พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่ 96
บทที่ 96 Blue Love
รพีพงษ์ยิ้มให้อารียา พูดว่า”ไปเถอะ พวกเราเข้าไปกัน
เถอะ”
อารียาสีหน้าตกใจ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะมีบัตรสมาชิกระ ดับพรีเมี่ยมของที่นี่ด้วย
แต่เมื่อคิดว่าเขายังซื้อบ้านที่ดงเย็นได้เลย เรื่องแค่นี้เขาก็ ทำได้ บัตรสมาชิกใบเดียว น่าจะไม่ยากอะไร
ทั้งสองเดินตามพนักงานเข้าไปในใจกลางร้าน ท่าทางที่ พนักงานปฏิบัติต่อรพิพงษ์นั้น อาจเรียกได้ว่านอบน้อมเป็น พิเศษ
เมื่อครู่ที่ลิปปินส์และบุษบากรเข้าไปนั้น ก็เข้าไปที่พนักงาน จองที่ไว้ให้กับพวกเขา
ลิปปินส์มองไปยังบุษบากร แล้วพูดว่า”ไม่เข้าใจจริงๆว่า ทำไมคุณต้องช่วยพูดแทนไอ้สวะนั่นด้วย เขาไม่มีแม้แต่สิทธิ์ ที่จะมาดื่มกาแฟที่นี่ รัศมีของเขายังห่างไกลจากผมมาก
บุษบากรกลอกตามองบนใส่ลิปปินส์ ในใจคิดว่ารพีพงษ์นั้น เก่งกว่าเขามาก แต่แค่เขามักจะเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อย แสดงออก
ลิปปินส์ยิ้มให้บุษบากรอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ยื่นมือไปกุม
ที่มือของหล่อน
“เมื่อกี้อยู่ข้างนอก คุณเรียกผมว่าเป็นแฟนคุณได้เต็มปาก เลยนะ นี่มันให้ความรู้สึกเหมือนว่า พวกเราอยู่ด้วยกันแล้ว”
บุษบากรดึงมือของตนเองกลับไป พูดว่า”รักษาความ ซื่อสัตย์หน่อย คุณยังอยู่ในช่วงที่ทดลองคบกัน หากคุณที่จะ ทำอะไรฉัน ฉันว่าคุณรีบไสหัวไปตั้งแต่ตอนนี้เลย”
ที่หล่อนบอกว่าลิปปินส์เป็นแฟนหล่อนนั้น ก็แค่อยากจะ บอกให้รพีพงษ์ได้ยินเท่านั้น
แม้หล่อนจะรู้ว่ารพีพงษ์ไม่เคยสนใจ แต่นิสัยของผู้หญิงก็ เป็นแบบนี้ ในเมื่อไม่ได้เขาอย่างนั้นก็ทำให้เห็นว่าตนเองหา คนที่ดีกว่าได้
ไม่เช่นนั้นให้รพีพงษ์เขารู้ว่าหล่อนมีความคิดอะไรอยู่ นางก็
เสียหน้ามาก
ลิปปินส์จึงได้แต่ดึงมือกลับมา จ้องที่บุษบากรแล้วพูด ว่า “แล้วทำไมคุณต้องช่วยพูดแทนเขาด้วย เห็นชัดว่าเขาเป็น สวะไร้ค่า ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณเองก็ไม่ชอบคนแบบนี้”
บุษบากรเตรียมที่จะโต้แย้งอยู่นั้น รพีพงษ์ก็พาอารียาเดิน เข้ามาในร้านกาแฟ ทำให้บุษบากรตื่นตกใจ
“พวกเขาเข้ามาแล้ว”บุษบากรพูด
ลิปปินส์หันไปมองทางนั้น ก็พบว่ารพีพงศ์ ก็พบว่า รพีพงษ์ และอารียาสองคนนั้นเข้ามาจริงๆ
“พวกเขาสองคนเข้ามาได้อย่างไร หรือว่าแอบลอบเข้ามา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของที่นี่ไม่ได้กินแต่ผักนะ”ลิ ปปินส์พูด
“มองดูแล้วไม่น่าจะแอบลอบเข้ามานะ คุณดูสิว่าเพื่อนคุณ นั้น อ่อนน้อมต่อเขามากขนาดไหน”บุษบากรเอ่ย
ลิปปินส์หรี่ตามอง เพื่อนของเขาคนนั้นปกติมักจะมีท่าที เย็นชาต่อเขา ตอนนี้กลับดูนอบน้อมกับรพีพงษ์มาก
