พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 794 อาจารย์ลงสนามรบ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่ 794 อาจารย์ลงสนามรบ
ตอนที่ 794 อาจารย์ลงสนามรบ
ทันทีที่บดีศวรพูดออกไป ผู้ชมทั้งหมดต่างตกตะลึงอีกครั้ง ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่า บดีศวรจะไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้ กระตุ้นให้คนของห้าตระกูลใหญ่ใช้โอกาสที่รพีพงษ์อ่อนแอรุมสังหารเขา
ในตอนนี้ทุกคนต่างก็เริ่มก่นด่าบดีศวร แต่ทว่าบดีศวรไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว เพื่อฆ่ารพีพงษ์แล้วห้าตระกูลใหญ่ต้องสูญเสียมากมายขนาดนี้ ถ้าหากไม่บรรลุเป้าหมายนี้นั่นถึงจะเป็นความพ่ายแพ้ที่แท้จริงของห้าตระกูลใหญ่
ในเวลานี้คนของห้าตระกูลใหญ่ล้วนแต่เต็มไปด้วยแรงกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของตระกูลยศบวร และตระกูลเมฆมหัส
การตายของนายใหญ่ทำให้พวกเขาไม่สามารถรักษาสติปัญญาและเหตุผลไว้ได้ ตอนนี้พวกเขาไม่สนใจ หรอกว่าทำเช่นนี้แล้วมันจะถูกต้องตามหลักจริยธรรมหรือไม่ พวกเขาเพียงแค่ต้องการฆ่ารพีพงษ์
“ไอ้รพีพงษ์คนนี้สมควรตาย มันฆ่านายใหญ่ของพวกเรา วันนี้มันจะต้องตาย!”
สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลยศบวรลุกขึ้น หลังจากร้องตะโกนคร่ำครวญแล้ว ก็เร่งรีบไปทางเวทีอย่างรวดเร็ว
หลายๆคนของห้าตระกูลใหญ่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ต่างก็เร่งรีบไปทางเวทีอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
“ฆ่ารพีพงษ์ เพื่อแก้แค้นให้นายใหญ่!”
“ฆ่าเขาเลย ต้นตอแห่งหายนะไม่สามารถปล่อยให้อยู่บนโลกได้!”
กลุ่มคนของตระกูลลัดดาวัลย์ที่นั่งอยู่อีกด้านต่างก็ตื่นตระหนกทันทีเมื่อเห็นสถานการณ์นี้
เวทัสและดำเกิงลุกขึ้นมาในทันทีแล้วรีบวิ่งไปทางด้านเวที
ไออ้วนครองภพและคนอื่นๆก็ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ต่างห้อตะบึงตามไปบนเวทีที่เดียวกัน
“ไอ้คนกลุ่มนี้สมควรตาย นี่มันฉวยโอกาสจากคนที่กำลังลำบากชัดๆ หน้าไม่อายจริงๆ!” ไออ้วนตะโกนเสียงดัง
ทุกคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไม่ว่าจะมีกำลังภายในหรือไม่มีก็ตาม ล้วนแต่เร่งรีบไปยังเวทีตรงด้านนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนของห้าตะกูลใหญ่ลงมือกับรพีพงษ์
คนทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างรวดเร็ว สถานที่เกิดเหตุมันค่อนข้างสับสนวุ่นวาย
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของตระกูลลัดดาวัลย์ทางด้านนี้ยังคงอ่อนแอเกินไปเมื่อเทียบกับห้าตระกูลใหญ่ อาศัยเพียงครองภพและเวทัสไม่กี่คน ไม่มีทางต้านทานคนเหล่านี้ของห้าตระกูลใหญ่ได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาห้าตระกูลใหญ่นอกเหนือไปจากนายใหญ่ทั้งห้าแล้ว ยังมีปรมาจารย์ระดับยอดฝีมือคนอื่นๆอีก เมื่อปรมาจารย์ระดับยอดฝีมือได้ลงมือแล้ว ไม่มีทางที่เป็นไปได้ที่ตระกูลลัดดาวัลย์จะต้านทานเอาไว้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆก็ตาม
สีหน้าของทุกคนล้วนกังวลใจ ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับคนของห้าตระกูลใหญ่อย่างไรดี ถ้าหากเป็นอย่างต่อไป ท้ายที่สุดแล้วรพีพงษ์จะต้องถูกคนของห้าตระกูลใหญ่ฆ่าตายอย่างแน่นอน
ในตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นนั่งบนพื้น เขานอนเหยียดอยู่บนเวที เสียงการต่อสู้ดังเข้ามาที่ข้างหูแต่กลับไม่มีความสามารถที่จะทำอะไรได้
เขาได้ยินคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของบดีศวรแล้ว ถึงแม้จะรู้สึกว่าบดีศวรไร้ยางอาย แต่ภายใต้สภาพเช่นนี้ เขาทำอะไรไม่ได้เลย
ตามที่ในคัมภีร์กลยุทธ์กล่าวไว้หลังจากที่เขาเข้าสู่สภาวะอ่อนแรงจำเป็นจะต้องพักฟื้นหลายวันถึงจะกลับมาหายดี ตอนนี้แค่คิดจะปีนขึ้นมาจากพื้นยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หรือว่าวันนี้จะต้องตายด้วยน้ำมือของคนห้าตระกูลใหญ่เหล่านี้จริงๆเหรอ?
