พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 89
ตอนที่ 89 ผมจะซื้อบ้านหลังนี้
เมื่อหญิงสาวผู้นั้นได้ยินสิ่งที่เจตนิพัทธ์พูด เธอทำสีหน้าตื่น ตกใจขึ้นมาทันที เธอกวาดสายตามองรพีพงษ์ สังเกตเห็นว่า เขาดูเหมือนคนไม่มีเงินพอที่จะซื้อบ้านที่นี่จริงๆ
แต่หญิงสาวผู้นั้นยังถือว่าเป็นผู้มีมารยาทอย่างมาก เธอจึง ไม่ได้เย้ยหยันเขาเหมือนเจตนิพัทธ์ แต่กลับเอ่ยปากถาม “คุณผู้ชายคะ คุณจะซื้อบ้านของทางเราจริงใช่ไหมคะ หาก คุณคิดว่าจะซื้อ ฉันจะพาคุณไปดูห้อง แต่ถ้าคุณมาก่อกวน งั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปดูแล้วค่ะ”
รพีพงษ์มองหญิงสาวคนนั้น พูดขึ้น “ผมวางแผนจะซื้อบ้าน แบบตะวันตกหรือบ้านหลังใหญ่ในโครงการนี้ ถ้าคุณเชื่อใน สิ่งที่เขาพูด ผมว่าคุณคงเสียโอกาสที่ได้เงินไป”
เมื่อหญิงสาวตรงหน้ารู้ว่าเขาคือรพีพงษ์ เธอจึงไม่คิดคาด หวังอะไรจากเขามากมาย
เธอเคยได้ยินเรื่องราวของรพีพงษ์มาบ้าง มีแต่คนบอกว่า เขาแมงดาเกาะผู้หญิงกิน ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง คนแบบ นี้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็คงไม่มีกำลังมากพอจะซื้อห้องที่นี่ได้
ถ้ารพีพงษ์จะซื้อห้องบนตึกสูง หญิงสาวผู้นั้นคิดว่าพอเป็น ไปได้ เพราะรพีพงษ์แต่งงานกับตระกูลฉัตรมงคล ยังไงเขา คงมีเงินอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้รพีพงษ์กลับบอกว่าจะซื้อบ้านแบบตะวันตกหรือ บ้านหลังใหญ่ ในใจของเธอคิดเหยียดเขาขึ้นมาทันที คิดว่า เขาต้องคุยโวโอ้อวด
เมื่อเจตนิพัทธ์ได้ยินว่าเขาวางแผนจะซื้อบ้านแบบตะวันตก หรือบ้านหลังใหญ่ สีหน้าของเขาแฝงไปด้วยความเย้ยเยาะ เขาอย่างมาก บ้านแบบนั้นในโครงการดงเย็น ถูกที่สุดก็ห้า หกล้านหยวน ตอนเขาเป็นผู้จัดการใหญ่ ยังซื้อบ้านแบบนั้น ไม่ได้เลย คนสวะอย่างรพีพงษ์ จะมีกำลังซื้อได้อย่างไร
เขากวาดมองไปรอบๆ จากนั้นเหลือบตามองไปมา พูดเสียง ดังขึ้น “ทุกคนมาดูนี่สิ คนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ก็คือคนผู้สวะอันโด่ง ดังอย่างรพีพงษ์ เมื่อสักครู่เขาบอกว่าจะซื้อบ้านที่นี่ พวกคุณ คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกไหม!”
