พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 69
บทที่ 69 นายไม่ควรหาเรื่องเขา
รพีพงษ์หรี่ตาลง สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือการที่โดยคน หลอก หมาป่าดำคือคนที่อยู่ในแบล็กลิสต์ของเขาอย่างไม่ ต้องสงสัย
“แกกล้าหลอกฉันเหรอ” รพีพงษ์น้ำเสียงเย็นยะเยือก
หมาป่าด่าหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วพูดว่า “หลอกแก แล้วยังไง พี่ของฉันกับลูกน้องอยู่ใกล้ที่นี่ ไม่กี่นาทีก็จะมา ถึงที่นี่ รอให้เขามาก่อน แกคิดว่าฉันจะกลัวแกหรือไง่”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็รอให้พี่ชายอะไรนั่นของแกมา ก่อนแล้วค่อยจัดการแก” รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ถ้าจะถอนหญ้าก็ต้องถอนให้ถึงรากถึงโคน ในเมื่อหมาป่า ดำมีคนหนุนหลังอยู่ งั้นเขาก็รอดูว่ามันเป็นใครกันแน่ ถึงมี ความคิดไม่ดีกับอารียา
ไม่ว่าใครที่กล้าคิดไม่ดีกับอารียา สุดท้ายมันต้องมีจุดจบ ที่ไม่ดีแน่นอน
หมาป่าดำแสยะยิ้มเยือกเย็น เขาคิดในใจว่ารพีพงษ์ช่าง อวดเก่งจริงๆ ยังกล้าเจอหน้าพี่ใหญ่ของเขา เขาคิดว่าไม่ ต่างอะไรจากการรอความตาย
“ไอ้หมอนี่ ฉันเตือนแกให้รียถือโอกาสนี้หนีไปซะ เมียแก ก็ทิ้งไว้ให้ฉันเถอะ ไม่งั้นถ้าพี่ใหญ่ของฉันมา แกจะมา เสียใจที่หลังก็ไม่ทันแล้วนะ” หมาป่าดำแสยะยิ้ม
รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร เขามองหมาป่าดำที่นอนอยู่บนพื้น ด้วยสายตาเยือกเย็น
หมาป่าดำเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ยอมไป เขายิ่งได้ใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “แกนี่อวดเก่งจริงๆ อุตส่าห์ให้โอกาส หนีก็ไม่ยอมหนี แกหาเรื่องใส่ตัวเองนะ อย่าว่าฉันไม่เกรงใจ ก็แล้วกัน!” ผ่านไปไม่นาน มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากไม่ไกล หมาป่า
ดำรีบลุกขึ้นมาจากพื้นแล้วมองคนพวกนั้นด้วยสีหน้าตื่น
เต้น
“พี่พัชรพล ในที่สุดพวกพี่ก็มาแล้ว ไอ้หมอนี่ไม่รู้กินยา อะไรมา บ้าคลั่งไม่หยุด ไม่งั้นผมคงไม่เรียกพี่มาหรอก”, หมาป่าดำพูดด้วยความนอบน้อม
พัชรพลเหลือบมองหมาป่าดำแล้วเบะปาก “ไร้ประโยชน์ จริงๆ ใครเป็นคนทำแก เดี๋ยวฉันจัดการให้”
หมาป่าดำรีบชี้ไปยังรพีพงษ์แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเกลียด ชัง “พี่พัชรพล ไอ้หมอนี่ไงที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ มันคือ ไอ้สวะที่รู้จักกันทั่วเมืองริเวอร์ ถ้าพี่จะจัดการมันคงไม่ต้อง เปลืองแรงมากหรอก!”
หลังจากพูดจบหมาป่าดำก็มองไปยังรพีพงษ์แล้วพูดด้วย น้ำเสียงเย็นยะเยือก “แกพี่ใหญ่ของฉันมาแล้ว แกรีบคุกเข่า ร้องขอชีวิต สิ เผื่อฉันจะขอร้องพี่ให้ไว้ชีวิตแก ไม่งั้นวันนี้แก ก็ไม่ต้องออกไปจากที่นี่!”
