พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 660 ฆ่าให้หมดก็จบแล้ว
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 660 ฆ่าให้หมดก็จบแล้ว
บทที่ 660 ฆ่าให้หมดก็จบแล้ว
ห้องประชุมตระกูลนฤวัตปกรณ์
พลชนายใหญ่ตระกูลนฤวัตปกรณ์และวรยศนายใหญ่ตระกูลวรโชติธีรธรรมนั่งอยู่ที่โต๊ะ เพื่อรอฟังข่าวความล่มจมของหอการค้าสมน. ถ้าตามแผนของพวกเขา วันนี้หอการค้าสมน.ไม่มีทางเอาเงินห้าหมื่นล้านมาอุดส่วนที่เสียไปได้ และจะต้องพังทลายลง
นอกจากพวกเขาสองคนแล้ว บนโซฟาในห้องประชุมยังมีคนหกคนกำลังนั่งดื่มเหล้า พลชกับวรยศเอาแต่มองไปที่หกคนนั้นไม่หยุด แววตาที่มองเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ทั้งหกคนเป็นผู้มีฝีมือด้านกำลังภายในที่อนันยชส่งมา หลังจากที่พวกเขามาถึงเกียวโต และได้รู้สถานการณ์ที่นี่ อีกทั้งยังติดต่อตระกูลนฤวัตปกรณ์กับตระกูลวรโชติธีรธรรม อีกทั้งยังสัญญาว่าจะช่วยพวกเขากำจัดตระกูลลัดดาวัลย์
จากนั้นทั้งหกคนก็จัดการพวกดัมพ์รงค์ต่อหน้าของพลชและวรยศจนเละเทะ พวกเขารู้ดีดัมพ์รงค์น่ากลัวแค่ไหน แต่ทั้งหกคนไม่ได้พูดเล่น อีกทั้งพวกเขายังพูดชื่นชมทั้งหกคนอีกด้วย
และเพราะมีทั้งหกคนอยู่ ทั้งสองตระกูลถึงกล้าจัดงานในวันพรุ่งนี้ เมื่อมีนักสู้ที่แข็งแกร่ง ถึงตระกูลลัดดาวัลย์จะไม่อยากมอบทรัพย์สินให้ แต่พวกนั้นก็ไม่มีทางเลือกอื่น
คนที่เป็นหัวหน้าในบรรดาคนทั้งหกชื่อว่าจณัตว์ เขาเป็นคนที่เรียนรู้วิชาหายใจออกที่อนันยชถ่ายทอดให้ได้ดีที่สุด พละกำลังของเขาแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคนทั้งหก แต่เมื่อเทียบกับผู้มีฝีมือด้านกำลังภายในอย่างแท้จริง ก็ยังห่างชั้นกันมาก
เพราะว่ารอจนเบื่อ พลชลุกขึ้นมาแล้วเดินไปหาทั้งหกคน เขายกแก้วเหล้าขึ้นมา ยิ้มและพูดว่า “ดีจริงๆ ที่มีท่านทั้งหกคน พวกเราถึงสามารถบีบบังคับตระกูลลัดดาวัลย์ให้มาอยู่ในจุดนี้ได้ ผมขอคารวะพวกท่าน ถือว่าเป็นคำขอบคุณจากผม”
พูดจบเขาก็ยกแก้วเหล้าดื่มรวดเดียวจนหมด
วรยศเห็นเช่นนั้น ก็รีบเดินเข้ามา “ใช่ ถ้าไม่มีพวกนาย พวกเราไม่รู้จะทำยังไงกับคนมีฝีมือสามคนนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงงานที่จะจัดพรุ่งนี้เลย ตอนนี้อารียาใกล้คลอด ไม่มีแรงมาดูแลเรื่องในตระกูลลัดดาวัลย์ คนมีฝีมือสามคนนั้นก็โดนพวกคุณทำร้ายจนสาหัส งานเลี้ยงพรุ่งนี้ คงจะทำให้ตระกูลลัดดาวัลย์เหลือไว้เพียงชื่อเท่านั้น”
เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาคารวะทั้งหกคน และดื่มรวดเดียวจนหมด
“ตระกูลลัดดาวัลย์ที่มีอำนาจ พออยู่ต่อหน้าพวกเราก็แค่มดตัวเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าจะทำผิดกฎหมาย พวกเราฆ่าคนในตระกูลลัดดาวัลย์ให้หมด และกลับไปตั้งนานแล้ว ไอ้ขยะสามตัวนั่น ไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเราสักนิด” จณัตว์ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าพออกพอใจ
