พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 70
บทที่ 70 ถ้าแพ้ก็จะล้มละลายแล้ว
เมื่อได้ยินสิ่งที่ธฤตญาณพูด รพีพงษ์ก็หัวเราะออกมา “เรื่องนี้ง่ายมาก ครั้งหน้าถ้านายไปที่กาสิโนนั่นอีกก็เรียก ฉันไปด้วย ฉันจะช่วยให้นายชนะเขา”
ธฤตญาณกับไตรทศเบิกตาโต พวกเขาดูไม่ค่อยเชื่อสัก เท่าไรนัก “พี่รพี แม้ว่ากาสิโนนั่นจะไม่ใหญ่ แต่ว่าหัวโจกของพวก
มันเรียกได้ว่าเป็นเซียนพนันเลยนะครับ ผมไปกับพี่ธฤต มาสองครั้ง เห็นความสามารถของมันมาแล้ว คนในเมืองริ เวอร์ที่พนันชนะเขามีแค่ไม่กี่คนเท่านั้น พี่กับพวกเราก็ไม่ใช่ ว่าจะชนะเสมอไป” ไตรทศพูด
“ใช่ ทักษะการพนันของคนคนนั้นถือว่าสูงและฉลาดมาก แถมทักษะการคิดเลขในใจของเขานั้นน่ากลัวมาก ผมชอบ ทักษะของเขา จึงอยากใช้ความสามารถของเขา ภายภาค หน้าเมื่อคาสิโนใต้ดินได้รับการรวมเป็นหนึ่งเดียว ทรัพย์สิน เป็นสิ่งที่สำคัญและต้องการคนแบบนี้มาจัดการ” ธฤต ญาณพูด
รพีพงษ์มองทั้งสองคนอย่างพูดอะไรไม่ออก “พูดตรงๆ แบบไม่ปิดบังเลยนะ ทักษะการพนันของฉันก็ไม่น่าจะแย่ กว่าคนๆ นั้นเสมอไปนิ
สีหน้าของไตรทศและธฤตญาณเต็มไปด้วยความสงสัย พวกเขารู้ดีว่ารพี่พงษ์เป็นคนเก่ง แต่ว่าคนคนหนึ่งจะเก่งไป เสียทุกอย่างก็ไม่น่าจะใช่ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ารพีพงษ์ กำลังคุยโอ้อวด
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่เชื่อตัวเอง รพีพงษ์ก็คร้านจะอธิบาย จึงพูดตรงๆ ออกไปว่า “ครั้งหน้าถ้าจะไปที่นั่นอีก เรียกฉันไปด้วย ฉันจะเปิดหูเปิดตาพวกนายเอง”
ทั้งสองคนพยักหน้า จากนั้นก็ออกจากที่นี่
เช้าวันต่อมา เจตนิพัทธ์ไปร้านคาราโอเกะเพียงคนเดียว เขาคุยกับหมาป่าดำไว้แล้วว่าวันนี้ตอนเช้าจะมาเอาตัวของ อารียา
เมื่อวานตอนค่ำเขาโทรหาหมาป่าดำหลายสาย แต่ หมาป่าดำไม่รับสาย ทำให้เขาคิดว่าหมาป่าดำกำลังเข้า ด้ายเข้าเข็มกับอารียาเลยไม่มีเวลามาสนใจเขา
แม้จะคิดถึงภาพที่อารียาอยู่ใต้ร่างหมาป่าดำก็รู้สึก หงุดหงิด แต่ว่าหลังจากนี้อารียาก็จะเป็นของเขา เขาก็ไม่ สนใจอะไรแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เมื่อเขาเข้ามาในร้าน คาราโอเกะ กลับไม่เห็นหมาป่าดำ
เขาไปหาผู้จัดการร้านคาราโอเกะ แล้วซักถามเรื่องราว จากนั้นเขาก็ตาเบิกกว้างขึ้นมาทันที
“ว่าไงนะ! เมื่อวานหมาป่าดำถูกทำให้หายไปงั้นเหรอ” เจตนิพัทธ์พูดด้วยความตกใจ
“เบาๆ หน่อยสิ เรื่องนี้พูดได้งั้นเหรอ” ผู้จัดการจ้องเขา
เขม็ง
“ใครเป็นคนทำ” เจตนิพัทธ์ถามขึ้น
“เรื่องนี้นายไม่ต้องถามแล้ว อีกอย่างตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ในเมืองริเวอร์ไม่มีคนชื่อหมาป่าดำอีกต่อไปแล้ว” ผู้จัดการ พูดจบก็ไม่สนใจเจตนิพัทธ์อีก
เจตนิพัทธ์กลืนน้ำลายลงคอ เขาคิดในใจว่ารพีพงษ์กับอารียายังโชคดี เดิมทีเรื่องมันจะสำเร็จแล้วแท้ๆ คิดไม่ถึง จริงๆ ว่าหมาป่าดำจะโชคร้าย