ผู้คนที่สำนักงานขายต่างพากันหันมามองรพีพงษ์ จากนั้น พวกเขามองมาที่เขาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม หลายคน ถึงกับหัวเราะเยาะเขาอีกด้วย
“คนเหลวไหลอย่างรพีพงษ์ เกาะผู้หญิงกินไม่ใช่เหรอ เขา จะมีเงินมาซื้อบ้านที่นี่ได้อย่างไร นี่ล้อเล่นกันอยู่งั้นรี”
“ให้ตายสิ ช่างน่าขำเหลือเกิน ฉันอดทนทำงานมาตั้งนาน จึงจะกล้าซื้อห้องพักชั้นสูงที่นี่ ไอ้หมอนั่นกลับกล้าบอกว่าจะ มาซื้อบ้านคฤหาสน์ที่นี่ บ้าไปแล้ว”
“โถ ฉันจะคอยดูว่าเขาเอาอะไรมาซื้อบ้าน นี่ดูสิ ขี้โม้จน หน้าแดงหมดแล้ว”
“นี่ก็คือรพีพงษ์ที่ทุกคนพูดถึงงั้นเหรอ ดูเขาแต่งตัวสิ ไม่ เหมือนคนที่ซื้อบ้านได้เลย”
คนรอบข้างต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา ทำให้เจต นิพัทธ์รู้สึกชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก เขาอยากทำให้รพีพงษ์ขายหน้า พอรพีพงษ์ไม่ซื้อขึ้นมาจริงๆ จะทำให้เขาขาย หน้ามากที่สุด
รพีพงษ์ขมวดคิ้วขึ้น ไม่ได้สนใจอะไรคนรอบข้าง เพราะ เขาเคยชินกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้ว “คุณจะพาผมไปดูห้องไหม ถ้าไม่อยากพาไป ผมไปหาคน
อื่นก็ได้” รพีพงษ์มองหน้าหญิงสาวคนนั้นพูดขึ้น
หญิงสาวคนนั้นเบ้ปาก พูดต่อ “คุณแน่ใจว่าจะดูบ้านแนว ตะวันตกกับคฤหาสน์ใช่ไหมคะ ราคาถูกที่สุดเริ่มต้นที่ห้าถึง หกล้านหยวนนะคะ”
รพีพงษ์พยักหน้า ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเธอแล้ว
ถ้าไม่อยากพาเขาไปดูห้อง กลับไปค่อยให้เธียรวิชญ์มาซื้อ ให้เขาหนึ่งหลัง จะได้ไม่ต้องถูกผู้คนมองบนใส่ด้วย
ทันใดนั้นหญิงสาวมองไปที่รพีพงษ์เพื่อดูว่าเขาพูดโม้อยู่
หรือไม่ จากนั้นพูดต่อ “งั้นโอเคค่ะ เชิญตามฉันมา”
หลังจากที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของรพีพงษ์ หญิงสาวไม่เคารพ หรือให้เกียรติดเขาอีกต่อไป
เมื่อเจตนิพัทธ์เห็นว่ารพีพงษ์ยืนหยัดจะไปดูบ้านคฤหาสน์ เขารู้สึกดูถูกมากขึ้น จากนั้นจึงเดินตามพวกเขาไป เขาอยาก จะเห็นว่าสุดท้ายรพีพงษ์จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
คนในสำนักงานจำนวนไม่น้อยต่างพากันตามไปดูด้วย เพื่อ อยากจะไปหัวเราะเยาะรพีพงษ์
