พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 9
บทที่ 9 รักษาสัญญา
อารียากะพริบตาโตๆ ของเธอแล้วมองรพีพงษ์ ในใจของเธอ เกิดความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อวานเขาพูดต่อหน้าทุกคนว่าเธอสามารถซื้อตึกได้ใน ราคาห้าล้าน
แล้ววันนี้เธอก็ทำได้จริงๆ
ถึงแม้ว่าการที่เธอซื้อตึกได้ในราคาห้าล้าน เป็นเพ ราะอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์จัดกิจกรรมโชคดี แต่ว่าถ้าไม่มี เขา เธอก็คงจะมาร่วมกิจกรรมนี้ไม่ทันเหมือนกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับเขา ผู้ชาย คนนี้ไม่ทำให้เธอผิดหวังอย่างที่คาดไว้จริงๆ
“โอเค ฉันจะเก็บมันเป็นความลับไปขับรถเร็ว” อารียา เอ่ยขึ้น
รพีพงษ์ยิ้มแล้วรีบทำตาม อารียานั่งอยู่ข้างหลัง เธอลังเล เล็กน้อยก่อนที่จะเอามือกอดเอวของเขาไว้
ชายหนุ่มตัวตรงขึ้นมาทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอกอดเอว เขา จนเขาทำตัวไม่ถูก
ขณะเดียวกันหญิงสาวก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน เพราะตอนที่เธอกอดเอวเขา เธอรับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อเป็นลอนๆ ตรงหน้า
ท้องของเขา
“นี่เขามีกล้ามด้วยเหรอเนี่ย” ภายในร้านชานม
ชรินทร์ทิพย์มองคนที่อยู่ข้างนอกอย่างสงสัย เธอคิดไม่ถึง ว่าอารียาจะออกมาเร็วขนาดนี้
“ทำไมมันถึงออกมาเร็วจัง ในมือก็ถืออะไรไว้ด้วย อย่า บอกนะว่าเจรจาสำเร็จ” ชรินทร์ทิพย์เอ่ยขึ้น
“เป็นไปไม่ได้หรอก เธอดูท่าทางเหม่อลอยของมันสิ ถ้า เจรจาสำเร็จจริงๆ มันจะเป็นแบบนั้นไหม สงสัยเข้าไปพูดไม่ ทันถึงสองประโยคก็โดนเขาไล่ออกมา” ธายุกรพูดแล้วหรี่
ตาลง
“น่าจะเป็นอย่างนั้น แค่ไม่นานพวกมันจะเจรจาสำเร็จได้ อย่างไร” ชรินทร์ทิพย์ พยักหน้า
“ไปกันเถอะ พวกมันเจรจาไม่สำเร็จอย่างแน่นอน ดูสิว่า มันจะไปอธิบายกับคุณปู่ว่ายังไง” ธายุกรแสยะยิ้มแล้วออก มาจากร้านชานมพร้อมกับชรินทร์ทิพย์
ช่วงบ่าย
คฤหาสน์ตระกูลฉัตรมงคล
นภทีป์เรียกทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้ง เพราะเมื่อช่วงเช้า เขาได้รับโทรศัพท์จากอารียา เธอโทรมาบอกว่ามีเรื่อง สำคัญจะแจ้ง
“นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง อารียาก็มีเรื่องจะแจ้งแล้ว จะเป็น เรื่องอะไรกันนะ”
“ยังต้องบอกอีกเหรอว่าเรื่องอะไร ก็ต้องเป็นเรื่องที่มันไม่ มีปัญญาซื้อตึกในราคาห้าล้านไงล่ะ”
ใช่ ฉันเดาได้ตั้งนานแล้วว่ามันไม่มีปัญญาทำได้หรอก ดูท่าแล้วครั้งนี้มันกับไอ้คนไร้ประโยชน์นั่นต้องโดนไล่ออก จากตระกูลฉัตรมงคลแล้วล่ะ”