เขาไม่คิดว่าหมาป่าดำจะโดนรพีพงษ์ท่ำร้าย แต่คิดว่า เป็นศัตรูคนอื่นของหมาป่าดำ
“ให้ตายเถอะ รพีพงษ์มันโชคดีอะไรนัก คงจะต้องปล่อย มันไปก่อน ช่วงนี้ที่บริษัทมีโครงการที่ต้องสะสางให้ เรียบร้อย แล้วค่อยมาจัดการกับมันทีหลัง”
เจตนิพัทธ์ไม่ได้คิดอะไรมากมาย และไม่สนจุดจบของ หมาป่าดำอีกด้วย หนำซ้ำเขากับหมาป่าดำก็ไม่ได้มีสัมพันธ์ อะไรกัน ก็แค่ร่วมมือกันแบบกะทันหันเท่านั้นเอง
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อวานถ้าหมาป่าดำไม่มีโอกาสให้เขา ออกมา จุดจบของเขาก็คงไม่ต่างกับหมาป่าดำ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ธฤตญาณส่งข้อความมาหารพีพงษ์ ว่า “คืนนี้จะไปกาสิโน จะลองเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังไม่ สำเร็จ ผมจะไม่สนกับเขาอีก”
หลังจากที่รพีพงษ์ได้รับข้อความ ก็มองอารียาที่อยู่ข้างๆ ทันที เขาถามอย่างระแวดระวัง “เอ่อ คืนนี้ผมจะไปธุระกับ เพื่อน อาจจะกลับค่ำสักหน่อย คุณให้ไปไหม”
อารียาอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “นายมีธุระ อะไรก็ไปทำสิ ทำไมต้องถามฉันล่ะ”
“คุณเป็นภรรยาผมนิ แน่นอนว่าต้องขออนุญาตคุณก่อน” รพีพงษ์พูดขึ้น
“นายไปเถอะ” อารียาตอบ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าไม่
ค่อยดี
เมื่อก่อนเธอกับรพีพงษ์ไม่กาวก่ายเรื่องของกันและกัน รพิพงษ์จะทำอะไร เธอก็ไม่เคยถามอะไรมากมาย
แต่ว่าครั้งนี้ จู่ๆ เธอก็อยากรู้ว่ารพีพงษ์จะไปทาอะไร ไป ธุระกับเพื่อนตอนค่ำงั้นเหรอ รพีพงษ์ไม่ได้ทำงานอะไร จะมี ธุระได้อย่างไรกัน
เขาคงไม่ได้จะไปในที่แบบนั้นใช่ไหม ทันใดนั้นอารียาก็มี ความคิดที่ใจกล้าขึ้นมา
ก่อนหน้านี้เธอเคยได้ยินบุษบากรพูดว่าผู้ชายทั่วไปเมื่อ พูดว่าจะออกไปข้างนอก แล้วไม่บอกว่าจะไปทำอะไร มี ความเป็นไปได้สูงว่าจะไปหาอะไรเจริญหูเจริญตา
หรือรพีพงษ์จะออกไปหาอะไรเจริญหูเจริญตา ทันใดนั้น อารียาก็ตระหนักได้ว่าเธอกับรพีพงษ์ก็แต่งงานกันมาสอง สามปีแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยให้เขาแตะต้องตัวเธอเลย
ไม่ว่าอย่างไรรพีพงษ์ก็เป็นผู้ชาย การที่เธอไม่ให้เขาแตะ ต้องตัว เขาก็ต้องไปหาที่ระบาย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ อารียาก็ยิ่งรู้สึกว่าคืนนี้รพีพงษ์จะไปในที่ แบบนั้น
เธอกัดปากตัวเอง แล้วก็กำมือทั้งสองข้างแน่น ดูแล้ว
เหมือนจะโกรธ
แต่ว่าจะโทษเขาก็ไม่ได้ อีกอย่างเธอเองที่ไม่ยอมให้เขา แตะต้องตัว แต่ทำไมเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอถึงรู้สึกลำบากใจ กันนะ
“ต่อจากนี้ถ้านายอยากไปก็ไปเถอะ ฉันจะไม่ก้าวก่าย เรื่องของนาย” จู่ๆ อารียาก็พูดขึ้นมา เธอลุกขึ้นมาด้วย สีหน้าน้อยใจ หลังจากนั้นก็เดินกลับห้องไป