หญิงสาวนำเขาไปดูห้องแบบตะวันตกของดงเย็นก่อน ห้อง แบบตะวันตกที่เป็นแบบตึกสี่ชั้น บ้านละสองชั้น พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ ดูแล้วน่าจะอยู่ได้อย่างสบาย
“นี่เป็นบ้านสไตล์ตะวันตกแบบถูกที่สุด ราคาห้าล้านแปด แสนหยวน ถ้าเป็นแบบแพงสุด ราคาอยู่ที่เจ็ดล้านหยวน คุณ สนใจซื้อไหมคะ?” หญิงสาวจ้องหน้ารพีถามขึ้นด้วยท่าทีที่ แสดงออกถึงความไม่คาดหวัง
รพีพงษ์มองไปที่แบบแปลน จากนั้นส่ายหน้า พูดขึ้น “แม้ว่า ห้องแบบตะวันตกจะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ และมีสองชั้น แต่ หนึ่งตึกมีสองบ้าน คิดว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ”
เมื่อผู้คนรอบข้างได้ยินสิ่งที่รพีพงษ์พูดขึ้น ต่างพากัน หัวเราะขึ้นมาทันที คิดว่าเขาเสแสร้งมากเกินไป
“ขำจะตายอยู่แล้ว ไอ้หมอนี่มาก่อกวนใช่ไหม? ตึกหนึ่งอยู่ กันสองบ้าน เขากลับรู้สึกไม่สะดวก ทำไมไม่ไปอยู่บนฟ้าเลย ล่ะ”
“เห็นก็รู้ว่าเขาไม่ได้คิดจะซื้อ ดังนั้นเขาจึงจงใจพูดแบบนี้”
เจตนิพัทธ์หัวเราะเย้ย พูดขึ้น “ตอนนี่เขาพักอยู่ หนึ่งตึกมี เป็นหลายร้อยห้อง ก็ไม่เห็นว่าจะไม่สะดวกยังไง ตอนนี้กลับ บอกว่าบ้านแบบตะวันตกไม่สะดวก ฉันว่านายตั้งใจมาก่อกวน ชัดๆ”
หญิงสาวรู้สึกเบื่อหน่ายจนเหลือบตามองบนใส่รพีพงษ์ เดิมทีเธอคิดว่ารพีพงษ์ไม่ได้แย่เหมือนที่ทุกคนพูดถึง แต่ตอน นี้ เขากลับพูดจาโอ้อวด ไม่พอใจ ก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ประทับ ใจเท่าไหร่
“พาผมไปดูวิลล่าเถอะ” รพีพงษ์กล่าว
หญิงสาวไม่พูดอะไรต่อ หันหลังเดินตรงไปที่บ้านแบบคฤหาสน์
ทุกคนต่างพากันเดินตามไปอีกครั้ง เพื่ออยากดูว่ารพีพงษ์ จะเสแสร้งยังไงต่อ
“วิลล่าที่นี่จะเป็นห้องที่แบ่งเป็นสัดส่วนมาตรฐาน ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน ราคาเจ็ดล้าน ถึงมากกว่าสิบล้านหยวน หากพูดตามความจริง คุณคงไม่มี กำลังมากพอจะซื้อคฤหาสน์ที่นี่ได้” หญิงสาวผู้นั้นกล่าว
รพีพงษ์เหลือบมองคฤหาสน์พวกนั้น ดูเผินๆแล้วถือว่าค่อน ข้างดี แต่ยังไม่ถึงมาตรฐานที่เขาวางไว้
“รู้สึกว่ายังขาดอะไรไปบางอย่าง มีบ้านที่มีสวนดอกไม้ด้วย ไหมครับ?” รพีพงษ์ถามขึ้น
หญิงสาวผู้นั้นทนไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ยปากพูดขึ้น “บ้านรูป แบบนี้ราคาสูงขนาดนี้แล้ว ยังอยากได้ที่มีสวนดอกไม้ด้วย คุณมีกำลังซื้อมากพอจริงเหรอคะ?”