“ใช่ ใช่ จากพละกำลังของพวกคุณ จะทำลายตระกูลลัดดาวัลย์มันก็แค่เรื่องง่ายๆ ผมรับรองว่าหลังจากจบเรื่องนี้ ผมจะตอบแทนทั้งหกท่านอย่างเต็มที่ ให้ทุกคนกลับไปอย่างอิ่มหนำสำราญ” พลชยิ้มแล้วพูดออกมา
ขณะที่พลชกับวรยศกำลังพูดเยินยอ มีใครบางคนเดินเข้ามาในห้องประชุม
พลชกับวรยศตาเป็นประกาย วรยศรีบถามขึ้นว่า “ที่หอการค้าสมน.มีข่าวอะไรแล้วใช่ไหม”
คนนั้นมีสีหน้าลำบากใจ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าหอการค้าสมน. ยืมเงินมาจากไหน เขาใช้เงินห้าหมื่นล้านทดแทนส่วนที่เสียไปได้แล้วครับ ตอนนี้การเงินของหอการค้าเป็นปกติแล้วครับ สิ่งที่เราพยายามมาทั้งหมด มันเสียแรงเปล่า ถ้าอยากบีบบังคับให้หอการค้าสมน. เป็นเหมือนก่อน เราจะต้องเสียเงินเยอะมากกว่าเดิมครับ”
“อะไรนะ!” พลชกับวรยศอุทานออกมา คิดไม่ถึงว่าพวกเขาใช้วิธีการหลายอย่างเล่นงานหอการค้าสมน. แต่ฝ่ายนั้นกลับรับมือได้
“พวกมันไปยืมเงินมาจากไหน” พลชถามขึ้น
“ผมไม่รู้ แต่ได้ยินมาว่าวันนี้คุณหนูของหอการค้าสมน.ไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์” ชายคนนั้นตอบ
พลชหรี่ตาลง แล้วพึมพำว่า “ดูเหมือนว่ามันจะยืมเงินมาจากตระกูลลัดดาวัลย คิดไม่ถึงว่าจนกระทั่งตอนนี้ ตระกูลนั้นยังมีเงินห้าหมื่นล้าน แต่น่าจะเป็นเงินก้อนสุดท้ายของพวกมันแล้ว”
“นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี ตระกูลนั้นไม่สนตัวเอง แล้วเอาเงินทั้งหมดให้หอการค้าสมน. ยืม งั้นงานคืนพรุ่งนี้ก็จะสามารถบีบบังคับตระกูลลัดดาวัลย์ได้ง่ายขึ้นอีก” วรยศยิ้มแล้วพูดขึ้น
พลชพยักหน้า แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าครั้งนี้ตระกูลลัดดาวัลย์จะทุบหม้อข้าวตัวเอง ถึงจะเอาเงินให้หอการค้าสมน. มันอาจจะไม่แบ่งให้เรา แต่สิ่งที่มีราคาที่สุดคือพวกอุตสาหกรรมของตระกูลลัดดาวัลย์ เราไม่ต้องไปสนใจส่วนแบ่งน้อยๆ แบบนั้นหรอก”
“นายใหญ่ คนของเราส่งการ์ดเชิญไปให้ตระกูลลัดดาวัลย์ ฝั่งนั้นปิดประตูไม่ยอมรับการ์ดของเรา พรุ่งนี้พวกนั้นอาจจะไม่มาที่งาน” ชายคนนั้นพูด
วรยศหรี่ตาลง “พวกมันเป็นตัวหลักของงานในวันพรุ่งนี้ จะไม่มาได้ยังไงล่ะ”
ขณะนั้น จณัตว์ ก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ง่ายมาก พรุ่งนี้ผมจะส่งคนของผมไปที่ตระกูลลัดดาวัลย์ ถ้าพรุ่งนี้พวกมันไม่ไปที่งาน นายหญิงของบ้านมันก็ไม่ต้องคิดเรื่องคลอดลูกแล้ว”
พลชกับวรยศมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง รบกวนพวกท่านด้วย”
ช่วงค่ำภายในห้องประชุมของคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