รพีพงษ์มีสีหน้ามึนงง ไม่รู้ว่าอารียาเป็นอะไรไป เมื่อครู่ยัง
ดีอยู่เลย ทำไมจู่ๆ ก็ทำเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่างไรอย่างนั้น
เขาไม่ได้คิดอะไรมากมาย เข้าใจว่าอารียาคิดถึงเรื่องที่ ทำให้ไม่สบายใจ
ช่วงค่ำเวลาสองทุ่ม รพีพงษ์ออกมาจากบ้าน ตอนที่ออก จากบ้านอารียายังออกมาหาเขา มันทำให้เขาประหลาดใจ มาก
ไตรทศและธฤตญาณมารอเขาอยู่ใกล้ๆ กาสิโน เมื่อเขา ออกมาจากบ้านก็รีบเรียกแท็กซี่ทันที
ไม่นาน เขาก็มาถึงที่หมาย ไตรทศและธฤตญาณเดินมา หาเขา ทั้งสามคนเดินไปยังร้านวิดีโอเกมที่อยู่ใกล้ๆ เมื่อเข้ามาข้างในร้าน ไตรทศพาทั้งสองคนขึ้นไปบนชั้น สองของตึก มีคนยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูหน้าบันได เดิมที่เขา
กะจะกันทั้งสามคนเอาไว้ แต่เมื่อเห็นว่าไตรทศเป็นคนพา
พวกเขามา ก็ตกใจจนรีบหลีกทางให้ทันที
กาสิโนใต้ดินที่ธฤตญาณพูดถึงอยู่ที่ชั้นสองของร้าน วิดีโอเกมแห่งนี้ คนทั่วไปที่อยากเข้าไปจำเป็นต้องให้คนที่ รู้จักพาเข้าไป แต่คนที่มีชื่อเสียงอย่างไตรทศก็ไม่จำเป็น
อีกอย่างใครๆ ก็รู้ว่าขอแค่ไตรทศคิด เขาก็สามารถ ทำลายที่นี่ได้ทุกเวลา
พื้นที่บนชั้นสองถือว่าไม่ใหญ่มาก เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ มี อย่างครบครัน ทุกคนต่างพากันรุมล้อมอยู่ที่นี่ ในมือก็ถือ กองชิปกาสิโน พูดโหวกเหวกโวยวาย ดูๆ ไปแล้วมันช่าง คึกคักเหลือเกิน
ไตรทศเดินไปยังจุดแลกชิป แล้วพูดกับคนที่อยู่ข้างใน”ผมอยากเจอเจ้านายของพวกคุณ ให้เขาออกมาหน่อย” คนที่อยู่ข้างในมองพวกเขาทั้งสามคนแล้วพูดว่า “ขอโทษ ด้วย วันนี้เจ้านายของพวกเราไม่พบแขก”
“บอกว่าไตรทศมาหาเขา” ไตรทศจ้องเขาแล้วพูดออกมา ราวกับจะทุบทำลายที่นี่ได้ตลอดเวลาอย่างไรอย่างนั้น คนคนนั้นตกใจกลัว แล้วรีบเข้าไปข้างในทันที
ไม่นาน คนนั้นก็เดินออกมา เขามองทั้งสามคนอย่างระ แวดระวัง “เจ้านายของเราบอกว่า ก่อนหน้านี้พวกคุณสอง คนเข้าพบเขาแบบฟรีๆ มาสองครั้งแล้ว ครั้งนี้ถ้าอยากจะ พบเขาต้องจ่ายค่าเข้าพบห้าแสน ไม่งั้นก็ชนะการพนันใน กาสิโนของเราห้าแสน ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้านายของเราก็จะ ไม่พบพวกคุณ”
“อะไรนะ!” ไตรทศเบิกตาโต เขาเข้าไปบีบคอคนๆ นั้น ทันที
“พะ พี่ ถึงพี่ลงมือ เจ้านายของเราก็ไม่ออกมาเจอพี่หรอก นี่คือชิปหนึ่งหมื่น ขอแค่พวกคุณใช้ชิปนี้ชนะพนันห้าแสน เจ้านายของเราก็จะออกมา” เขาพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว
รพีพงษ์ส่งสายตาให้ไตรทศเพื่อเป็นสัญญาณให้เขา ปล่อยมือ ไตรทศปล่อยมือ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความ ไม่พอใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ทำตามระเบียบที่เจ้านายเขาว่าไว้ ใช้ ชิปพวกนี้หาเงินให้ได้ห้าแสน” รพีพงษ์ยิ้มแล้วพูดออกมา “พี่รพี พี่บ้าไปแล้วเหรอ หมื่นเดียวจะชนะห้าแสนได้ยังไง มันยากเกินไป ไม่แน่พวกเราอาจจะแพ้หมิ่นนี่ก็ได้” ไตรทศ