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”ลิปปินส์บ่นพึมพำในใจ
หลังจากที่รพีพงษ์และอารียาเข้ามา ก็กวาดสายตามองไป รอบๆ จากนั้นก็พูดอะไรบางอย่างกับพนักงาน พนักงานก็เดิน มาทางบุษบากรและเขา
พนักงานคนนั้นเดินมาตรงหน้าของลิปปินส์ ยิ้มและพูดกับลิ ปปินส์ว่า “แกมีเพื่อนดีขนาดนี้แล้ว ยังต้องให้ฉันจองที่ไว้อีกเห รอ พวกเธอเดินตามเขาขึ้นไปข้างบนก็ได้แล้ว”
ลิปปินส์หน้าตามึนงง ถามว่า”หมายถึงอะไร ขึ้นไปไหน ชั้น สองเหรอ ไม่ใช่ว่าต้องเป็นสมาชิกถึงขึ้นไปได้เหรอ จะเป็น สมาชิกได้ อย่างน้อยก็ต้องซื้อห้องที่ดงเย็นห้องหนึ่งก่อน”
“คุณผู้ชายคนนั้นเป็นสมาชิกที่นี่ของเรา และยังไม่ใช่
สมาชิกระดับธรรมดา เป็นสมาชิกระดับสูงระดับพรีเมี่ยมเลย
ด้วย แกไม่รู้เหรอ”พนักงานเองก็ยังถามอย่างรู้สึกแปลก
ประหลาดใจ
ใจของ ลิปปินส์หล่นมาที่ตาตุ่มทันที หันไปมองที่รพีพงษ์ และอารียา แววตามีความเหลือเชื่ออยู่ในนั้น
“เขาเป็นสมาชิกของที่นี่เหรอ และยังเป็นสมาชิกระดับพรีเมี่ ยมสูงสุดด้วยงั้นเหรอ”ลิปปินส์ถามซ้ำอีกรอบ
“ใช่ เขาให้ฉันมาถามพวกคุณว่า จะตามเขาขึ้นไปชั้นบน มั้ย” พนักงานตอบ
“ไม่มีทาง!”ลิปปินส์ลุกขึ้นยืน พูดอย่างตกใจ”เขาจะเป็น สมาชิกระดับพรีเมี่ยมของที่นี่ได้ยังไงกัน ในเมืองริเวอร์เขาเป็น….”
บุษบากรลุกขึ้นยืน ถลึงตาใส่ลิปปินส์ พูดว่า”อย่ามาทำเป็น กินองุ่นไม่ได้ก็บอกว่าองุ่นเปรี้ยว พวกเขาทำไมจะเป็นสมาชิก ที่นี่ไม่ได้ ถ้าคุณไม่อยากไป ฉันไปเอง”
พูดจบ บุษบากรก็เดินไปทางอารียา
ลิปปินส์แม้จะไม่อยากรับความจริงข้อนี้ แต่ว่าก็ยังเดินตาม บุษบากรไป
“แคลร์ ทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่แรกว่ารพีพงษ์มีบัตรสมาชิก ของที่นี่ เมื่อครู่ที่ฉันนั่งอยู่ตรงหัวมุมนั่นมันเป็นมุมที่แย่มาก เลย”บุษบากรโอดครวญ
“ฉันเองก็ไม่รู้ เมื่อครู่รพีเพิ่งจะบอกฉัน” อารียาเอ่ยพลางยิ้ม ลิปปินส์สีหน้าอึดอัด เขาไม่คิดว่า การที่เขาได้ที่นั่งที่นี่สอง ที่ ถือว่าเป็นเรื่องที่เก่งกาจมากแล้ว
“พวกเราขึ้นไปด้วยกันเถอะ พวกเขาจองที่ที่ดีที่สุดไว้ให้ผม แล้ว มองเห็นวิวข้างๆพอดี”รพีพงษ์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ลิปปินส์มองรพีพงษ์ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน สงสัยในใจ บัตร สมาชิกของรพีพงษ์ยืมของเพื่อนเขามาด้วยหรือเปล่า
แม้จะให้เขาเชื่อว่าเศษสวะคนหนึ่งสามารถทำบัตรสมาชิก ของที่นี่ได้ จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก
รออีกสักครู่ เขาต้องถามให้รู้เรื่อง ลิปปินส์บ่นในใจ
ทั้งสี่คนขึ้นไปชั้นบน พนักงานนำพวกเขาไปที่โต๊ะตรง หน้าต่างกระจกบานใหญ่ เป็นที่ที่มีบรรยากาศหรูหราผ่อน
คลาย