คำถามดังกล่าวปรากฏขึ้นในใจของรพีพงษ์ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าสถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมของเขา แต่ในใจของเขายังคงไม่เต็มใจยอมรับ
ในความเข้าใจของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะตายก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนที่ต่ำช้าไร้ยางอายอย่างพวกห้าตระกูลใหญ่เหล่านี้ได้
คนของห้าตระกูลใหญ่ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายปี ท่ามกลางความแข็งแกร่งจำนวนมากนี้ ครองภพและคนอื่นๆก็จะต้านทานต่อไปไม่ไหวในอีกม่นานนี้แล้ว
“ทำยังไงดี เป็นอย่างนี้ต่อไปพวกเราต้านทานคนเหล่านี้ไม่ไหวอย่างแน่นอน” ครองภพตะโกน
ดำเกิงที่อารมณ์ร้อนตะโกนด้วยความโมโหว่า : “ให้ตายเถอะ ถึงแม้วันนี้ฉันจะต้องสู้สุดชีวิตก็จะไม่ยอมให้พวกเขาแตะต้องขนรุ่นพี่แม้แต่เส้นเดียวอย่างแน่นอน!”
“เหอะๆ ได้รู้ว่าสู้สุดชีวิตเพื่อรุ่นพี่ ไม่เลวเลยนะ มีความก้าวหน้า” ในตอนที่ทุกคนล้วนแต่มีสีหน้าสิ้นหวัง เสียงหนึ่งได้ดังขึ้นที่ด้านหลังของพวกเขา
ดำเกิงผงะไปชั่วขณะ ใบหน้าของเวทัสที่อยู่ด้านข้างก็ปรากฏร่องรอยของความประหลาดใจ จากนั้นใบหน้าของสองคนก็แสดงความดีใจอย่างท่วมท้นออกมา
พวกเขาทั้งหมดหันกลับไป เมื่อมองไปทางด้านหลังของตนเองก็เห็นชายชราที่ไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งหมดต่างร้องอุทานออกมา : “อาจารย์!”
วฤนท์ธมมองพวกเขาสองคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ยังไม่ได้ลงมือช่วยพวกเขาสกัดคนของห้าตระกูลใหญ่
เพราะว่าในตอนนี้ได้มีเงาสองร่างพุ่งเข้าไปในกลุ่มคนของห้าตระกูลใหญ่และจัดการพวกเขาอย่างรวดเร็วในคราวเดียว
เวทัสมองที่ไปร่างของทั้งสอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความยินดีแล้วพูดว่า : “คิดไม่ถึงเลยว่าเป็นรุ่นพี่ปวัตรและปวิชทั้งสอง ดูเหมือนว่าวิกฤตในวันนี้จะได้รับการคลี่คลายแล้ว”
ทุกคนล้วนแต่ไม่คิดว่าสถานการณ์ที่สนามในเวลานี้จะสามารถเปลี่ยนไปได้เช่นนี้ ในใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“รุ่นพี่ปวัตรและปวิชทั้งสอง? ทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นมาก่อน?” ดำเกิงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากถาม
“แน่นอนว่านายย่อมไม่เคยเห็นอยู่แล้ว รุ่นพี่ทั้งสองท่านนี้เป็นสองคนในไม่กี่คนแรกที่ติดตามอาจารย์ ตอนนี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาน่าจะบรรลุถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตามการคาดเดาของฉันน่าจะอยู่ในระดับนายใหญ่ของตระกูลใหญ่แล้วและเป็นที่น่าสังเกตคือพวกเขาทั้งสองคนยังเป็นฝาแฝดกันอีกด้วย ในตอนที่ร่วมมือกันต่อสู้จึงทำได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด พลังการต่อสู้ค่อนข้างน่ากลัวเลยทีเดียว” เวทัสอธิบาย
ดำเกิงเบิกตากว้างทันทีคิดไม่ถึงเลยว่าภายใต้ชื่อของอาจารย์จะมีศิษย์ผู้ติดตามที่เก่งกาจขนาดนี้ สิ่งนี้ทำให้เขาที่เป็นศิษย์ที่อาจารย์ภาคภูมิใจที่สุดค่อนข้างที่จะเกิดความละอายใจ
แต่ว่าหลังจากที่ได้ยินเวทัสอธิบาย ใจของดำเกิงที่เดิมทีแขวนอยู่ในตอนแรกก็ปล่อยวางลง หลังจากที่รู้ว่าอาจารย์มากับศิษย์ทั้งสอง ก็จะไม่มีปัญหาใดๆต่อความปลอดภัยของรพีพงษ์อย่างแน่นอน
ความเร็วของปวัตรและปวิชนั้นรวดเร็วมาก ภายในชั่วพริบตาก็แก้ไขปัญหาการเร่งรีบเข้ามาของกลุ่มคนห้าตระกูลใหญ่ได้เรียบร้อยแล้ว
แม้แต่ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ของห้าตระกูลใหญ่ล้วนแต่ไม่สามารถรอดพ้นไปได้
หลังจากที่คนที่เหลืออยู่ของห้าตระกูลได้รับรู้ถึงความเก่งกาจของปวัตรและปวิช ทันใดนั้นก็เกิดความคิดที่จะถอนตัว ไม่มีใครกล้าพุ่งไปข้างหน้าเพื่อเอาชีวิตรพีพงษ์อีก
ในตอนที่รพีพงษ์ได้ยินเสียงเวทัสและดำเกิงทั้งสองคนตะโกนเรียกอาจารย์ ในใจก็รู้สึกมั่นคง ถึงแม้ว่าการมาของอาจารย์จะทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าในใจของเขาก็รู้แน่ชัดว่า มีอาจารย์อยู่ ตนเองจะไม่เกิดสถานการณ์อะไรอีก ดังนั้นเขาจึงหลับตาลงอย่างสบายใจและหลับสนิทไปเลย
บดีศวรมองดูสถานการณ์ที่ตอนแรกวุ่นวายสับสนแล้วทันทีที่คนทั้งสามปรากฏตัวขึ้นก็สงบลงในชั่วพริบตา ความโกรธก็พุ่งขึ้นในใของเขาอีกครั้ง
เดิมทีเขาคิดว่ารพีพงษ์จักต้องตายภายใต้ความโกลาหลนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ใครจะคิดว่าเจ้าหนูนี่จะโชคดีขนาดนี้ ในช่วงวเลาวิกฤต กำลังเสริมที่รอก็มาจริงๆ
สายตาของเขาจับจ้องอยู่บนตัวของวฤนท์ธม เขากัดฟันกรอด สาเหตุส่วนใหญ่ที่ห้าตระกูลใหญ่จะจัดการกับรพีพงษ์ก็เป็นเพราะชายชราที่ยืนตรงหน้าเขา
“วฤนท์ธม แกมันแก่แล้ว โผล่มาอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ แกจะทำตัวเป็นเต่าหดหัวไปชั่วชีวิตเลยก็ได้!” บดีศวรตะโกนใส่
วฤนท์ธมปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของบดีศวรในชั่วพริบตา โดยไม่มีใครเห็นเลยจริงๆว่าเขาทำได้อย่างไร
“ทำไมล่ะ แล้วจะให้ฉันมองดูพวกแกรังแกลูกศิษย์ของฉันหรือไง?