“เขาซื้อไม่ไหวอยู่แล้ว เขาแค่มาก่อกวนพวกคุณ ผมแนะนำ ว่าคุณไม่ต้องสนใจเขาตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า” เจตนิพัทธ์ หัวเราะอย่างเยือกเย็น
ทันใดนั้นรพีพงษ์หันไปเห็นแบบแปลนของหมู่บ้าน ตรง กลางของที่นี่มีบ้านคฤหาสน์ขนาดใหญ่ประมาณสิบห้อง ราย ล้อมไปด้วยสวนขนาดค่อนข้างใหญ่ และยังสามารถทำเป็น สวนดอกไม้ได้อีกด้วย
“บ้านหลังนี้ราคาเท่าไหร่?” รพีพงษ์ถามขึ้น
หญิงสาวยื่นมือไปชี้ตรงนั้น พูดด้วยความรำคาญใจ “ตรง
นั้นเป็นบ้านที่แพงที่สุดในหมู่บ้าน คฤหาสน์ที่มีขนาดเท่าตึกสิบห้องสร้างเป็นอาณาเขตบ้านเดียว ซึ่งดูแลโดยนิต่บุคคล ของอีกบริษัทหนึ่ง คฤหาสน์หลังนี้มีสวนดอกไม้ แต่ตึกห้อง หนึ่งราคาสิบห้าล้าน ทั้งหมดมีสิบตึก ตอนนี้ขายออกเพียงแค่ ห้าตึก”
“นายอย่าไปคิดเอาตรงนี้เลย ทั้งเมืองริเวอร์ คนที่ซื้อบ้าน เดี่ยวตรงนี้ได้ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น” เจตนิพัทธ์พูดขึ้น
ผู้คนรอบข้างต่างพากันพูดด้วยความสงสัย หนึ่งตึกสิบห้า ล้านหยวน ถือว่าเป็นได้เพียงแค่ความฝันของพวกเขา เกรงว่า คงไม่มีปัญญาซื้อบ้านที่ดีขนาดนี้ได้
รพีพงษ์มองดูแบบแปลนของบ้านเดี่ยวสิบตึกตรงนั้น รู้สึก ว่าดีกว่าบ้านที่มีราคาไม่ถึงสิบล้านมาก ถ้าพักที่นี่คงจะสบาย
มาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บ้านทั้งสิบหลังนี้มีขนาดใหญ่เป็น บริเวณหนึ่งในสามของพื้นที่ทั้งหมด บ้านแต่หลังมีระยะห่าง กันมากพอสมควร จึงทำให้มีความส่วนตัวและสงบมาก
หญิงสาวเหลือบมองดูรพีพงษ์ พูดขึ้น “ตกลงคุณจะซื้อหรือ
ไม่ คุณดูทั้งบ้านตะวันตกและบ้านคฤหาสน์แล้ว คุณอย่ามาบ อกว่าคุณไม่ถูกใจบ้านที่นี่อีกนะคะ ไม่เช่นนั้น ทั้งเมืองริเวอร์นี้ คงไม่มีบ้านที่ถูกใจคุณแล้วค่ะ”
“เขากำลังยกระดับตัวเอง เขาไม่สนใจดูราคาบ้างสักหน่อย ผมว่าขนาดห้องธรรมดาที่อยู่บนตึก เขายังซื้อไม่ไหวเลย เขา ตั้งใจพูดแบบนี้แน่นอน”
“พูดถูก ยังจะอยากดูบ้านคฤหาสน์ ถ้าเขาซื้อได้จริงๆ คง ไม่ถูกคนทั้งเมืองขนานนามว่าเป็นคนสวะหรอก”
ผู้คนที่รายล้อมอยู่แถวนั้นต่างพากันมั่นใจว่ารพีพงษ์ต้องไม่ พอใจกับบ้านหลังนี้ จากนั้นจะบอกว่าไม่ซื้อ
ทันใดนั้นรพีพงษ์ชี้นิ้วไปที่บ้านหรูทั้งสิบหลังนั้น พูดขึ้น “ผม จะซื้อแบบนี้หนึ่งหลัง ผมโอนเงินวันนี้ เต็มจำนวน”
ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของเขา พวกเขาคิดว่ารพีพงษ์จะ หาข้ออ้างบอกปัดเพื่อไม่ซื้อ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เขากลับ ตัดสินใจซื้อ ทั้งยังเป็นเงินเต็มจำนวน “คะ….คุณไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะ? นี่เป็นบ้านราคาสิบห้า
ล้านเลยนะคะ!” หญิงสาวพูดด้วยท่าทีไม่เชื่อรพีพงษ์
“ปัดโธ่ ไอ้หมอนี่บ้าไปแล้ว เขาคิดว่าเขาซื้อบ้านที่แพงที่สุด หลังนี้ได้?”