“โดนไล่ออกไปก็ดี เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ ตระกูลเราไม่ เลี้ยงคนที่ไม่มีประโยชน์”
ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์นั่งฟังคนที่อยู่รอบๆ ถกเถียงกัน ใบหน้าแสดงออกถึงรอยยิ้มที่พึงพอใจ เมื่อเช้าพวกเขาเห็น มันออกมาจากอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ด้วยท่าทีเหม่อลอย กับตาตัวเอง ดังนั้นมันต้องทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จแน่ๆ ถึงให้คุณ ปู่เรียกทุกคนมารวมตัวกัน
“คุณปู่ให้เวลา อารียา ห้าวัน นี่แค่วันแรกเธอก็ยอมแพ้ แล้ว ไม่มีความอดทนเลย คนที่ยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้ น่าจะ ออกจากตระกูลของเราไปเร็วๆ” ธายุกรโน้มหน้าเข้าไปพูด ใกล้ๆ นภทีป์
สีหน้าของนภทีป์ ก็ไม่ค่อยดีนัก เขาได้ฟังสิ่งที่คนในนี้ ถกเถียงกัน ก็คิดว่าการที่อารียาเรียกทุกคนมากะทันหันแบ บนี้ ก็เพราะเธอทำไม่สำเร็จ เลยจะมาบอกกับทุกคน
“ที เด็กไม่เอาไหน ถ้าเด็กนั่นยอมแพ้จริงๆ คนแบบนี้ก็ไม่ ควรอยู่ในตระกูลของเรา” นภทีป์ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ไม่นาน ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออก อารียาและรพีพงษ์เดิน เข้ามาจากข้างนอก
ทุกคนรีบเงียบลงแล้วหันไปมองทั้งคู่เป็นตาเดียว
ในคฤหาสน์เต็มไปด้วยบรรยากาศของการเยาะเย้ย ทุก คนแสยะยิ้มให้กับทั้งคู่
ธายุกรลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่ อารียา จากนั้นก็หัวเราะ แล้วพูดว่า “อารียา ถึงวันนี้เธอจะเจรจาไม่สำเร็จ เธอก็ควร จะลองใหม่ในวันพรุ่งนี้ เธอทำมันแค่ครั้งเดียวก็ยอมแพ้แล้ว เหรอ ไม่สมกับสิ่งที่คุณปู่พร่ำสอนมาว่ายิ่งพ่ายแพ้ยิ่งกล้า หาญเลยสักนิด”
“ผู้หญิงแบบนี้จะคิดได้ยังไง ไม่ดูผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ บ้าง นั่นสวะของเมืองริเวอร์เชียวนะ สงสัยเธอจะติดนิสัยแบบนั้น มาจากมันแล้วล่ะ” ชรินทร์ทิพย์พูดเหน็บแนม
อารียาเดินเข้าไปหานที่ป์ด้วยสีหน้าเยือกเย็น ในมือของ เธอถือสัญญาที่เซ็นเรียบร้อยเอาไว้
“อารียา ฉันว่าเธออย่าไปอ้อนวอนคุณปู่เลย เจรจาไม่ สำเร็จก็คือไม่สำเร็จ เธอรีบไสหัวออกไปเถอะ” ธายุกร พู ดอย่างไม่เกรงกลัวใคร
อารียาเหลือบมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใคร บอกว่าฉันเจรจาไม่สำเร็จ”
“ทำไม หรือเธอจะบอกว่าเธอเจรจาสำเร็จอย่างนั้นเหรอ เมื่อเช้าฉันเห็นเธอเดินเหม่อลอยออกมาจากที่นั่นด้วยตาของ ฉันเอง อีกอย่างความสามารถอย่างเธอ ทำไม่ได้อย่าง แน่นอน!” ธายุกรพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ
“อย่างนั้นนายคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ ที่ฉันให้คุณปู่เรียกทุก คนมารวมตัวกัน ก็เพราะอยากจะบอกว่าฉันซื้อตึกของอสัง หาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ได้แล้ว” อารียาเอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างพากันอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดว่าซื้อตึกนั่นได้
แล้ว
“เป็นไปไม่ได้! อารียา เธอเห็นว่าพวกเราโง่หรือไง นี่แค่กี่ วันเอง เธอจะซื้อตึกนั่นได้ยังไง!” อายุกรถลึงตาใส่อารียา แล้วตะโกนออกมาเสียงดัง
“ใช่ คุณปู่คะ อารียาไม่มีความสามารถแล้วยังมาหลอก คุณปู่อีก มันเห็นว่าคุณปู่เป็นคนโง่ คุณปู่รีบไล่มันออกไปเลย ค่ะ!” ชรินทร์ทิพย์พูดออกมาเสียงดัง
อารียาไม่สนใจ เธอเอาสัญญายื่นให้ชายชรา
“คุณปู่ นี่คือสัญญาการซื้อตึก คุณปู่ดูได้เลยค่ะ” ทุกคนต่างพากันเบิกตาโพลง คิดไม่ถึงว่าเธอจะเอา สัญญามาด้วย
ธายุกรและชรินทร์ทิพย์จ้องไปที่สัญญาฉบับนั้นด้วยความ สงสัย ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ถึงพวกเขาจะพูดใส่ร้ายแค่ไหนก็ คงไม่ได้ผลแล้ว
นภทีปรับสัญญามาแล้วดูอย่างจริงจัง เมื่อเห็นตราประทับ ของอสังหาริมทรัพย์ฟ้าอนงค์ ชายชราก็รู้ทันทีว่าเป็นสัญญา จริง รอยยิ้มเผยออกมาบนใบหน้า
“ดี อารี ครั้งนี้เธอจัดการได้ไม่เลวเลย เธอซื้อตึกได้ใน ราคาห้าล้านจริงๆ ควรจะได้รับการชมเชย ต่อจากนี้ฉันจะ เพิ่มเงินเดือนให้สองเท่า โบนัสอีกสิบเปอร์เซ็นต์” นภที่ป์พูด ด้วยความดีใจ
ธายุกรกับชรินทร์ทิพย์มีสีหน้าไม่เชื่อ ธายุกรรีบถา มด้วยความร้อนรน “คุณปู่ สัญญานี่มันอาจจะปลอมขึ้นมาก็ ได้ คุณปู่อย่าโดนมันหลอกนะครับ”
นภทีป์ส่งเสียงในลำคอแล้วปรายตามองธายุกร “ทำไม แกคิดว่าฉันแก่จนตาพร่ามัวแล้วแยกไม่ออกว่าอะไรจริงหรือ
ปลอมเหรอ”
ธายุกรรู้ทันทีว่าสัญญานั่นเป็นของจริง เขาทำหน้าสลดทัน
ที่
“พอแล้ว อารีจัดการเรื่องนี้ได้ดีมาก พวกแกก็เรียนรู้จาก เธอไว้ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายเถอะ” นภทีป์เอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวครับ!”
ขณะนั้นเองเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา เป็นเสียงของรพีพงษ์ นภที่ป์มองไปทางเขาแล้วถามขึ้น “ทำไม นายมีเรื่องอะ ไรอีก”
รพีพงษ์หัวเราะแล้วหันไปทางธายุกร “คุณปู่นี่เป็นผู้ดีที่ ลืมจริงๆ นะครับ เมื่อวานผมพนันกับธายุกรเอาไว้ว่าถ้าอา รีใช้เงินห้าล้านซื้อตึกนั่นได้ เขาจะยอมคุกเข่าก้มหัวยอมรับ ผิดต่อหน้าอารี”
“ตอนนี้อารีทำสำเร็จแล้ว ธายุกรก็ควรจะรักษาสัญญาที่ พนันกันเอาไว้ใช่หรือเปล่าครับ”