่ทำให้รพีพงษ์เป็นกันเองแบบนี้ได้ บนโลกนี้มีแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือจารุณี
จารุณีหัวเราะพรืด ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา
แต่จู่ๆ แววตาของเธอก็นิ่งไป แน่นอนว่าการที่รพีพงษ์กลับมาเป็นเรื่องดี แต่สถานการณ์ของหอการค้าสมน. อยู่ในช่วงวิกฤต ถึงแม้รพีพงษ์กลับมา ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
รพีพงษ์รู้ว่าจารุณีกำลังคิดอะไร เขายิ้มบางๆ แล้วหยิบบัตรธนาคารออกมาจากเสื้อ และยื่นไปตรงหน้าจารุณี
จารุณีมองบัตรธนาคารใบนั้น แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “อะไรเหรอ”
“หอการค้าสมน.กำลังเสียหายด้านทุนทรัพย์ รีบเอาบัตรธนาคารนี้กลับไปให้พ่อของคุณ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
จารุณีส่ายหน้า เธอถอนหายใจแล้วพูดว่า “ทุนทรัพย์ที่เราเสียไปในครั้งนี้ห้าหมื่นล้าน ทั้งตระกูลลัดดาวัลย์มีให้เราแค่สามหมื่นล้าน แค่บัตรธนาคารใบเดียวจะพอได้ยังไง”
รพีพงษ์หัวเราะออกมา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “แค่บัตรธนาคารใบเดียวแล้วมันยังไง อย่าบอกนะว่าเธอดูถูกมัน”
จารุณีมองรพีพงษ์ด้วยสายตาประหลาด “นี่ จนถึงขนาดนี้แล้ว นายยังจะล้อฉันเล่นอีกเหรอ”
“ผมไม่ได้ล้อคุณเล่น ในบัตรใบนี้ยังมีเงินเหลืออยู่กว่าเก้าหมื่นล้าน อย่าบอกนะว่าไปทดแทนกับเงินที่คุณเสียไปไม่ได้” รพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย
“กะ..เก้าหมื่น” ตอนแรกจารุณียังไม่ได้ตั้งใจฟัง เธอได้ยินเป็นเก้าล้าน แต่วินาทีต่อมาเหมือนฟ้าผ่าลงกลางตัวเธอ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
“กะ…เก้าหมื่นล้าน?” จารุณีมองรพีพงษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อ
รพีพงษ์พยักหน้า
จารุณีสูดหายใจเฮือก หากหอการค้าสมน. มีมูลค่าเจ็ดแปดหมื่นล้าน จารุณีจะไม่ประหลาดใจอะไรเลย แต่ถ้าในบัตรธนาคารแค่ใบเดียวมีเงินสดอยู่กว่าเก้าหมื่นล้าน เธอไม่มีความคิดอื่นเลย นอกจากความตกตะลึง
บัตรธนาคารใบเดียว สามารถซื้อได้ทั้งหอการค้าสมน. มันจะมันทำให้คนตกตะลึงได้อย่างไรล่ะ
ไม่ใช่แค่จารุณี ผู้อาวุโสในตระกูลต่างก็อ้าปากค้าง บัตรใบเดียวมั้งเงินตั้งเก้าหมื่นล้าน พวกเขาสงสัยแม้กระทั่งว่ารพีพงษ์แอบเปิดธนาคารลับหลังพวกเขาหรือเปล่า ถึงรพีพงษ์จะเก่ง แต่เอาเงินเก้าหมื่นล้านมาในครั้งเดียว มันไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ว่าเมื่อมีบัตรธนาคารใบนี้ ผู้อาวุโสในตระกูลก็โล่งอก บัตรที่มีเงินเก้าหมื่นล้านรพีพงษ์เอาให้คนอื่นอย่างง่ายดาย งั้นสถานการณ์ของตระกูลที่ใกล้จะวิกฤต ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกแล้ว
รพีพงษ์เหมือนเทพเจ้าของตระกูล ขอแค่มีเขาอยู่ ถึงจะมีอุปสรรคใหญ่แค่ไหนก็ไม่ต้องพูดถึง
จารุณีไม่เกรงใจรพีพงษ์แล้ว เพราะตอนนี้หอการค้าสมน. เป็นตายเท่ากัน เธอจะเล่นตัวอีกทำไม หญิงสาวรับบัตรมาจากมือของรพีพงษ์ แล้วพูดกับเขาไม่กี่ประโยค จากนั้นจึงรีบออกจากคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
……
ห้องหนึ่งในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์กับดัมพ์รงค์ยืนเผชิญหน้ากัน ในห้องมีเตียงวางอยู่สามเตียง มีคนเอนอยู่บนเตียงสองคน ซึ่งสองคนนั้นคือผู้มีฝีมืออันสองและสามในลำดับนักรบของกิสนา ทั้งสองหายใจรวยรินเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัส
“นายยังมีชีวิตอยู่” ดัมพ์รงค์จ้องรพีพงษ์แล้วเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของดัมพ์รงค์ รพีพงษ์ก็หัวเราะออกมา นี่คงเป็นคำพูดแสดงความดีใจที่ดัมพ์รงค์สามารถแสดงออกมาได้ดีที่สุดแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น” รพีพงษ์เอ่ยถาม
“โดยคนที่ตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมส่งมาทำร้าย พละกำลังของพวกมันแข็งแกร่งมาก ฉันต้องใช้พละกำลังทั้งหมดกว่าจะสู้กับหนึ่งในคนของพวกมันได้ พวกมันมีทั้งหมดหกคน เราสามคนไม่สามารถรับมือได้” ดัมพ์รงค์อธิบาย
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงว่าสองตระกูลนั้นจะหาคนที่แข็งแกร่งกว่าผู้มีฝีมือสามอันดับแรกในลำดับนักรบของกิสา นี่มันเกินกว่าที่รพีพงษ์คาดเอาไว้ เขาสงสัยว่าใครคือผู้ที่อยู่เหนือกว่าอนันยช
และหกคนนั้นยังแข็งแกร่งกว่าดัมพ์รงค์ รพีพงษ์อดสงสัยไม่ได้ว่าพวกนั้นอาจจะเป็นผู้มีฝีมือด้านกำลังภายใน
“เรื่องจากนี้ให้ฉันเป็นคนจัดการเอง ไม่ว่าคนที่มาจะแข็งแกร่งเพียงใด ฉันจะให้มันชดใช้อย่างสาสม” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ดัมพ์รงค์ลังเลเล็กน้อย เหมือนจะเตือนให้รพีพงษ์ระวังตัว แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา และพยักหน้าเบาๆ เท่านั้น