“นั่นเป็นบ้านที่พวกเศรษฐีที่มีกำลังซื้อจริงๆพักอาศัย เขา
เป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ จะไปซื้อไหวได้ยังไง”
“สิบห้าล้านหยวน นี่ซื้อห้องชุดได้ตั้งกี่ชุด เขาช่างคุยโวขี้โม้ เก่งจริงๆเลย”
รพีพงษ์หยิบบัตรธนาคารออกมา ยิ้มและพูดขึ้น “ผมล้อเล่น
หรือไม่ รอให้รูดบัตรเสร็จก่อน ก็จะได้รู้กัน” เมื่อหญิงสาวได้ยินเขาพูดเช่นนั้น กลับรู้สึกคิดว่าเขากำลัง
พูดความจริงอยู่
“พาผมไปดำเนินเรื่องเถอะ” รพีพงษ์พูดขึ้น
หญิงสาวรีบพยักหน้าลง โดยปกติแล้ว คนที่ซื้อบ้านประเภทนี้ จะไปเซ็นสัญญาและดำเนินเรื่องที่ห้องVIP จากนน หญิงสาวรีบเดินนำรพิพงษ์เข้าไปด้านใน
เมื่อเจตนิพัทธ์เห็นเช่นนั้น จึงรีบเดินตามไปด้วย เขาอยากรู้ ว่ารพีพงษ์ซื้อบ้านราคาสิบห้าล้านได้จริงหรือไม่ “ผมเป็นเพื่อนของเขา ถ้าเข้าไปดูด้วยคงไม่มีปัญหาอะไร
ใช่ไหมครับ” เจตนิพัทธ์พูดขึ้น
డా หญิงสาวเหลือบมองรพีพงษ์ อยากจะถามความเห็นจากเขา รพีพงษ์พยักหน้า ในเมื่อเจตนิพัทธ์ไม่เชื่อ งั้นก็ให้ความจริง ตบหน้าเขาไปเลย
ทั้งสามเดินเข้าไปด้านใน หญิงสาวเรียกผู้จัดการเข้ามา จากนั้นเริ่มดำเนินเรื่องทันที
ผ่านไปไม่นานก็เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย เมื่อถึงตอน ชำระเงิน
หญิงสาวรู้สึกลุ้นระทึกใจไม่น้อย ถ้ารพีพงษ์หลอกลวงเธอ ผู้จัดการคงไม่ปล่อยเธอไปแน่ๆ
เจตนิพัทธ์หัวเราะ พูดขึ้น : “รพีพงษ์ คิดไม่ถึงเลยว่านายจะ เสแสร้งเก่งขนาดนี้ แสดงมาถึงตอนจ่ายเงินได้ด้วย แต่ทว่า ตอนนี้นายเซ็นสัญญาเสร็จหมดแล้ว ถ้านายไม่มีเงินจ่าย พวก เขาไม่มีทางปล่อยนายลอยนวลแน่นอน”
“ฉันจะคอยดูว่านายจะหาเงินสิบห้าล้านมาจากไหน!” รพีพงษ์ไม่สนใจเขา ยื่นบัตรให้หญิงสาวทันที
หญิงสาวใช้มือทั้งสองรับบัตรจากเขาด้วยความสั่นคลอน จากนั้นนำบัตรไปรูดที่เครื่องงPOS และให้รพีพงษ์ ใส่รหัส
หลังจากใส่รหัสเสร็จ กดปุ่มยืนยัน หญิงสาวถึงกับต้องปิด ตาลงทันที เพราะถือเป็นตัวเลขมหาศาล เธอไม่ค่อยเชื่อใจ รพีพงษ์ว่าในบัตรมีเงินพอจริงหรือไม่
แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมา ค่าคอมมิชชั่นในการขายครั้งนี้ พอที่จะเป็นเงินเดือนสิบปีของเธอได้เลย
“เสร็จแล้วยัง?” รพีพงษ์ถาม
หญิงสาวลืมตาขึ้น มองไปที่เครื่องPOS จากนั้นพูดตะโกน ขึ้น “ชำระเงินสำเร็จแล้ว!”