หลังจากที่รพีพงษ์เห็นว่าหัวหน้าของกลุ่มคนพวกนี้คือ พัชรพล ก็อึ้งไปในทันที จากนั้นสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็น พัชรพลมองไปตามทางที่หมาป่าดำชี้ไป หลังจากที่
ร้ายกาจ
สายตาของเขาไปหยุดลงที่รพีพงษ์ ใจของเขาก็กระตุกวูบ เขาหันหน้าไปมองหมาป่าดำ ไม่รู้ว่าไอ้สมองมีปัญหาคนนี้ ไปหาเรื่องรพีพงษ์ได้อย่างไร
“พะ พี่รพี เป็นพี่จริงๆ เหรอเนี่ย ทำไมมันบังเอิญขนาดนี้” พัชรพลพูดกับรพีพงษ์อย่างกระอักกระอ่วน
สีหน้าของหมาป่าดำเต็มไปด้วยความมึนงง เขาหันหน้า ไปหาพัชรพลแล้วพูดขึ้นว่า “พี่พัชรพล ทำไมถึงเรียกไอ้ สวะนี่ว่าพี่ล่ะ มันคือไอ้สวะรพีพงษ์ที่รู้กันทั่วเมืองริเวอร์นะ พี่ คงไม่ได้จำคนผิดใช่ไหม”
พัชรพลหันหน้ามาจ้องหมาป่าดำ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขา ตบหน้าหมาป่าดำจนกลิ้งลงไปบนพื้น “ฉันว่าแกนั่นแหละที่เป็นไอ้สวะ แม้แต่พี่รพีแกยังกล้าหา
เรื่องเขา แกไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง”
หมาป่าดำเอามือกุมหน้าของตัวเอง เขาจ้องพัชรพลด้วย สีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ เขาให้พัชรพลมาจัดการรพีพงษ์ คิดไม่ถึงว่าพัชรพลจะช่วยรพีพงษ์
“พี่พัชรพล พี่เป็นอะไรไป ไอ้หมอนั่นมันเป็นสวะแห่งเมือง ริเวอร์ พี่จะกลัวมันทำไม ฝีมือระดับพี่แค่มือเดียวก็จัดการ มันได้แล้ว” หมาป่าดำพูดอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าแกยังพูดว่าไอ้สวะอีก ฉันจะเย็บปากแกเดี่ยวนี้!” พัชรพลตบลงไปบนหน้าของหมาป่าดำโดยไม่มีความ ลังเลอีกครั้ง
“พี่พัชรพล พี่ตบผมทำไม ผมเป็นน้องพี่นะ!” หมาป่าดำ กุมใบหน้าของตัวเอง เขาเกือบจะร้องไห้ออกมา
“ใครเป็นพี่แก ฉันไม่มีน้องอวดเก่งแบบแก อย่ามา พยายามตีสนิทกับฉัน!”
พัชรพลรีบสลัดความสัมพันธ์ของตัวเองกับหมาป่าดำ เพราะกลัวว่ารพีพงษ์จะต่อว่าตัวเอง
สีหน้าของหมาป่าดำเต็มไปด้วยความมีนงง เขาคิดในใจ ว่ารพีพงษ์เป็นแค่ไอ้สวะ ทำไมถึงทำให้พัชรพลกลัวได้ ขนาดนี้ หนำซ้ำยังกล้าปฏิเสธความสัมพันธ์ของตัวเองกับ เขาอีกด้วย
หรือว่ารพีพงษ์จะไม่ใช่คนแบบที่เขาจินตนาการเอาไว้งั้น เหรอ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของหมาป่าดำก็เบิกกว้าง คิดถึง เรื่องที่รพีพงษ์จัดการเขากับลูกน้องโดยไม่ต้องใช้แรงมาก คนแบบนี้จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าตัวเองเมา แต่ทว่าครั้งนี้เขาไม่ได้ดื่ม เหล้าแม้แต่น้อย นี่มันก็พิสูจน์ได้ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่ไอ้สวะ อย่างที่เขาเข้าใจ
คนคนนี้ต้องเป็นคนที่มีอำนาจแน่นอน!
แต่ทว่ามาคิดเสียใจในตอนนี้ก็คงไม่ทันเสียแล้ว
รพีพงษ์เดินเข้าไปหาพัชรพล พัชรพลรีบโค้งให้เขา “พี่ รพี ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่ไอ้คนอวดเก่งนี้จะจัดการคือพี่ ถ้า ผมรู้ผมจะจัดการมันเป็นคนแรกเลย”
“พวกนายเป็นอะไรกับมัน” รพีพงษ์เอ่ยถาม
“หมาป่าดำเคยเป็นลูกน้องของพี่ไตรทศ หลังจากมันนั้นก็ ออกมาทำงานเอง พี่ไตรทศยังคงไปมาหาสู่กับมัน มีเรื่อง อะไรก็ช่วยเหลือกันตลอด แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้มันจะ จัดการกับพี่” พัชรพลรีบพูดอธิบาย
รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็หันไปมองหมาป่าดำ
หมาป่าดำเริ่มรู้ตัว เขารีบคลานเข้ามาหารพิพงษ์ พูด ร้องขอชีวิตด้วยสีหน้าเจ็บปวด “พี่มีอำนาจมากมาย ไว้ชีวิตผมสักครั้งเถอะ ผมมีตาหามีแววไม่ที่กล้าล่วงเกินพี่ ต่อจาก นี้ผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว”
“เมียของฉันล่ะ” รพีพงษ์เอ่ยถาม
หมาป่าดำนึกถึงอารียาขึ้นมาได้ เขารีบหยิบมือถือออกมา กดโทรออก ไม่นานก็มีคนสองคนพาอารียาที่ไม่ได้สติเข้า มาในซอย
รพีพงษ์เห็นว่าอารียาแค่สลบเท่านั้น เขาถอนหายใจออก มาแล้วรีบเข้าไปอุ้มเธอมา
“ผมไม่ได้แตะต้องตัวเธอแม้แต่นิดเดียว พี่ไว้ชีวิตผมสัก ครั้งเถอะ ผมไม่กล้าทำอีกต่อไปแล้ว” หมาป่าดำพูดขอชีวิต
รพีพงษ์ส่งเสียงหีในลำคอแล้วพูดขึ้นมาว่า “ตั้งแต่ไหนแต่ ไรฉันไม่เคยเชื่อคำขอโทษ ในเมื่อแกทำขนาดนี้ แกก็ต้อง รับผลจากการกระทำของแก”
สีหน้าของหมาป่าดำเปลี่ยนไปในทันที เขารู้ว่ารพีพงษ์คง ไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
“พะ พี่งั้นพี่ลงมือเบาๆ หน่อยได้ไหม ต่อจากนี้ผมจะเป็น คนใหม่” หมาป่าดำ คิดว่ารพีพงษ์คงจะต่อยเขาสักยก
รพีพงษ์เบะปากแล้วพูดขึ้นมาว่า “แกไม่มีโอกาสเป็นคน
อีกแล้ว”
พูดจบรพีพงษ์ก็เดินออกมาจากซอย
พัชรพลรีบเอ่ยปากถาม “พี่รพี พี่หมายความว่าไง”
“จัดการมันซะ ฉันไม่อยากเห็นมันในเมืองริเวอร์อีก” รพี
พงษ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ครับ!” พัชรพลรับคำสั่ง
สีหน้าของหมาป่าดำเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาเอ่ย ปากถาม “พะ พวกแกจะทำอะไร”
พัชรพลเหลือบมองหมาป่าดำอย่างเหลืออด เขาส่ายหน้า แล้วพูดว่า “แกไม่ควรไปหาเรื่องเขา”
พูดจบ เสียงร้องอันน่าสังเวชดังสนั่นขึ้นมาจากในซอย
รพีพงษ์พาอารียาไปยังร้านกาแฟใกล้ๆ เธอโดนคนของ หมาป่าดำใช้ยาสลบใส่เธอ รอให้ฤทธิ์ยาหมด ก็จะฟื้นขึ้น
มา
หลังจากเกือบครึ่งชั่วโมง อารียาลืมตาอย่างสะลึมสะลือ เธอมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้ามึนงงเมื่อเห็นว่ารพีพงษ์นั่งอยู่ ข้างๆ เธอก็ถามขึ้น “ฉันเป็นอะไรไปเหรอ”
เธอจำได้เพียงว่าตัวเองเดินออกมาจากบริษัทเพื่อที่จะไป
หารพีพงษ์ที่ภัตตาคาร แต่ว่าเดินไปได้ไม่นานเธอก็ไม่มีสติ
แล้ว เธอจะไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณเป็นลมระหว่างทางที่จะมาหาผม น่าจะเพราะน้ำตาล ในเลือดต่ำนะ” รพีพงษ์พูดอธิบาย
อารียานวดขมับของตัวเองแล้วพูดพึมพำว่า “น่าจะเพราะ ช่วงนี้งานยุ่งมั้ง”
“แต่ว่า นายไม่ได้รอฉันอยู่ที่ภัตตาคารเหรอ รู้ได้ยังไงว่า ฉันเป็นลม” อารียามองรพีพงษ์ด้วยความสงสัย “ยัยที่ม ผมก็เป็นห่วงคุณไง เห็นว่าคุณยังไม่มาสักที ผม
เลยมาหาคุณที่บริษัทยังดีที่ผมเจอคุณ ไม่งั้นอาจจะเป็น
เรื่องใหญ่ก็ได้ จากนี้ต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี อย่า
หักโหมเกินไป” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดขึ้น
จู่อารียาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจ คนในบ้าน ฉัตรมงคลไม่เคยสนใจเรื่องสุขภาพของเธอแบบนี้เลย พ่อ กับแม่ก็คิดแต่เรื่องเงิน คนที่ใส่ใจเธอจริงๆ ก็คงจะมีแต่รพี
พงษ์เท่านั้น
“ขอบคุณนะ” อารียาพูด
“แค่คำขอบคุณเองเหรอ” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูด
อารียาอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมาว่า “งั้น นาย จะเอายังไง”
“หรือว่าคุณจะมอบหัวใจให้กับผม?”