ทั้งสี่นั่งลงที่ข้างหน้าต่างกระจก มองไปด้านข้าง มองเห็นวิว ทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบใจกลางดงเย็น รวมถึงแสง ดาวระยิบระยับอยู่ไกลๆ
เมื่อได้มานั่งที่ตรงนี้ อารียารู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกของ ตนเองนั้นผ่อนคลายสบายมาก เธอเข้าใจแล้วว่า ทำไม คนรวยถึงยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อที่จะมานั่งดื่มกาแฟที่นี่
ที่นี่ยิ่งดีแค่ไหน บุษบากรก็ยิ่งอิจฉาอารียายิ่งขึ้นเท่านั้น
หล่อนรู้ว่าสามีของเพื่อนสนิท หล่อนไม่ควรจะมีความคิด แบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งหล่อนบังคับตัวเองไม่ให้คิดเท่าไหร่ ในใจหล่อนกลับยิ่งคิดมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งรู้สึกโหยหารพีพงษ์ อย่างรุนแรง
หลังจากที่ลิปปินส์นั่งลงแล้ว ก็จ้องรพีพงษ์เขม็ง พร้อมถาม ว่า”คุณรพีพงษ์ บัตรสมาชิกของที่นี่ คุณทำเองเหรอ”
“ไม่ใช่” รพีพงษ์ตอบ
บัตรสมาชิกใบนี้ผู้จัดการฝ่ายขายมอบให้เขา ไม่ใช่เขาเป็น คนทำเองจริงๆ
ลิปปินส์ได้ยินรพีพงษ์เอ่ยอย่างนั้น สีหน้าก็ดีขึ้นมาบ้าง เขา
คิดไว้แล้ว นี่ต้องไม่ใช่บัตรของรพีพงษ์แน่นอน
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น ได้ยินว่าถ้าจะทำบัตรสมาชิกของที่นี่ ได้ ต้องซื้อห้องหรือคฤหาสน์ที่ดงเย็นก่อน หากเดาไม่ผิด บัตรสมาชิกใบนี้คุณคงยืมเพื่อนมา ลิปปินส์พูด
รพีพงษ์พยักหน้า ขี้เกียจจะโต้เถียงอะไร
เห็นรพีพงษ์ยอมรับ สีหน้าของลิปปินส์ก็ผ่อนคลายลงทันทีในความทรงจำของเขารพีพงษ์ก็คือเศษสวะคนหนึ่ง สิ่งของ เหล่านี้ไม่ใช่ของเขา นี่คือสิ่งที่ตรงกับความคิดเขา
หากบัตรสมาชิกเป็นของรพีพงษ์จริง เขาก็ยังไม่มีทางรับ ได้จริงๆ
“ดื่มกาแฟของคุณไปสิ ถามอะไรเยอะแยะ”บุษบากรพูดกับ ลิปปินส์
ลิปปินส์ยิ้ม เอ่ยว่า “มาๆๆ สั่งกาแฟ ในเมื่อรพีพงษ์ใช้บัตร ของเพื่อนเขาพาพวกเราเข้ามาที่นี่แล้ว อย่างนั้นวันนี้ผมจะ เลี้ยงกาแฟเอง”
“ไม่ต้อง คุณจ่ายของพวกคุณสองคนก็พอ ของผมกับอารี ยา เดี่ยวผมจัดการเอง”รพีพงษ์พูด
เขาได้สนิทสนมอะไรกับลิปปินส์ ไม่จำเป็นต้องให้เขามา เลี้ยงตนเอง และบุษบากร ในสายตาของรพีพงษ์ ความจริงก็ ไม่ต่างอะไรกับลิปปินส์
ลิปปินส์เห็นรพีพงษ์ปฏิเสธ ก็ไม่ได้พูดอะไร ดูกาแฟในเมนู
กับบุษบากร
หลังจากเห็นราคาที่อยู่บนเมนูแล้ว ใจของลิปปินส์ก็เต้น ตุ้มๆ ต่อมๆ คิดว่ายังโชคดีที่รพีพงษ์พูดว่าไม่ต้องจ่ายให้เขา ไม่อย่างนั้นวันนี้ต่อให้ตนเอาทรัพย์สินทั้งหมดที่มีมา ก็คงจะ
เลี้ยงพวกเขาสี่คนไม่ไหว “แคลร์ ลองดูสิว่าคุณอยากดื่มอะไร”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม
อารียาหยิบเมนูไปดู จ้องมองกาแฟด้านบน ก็แอบตกใจ ราคาของกาแฟด้านบนนี้ เท่ากับเงินเดือนของเธอครึ่งเดือน เลยทีเดียว
ที่แท้ต้องเป็นคนรวยเท่านั้นที่จะสามารถได้ลิ้มลองความ หรูหรานี้ได้
รพีพงษ์เห็นท่าทางของอารียา ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “สั่งเถอะ กาแฟแค่แก้วเดียว ผมเลี้ยงคุณไหว”
อารียาพยักหน้า สุดท้ายก็สั่งเมนูพิเศษของที่นี่Blue Love เป็นกาแฟชื่อเดียวกันกับชื่อร้าน
ลิปปินส์และบุษบากรเองก็สั่งแบบเดียวกัน เมื่อเทียบกับ กาแฟอื่นแล้ว เมนูนี้ถือว่าราคาค่อนข้างสูงกว่าเมนูอื่นๆ
“คุณผู้ชายครับ ไม่ทราบว่าคุณจะรับอะไรดีครับ” พนักงาน มองไปยังรพีพงษ์
“ผมขอน้ำเปล่าแก้วเดียวพอแล้ว”รพีพงษ์ตอบ
เขาไม่ได้ชอบดื่มกาแฟเท่าไหร่นัก น้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มที่ เขาชอบมากที่สุด
ลิปปินส์เห็นรพีพงษ์สั่งแค่น้ำเปล่าแก้วเดียว ในใจก็เยาะ เย้ยขึ้นมาทันที เขาคิดว่ารพีพงษ์เห็นราคาของกาแฟพวกนี้ แล้ว ก็เลยไม่กล้าสั่ง
อารียาสั่งไปแก้วเดียวก็แพงมากแล้ว ดังนั้นเขาจึงสั่งแค่น้ำ
เปล่าแก้วเดียว
“ที่แท้ที่ข้างนอกเขาพูดกันนั้นก็ไม่ผิด มาที่นี่ดื่มน้ำเปล่า นอกจากคนอย่างคุณแล้ว ก็คงจะไม่มีคนอื่นอีกแล้ว”ลิปปินส์ บ่นพึมพำในใจ
ทั้งสี่คนดื่มกาแฟพลางพูดคุยกันไปพลาง อารียาและบุษบา กรพูดคุยกันอย่างถูกคอลิปปินส์ถามรพีพงษ์สองสามคำถามที่มีแต่การดูถูกเหยียดหยาม รพีพงษ์ก็ตอบแบบขอไปที
ไม่นาน ก็ดื่มกาแฟจนหมด อารียารู้สึกเริ่มเหนื่อยแล้ว รพี พงษ์พาเธอออกจากดงเย็น ขับรถกลับบ้านนอน
หลังจากที่รพีพงษ์ไปแล้วไม่นานลิปปินส์ ก็จ่ายค่ากาแฟ อย่างปวดใจ จากนั้นก็ลงไปพร้อมกับบุษบากร
ตอนนี้เองบุษบากรก็หันไปมองลิปปินส์ แล้วพูดว่า”ฉันว่า พวกเราไม่เหมาะสมกัน คุณแย่กว่ารพีพงษ์มาก ต่อไปไม่ต้อง ติดต่อกันอีกแล้ว”
ลิปปินส์ตกตะลึง พูดขึ้นว่า”ไอ้รพีพงษ์นั่นมันก็แค่เศษสวะ คนหนึ่ง บัตรผ่านประตูบัตรสมาชิกมันก็ยืมเพื่อนมาทั้งนั้น”
“แล้วยังไงคุณก็ยืมเพื่อนคุณมาได้เหมือนเขาหรือเปล่า เล่า”บุษบากรย้อนถาม
ลิปปินส์ตกตะลึง เขาไม่เคยคิดถึงข้อนี้เลยจริงๆ
บุษบากรกลอกตาใส่เขา หมุนตัวเดินจากไป
ลิปปินส์จะตามไป ตอนนี้เองเพื่อนคนนั้นของเขาก็เดินมา ยิ้มแล้วพูดว่า”ถ้ามีเวลาแนะนำเพื่อนคนที่เป็นสมาชิกคนนั้น ให้ฉันรู้จักหน่อย คนที่ยอดเยี่ยมขนาดนั้น ต้องประจบเอาใจ เสียหน่อย”
ลิปปินส์เบ้ปาก พูดว่า”สมาชิกบ้าบออะไร บัตรใบนั้นมันยืม คนอื่นมา”
พนักงานตกตะลึง รีบพูดว่า”ไม่มีทาง บัตรสมาชิกของพวก เราต้องมีรูปเจ้าของบัตรอยู่ด้วย เมื่อครู่ฉันดูอย่างละเอียด แล้ว บัตรใบนั้นไม่มีทางเป็นของคนอื่นหรอก”
ร่างของลิปปินส์แข็งเกร็งเหมือนถูกฟ้าผ่า บ่นพึมพำ ว่า”เขา….เขาบอกว่ายืมมา เพราะไม่อยากพูดกับฉันให้มาก ความเหรอ”