พูด
“ใช่ ถึงพวกเราสามคนจะชนะได้ห้าแสน ก็คงจะผ่านพ้น คืนนี้ไปแล้ว” ธฤตญาณพูด
รพีพงษ์เหลือบมองทั้งสองคนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว พวกเราแยกกันไป มาดูกันว่า สุดท้ายแล้วใครจะชนะได้เยอะที่สุด”
พูดจบ รพีพงษ์ก็หยิบชิปราคาสิบหยวนออกมาหนึ่งอัน จากนั้นก็เดินออกไป
“พี่รพี พี่บ้าไปแล้ว นั่นมันมีค่าแค่สิบหยวน” ไตรทศ ตะโกนพูดออกไป
ธฤตญาณส่ายหัว แล้วพูดว่า “เขาน่าจะดูทีวีมากไป เรา
มาคิดวิธีหาเงินเถอะ เดี๋ยวเขาแพ้เขาก็กลับมาหาพวกเรา” พูดพลางทั้งสองก็ต่างนั่งลงบนโต๊ะ และเริ่มหาเงิน คนเมื่อครู่แสยะยิ้มให้ทั้งสามคนแล้วพูดขึ้นมาว่า “น่า
ตลกสิ้นดี ถ้าพวกนายสามารถใช้หนึ่งหมื่นเพื่อเอาเงินห้า แสนมาได้ งั้นพวกเราก็ไม่ต้องเปิดกาสิโนแล้ว ไร้เดียงสา จริงๆ ที่นี่เป็นกาสิโนของเซียนพนันเชียวนะ”
เขาหมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง แล้วเดินเข้าไปยืนข้างหน้า ผู้ชายร่างใหญ่ จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “เจ้านายครับ พวกมัน เอาชิปหนึ่งหมื่นไปพนันเพื่อหาเงินแล้วครับ”
ชายร่างใหญ่เงยหน้าขึ้น แล้วก็หัวเราะร่วนออกมา “ไตรทศนี่มันโง่จริงๆ ไม่ดูเลยว่าฉันทำอะไร แถมยังคิดเพ้อ เจ้อว่าจะเอาเงินหมื่นชนะเงินห้าแสนงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ”
“เจ้านายพูดถูกครับ ดูจากฝีมือของพวกมัน เดาว่าสิบ นาทีก็น่าจะแพ้แล้วครับ”
“นายบอกว่าพวกมันมากันสามคน คนที่สามคือใคร นายเคยเจอหรือเปล่า” ชายร่างใหญ่เอ่ยปากถาม
“ไม่เคยเจอครับ แต่ดูท่าแล้วเหมือนเด็กหนุ่มที่ไม่รู้เรื่อง
อะไร เจ้านายไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ” เขาตอบ ชายร่างใหญ่พยักหน้า แล้วพูดว่า “นายออกไปจับตาดู มันไว้ อีกไม่นานพวกมันน่าจะแพ้ ฉันขอนอนสักพัก ถ้าไม่มี
อะไรอย่ามารบกวนฉัน”
ชายคนนั้นรีบพยักหน้า แล้วเดินออกมาจากห้อง
ประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ชายคนนั้นวิ่งเข้าไปหา ชายร่างใหญ่ที่อยู่ในห้องด้วยสีหน้าตื่นตระหนก จากนั้นพูด ด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “ลูกพี่ ลูกพี่ครับ แย่แล้ว เกิดเรื่อง ใหญ่แล้ว!”
ชายร่างใหญ่ที่กำลังนอนอยู่ ตกใจตื่นเพราะเสียงของ ชายคนนั้น เขาจ้องชายที่วิ่งเข้ามาตาเขม็ง “ให้ตายเถอะแก เบาเสียงหน่อยได้ไหม โรคหัวใจฉันเกือบจะกำเริบเพราะแก มีเรื่องอะไร ไตรทศแพ้หมดตัวแล้วหรือไง อวดดีอยากมา แตะที่ของฉัน ไปบอกมันว่าถึงแม้มันจะแตะต้องที่ของฉัน ฉันก็ไม่ออกไปเจอมัน”
“ไม่ใช่ครับ คนที่ไตรทศพามาใช้เงินเพียงสิบหยวนทำ เงินห้าแสนมาได้แล้ว ถ้าพี่ไม่ออกไป กาสิโนของเราต้องล้ม ละลายแน่ๆ ครับ!