“ไสหัวไปเลยนะ!”
คืนวันเดียวกัน ไตรทศโทรหารพีพงษ์ แล้วบอกให้เขาลง
มาข้างล่าง
รพีพงษ์ลงมาด้านล่างตึก เขามาถึงในซอยที่อยู่ข้างตึก ซึ่งไตรทศกับธฤตญาณมาคอยอยู่ที่นี่แล้ว
เมื่อเห็นรพีพงษ์ ไตรทศก็ไม่รอช้า เขาคุกเข่าลงแล้วพูด ด้วยสีหน้าเศร้าสลด “พี่รพี ผมขอโทษ ผมเป็นคนให้พัชร พลไปช่วยหมาป่าดำ แต่ผมไม่รู้ว่าคนที่มันจะจัดการคือ พี่ พี่ ลงโทษผมเถอะ”
รพีพงษ์เห็นไตรทศเป็นเช่นนี้ เขาก็หัวเราะออกมา “ลุกขึ้น
เถอะ นายไม่รู้เรื่องนี้ ฉันไม่โทษนายหรอก” “จริงเหรอครับพี่ พี่ไม่โทษผมจริงๆ เหรอ” ไตรทศเบิก
ตาโตแล้วถามขึ้น
รพีพงษ์พยักหน้า
ไตรทศลุกขึ้นมาจากพื้น เขายิ้มแล้วพูดว่า “ขอบคุณพี่ที่ ไม่ตัดความสัมพันธ์ของเรา ฝากขอโทษพี่สะใภ้แทนผม ด้วย”
รพีพงษ์กลอกตามองบน จากนั้นก็หันไปหาธฤตญาณ แล้วถามขึ้นมาว่า “ปรับตัวกับที่นี่ได้แล้วใช่ไหม”
ธฤตญาณยิ้มแล้วพูดว่า “รากฐานที่พี่กับไตรทศวางไว้ ผมอยู่ที่นี่ได้อย่างราบรื่น พี่ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย”
“พี่รพี อย่าไปฟังเขาโม้เลย ทักษะการเป็นผู้นำของไอ้ หมอนี่ทำให้คนตะลึงจริงๆ แต่ว่าช่วงนี้แค่หัวโจกในกาสิโน ใต้ดินเพียงคนเดียวเขายังกำราบไม่ได้เลย” ไตรทศพูด แทรกขึ้นมา
ธฤตญาณจ้องไตรทศแล้วพูดขึ้นมาว่า “นายไม่พูดก็ไม่มี ใครหาว่านายเป็นใบ้นะ”
รพีพงษ์มีสีหน้าประหลาดใจ ตามหลักแล้วความสามารถ อย่างธฤตญาณแค่หัวโจกในกาสิโนใต้ดินเพียงคนเดียวคง ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของเขา
“เกิดอะไรขึ้น ถ้ากาสิโนใต้ดินเป็นอุปสรรคกับนาย ก็ให้ ไตรทศพาคนไปกราบก็ได้นิ” รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ หัวโจกคนนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรค กับพวกเรา แต่ผมอยากใช้ประโยชน์จากหัวโจกคนนี้ แต่ ว่า…
“แต่ว่าอะไร” รพีพงษ์มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “แต่ว่าหัวโจกคนนี้นิสัยแปลกประหลาด ผมออกเงินไป เท่าไรเขาก็ไม่ยอมทำ นอกจากผมจะพนันกับเขา ถ้าผม ชนะ เขาถึงจะยอมตอบตกลง แต่ผมกับไตรทศเรียกได้ว่า ไม่รู้เรื่องการพนันเลย ดังนั้นเลยยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้เสียที”