รพีพงษ์นั่งตรงหัวโต๊ะ ท่านคทา เธียรวิชญ์ ธฤตญาณ ไตรทศและคนอื่นๆ มองรพีพงษ์อย่างตื้นตัน ราวกับเห็นสัตว์หายากอย่างไรอย่างนั้น
รพีพงษ์ถูกมองจนทำตัวไม่ถูก เขายิ้มแล้วพูดว่า “พวกนายอย่าจ้องฉันแบบนั้น พวกนายไม่เคยเห็นฉันเหรอ”
“เคยเห็นน่ะเคยเห็น แต่ครึ่งปีมานี้ พวกเรานึกว่าพี่ตายไปแล้ว จู่ๆ พี่ก็โผล่มา พวกเรารู้สึกว่ามันประหลาดมาก” ธฤตญาณพูดติดตลก
ทุกคนพากันพยักหน้า พวกเขาอยากรู้ว่าครึ่งปีที่ผ่านมา รพีพงษ์เจอกับอะไรมาบ้าง
“พี่รพี รีบเล่ามาเลยว่าครึ่งปีมานี้ พี่ไปเจออะไรมาบ้าง พวกเราสงสัยจะตายแล้ว” ไตรทศเอ่ยขึ้น
รพีพงษ์เล่าให้พวกเขาฟังแบบคร่าวๆ ว่าตัวเองถูกฝนสุดาช่วยเอาไว้ และไม่ได้พูดเรื่องสำคัญบางเรื่อง เพราะมันไม่จำเป็นต้องเล่าในตอนนี้ รวมถึงเรื่องที่เขากลับไปหาอาจารย์ด้วย
สำหรับรพีพงษ์แล้ว อาจารย์ยังคงเป็นความลับอย่างหนึ่ง
ถึงแม้มันจะเป็นการเล่าแบบคร่าวๆ แต่ทุกคนก็ฟังอย่างสนใจ และอุทานออกมาว่ารพีพงษ์เป็นคนที่โชคดีจริงๆ
“เหมือนที่คำโบราณกล่าวว่า ถ้ามีชีวิตรอดหลังจากที่พบความยากลำบาก จะพบโชคดี การที่พี่รพีกลับมาครั้งนี้ สำหรับพวกเราแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดีอย่างใหญ่หลวง ” ไตรทศเอ่ยขึ้น
จู่ๆ ท่านคทาก็ถอนหายใจออกมา แล้วพูดว่า “รพีพงษ์กลับมามันก็เป็นเรื่องดี แต่สองตระกูลนั้นก็ยังบีบบังคับเราจนอยู่ในขั้นวิกฤต ลูกธนูขึ้นสายเต็มเหนี่ยวก็จำเป็นต้องยิงออกไป ตอนนี้เราควรคิดว่าจะผ่านด่านอันยากลำบากนี้ไปยังไง”
บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียด
รพีพงษ์เห็นทุกคนมีท่าทางแบบนั้น เขายิ้มแล้วพูดออกมาว่า “เรื่องนี้พวกนายไม่ต้องเป็นกังวล ฉันจะลงมือจัดการเอง”
“พี่รพี พี่ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์มันเป็นยังไง สองตระกูลนั้นร่วมมือกับกิจการแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในเกียวโตมาบีบบังคับพวกเรา ถึงพี่กลับมา เรื่องนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้” เธียรวิชญ์พูดแล้วถอนหายใจออกมา
“ใช่ สองตระกูลนั้นทำให้คนอื่นไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเราไม่รู้จะทำยังไงกับพวกนั้นแล้ว” ธฤตญาณพูดด้วยสีหน้าหดหู่
คนในห้องต่างพากันถอนหายใจออกมา คิดว่าตอนนี้ตระกูลลัดดาวัลย์ไม่สามารถสู้กับตระกูลนฤวัตปกรณ์และตระกูลวรโชติธีรธรรมได้
“อย่าคิดในแง่ร้ายแบบนั้นสิ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะสองตระกูลนั้นไม่ใช่เหรอ” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างพากันพยักหน้า
“งั้นฉันก็ฆ่าคนในสองตระกูลนั่นให้หมด ปัญหาก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ”