พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1022 ความจริงฉันคือเจ้าสำนักคุณเชื่อมั้ย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1022 ความจริงฉันคือเจ้าสำนักคุณเชื่อมั้ย
บทที่1022 ความจริงฉันคือเจ้าสำนักคุณเชื่อมั้ย
ณีรนุชมายังทางเดินด้านในของผับพร้อมกับรพีพงษ์ ไม่ไกลจากพวกเขาคือห้องน้ำ
ณีรนุชมองรพีพงษ์อย่างแปลกใจ แล้วถาม “มาที่นี่ทำไม? ที่นี่มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรอ?”
สายตาของรพีพงษ์มองไปที่ห้องน้ำ แล้วกล่าว “สิ่งที่ไม่ชอบมาพากลอยู่ในห้องน้ำ”
ณีรนุชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ คิดว่ารพีพงษ์ตั้งใจหยอกล้อเธอ ล้อเล่นกับเธอ จึงได้กล่าวอย่างโมโหว่า “นี่ ทำไมคุณน่ารังเกียจขนาดนี้ เรื่องนี้มันผ่านไปไม่ได้ใช่มั้ย? หรือคุณอยากจะพาฉันเข้าไปในห้องน้ำ?”
รพีพงษ์เห็นปฏิกิริยาของณีรนุช ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แล้วอธิบายว่า “ผมไม่ได้ล้อเล่น ในห้องน้ำมีเรื่องไม่ชอบมาพากลจริงๆ”
“งั้นคุณพูดมา ด้านในมีอะไร?” ณีรนุชยังคงไม่เชื่อคำพูดของรพีพงษ์อยู่ดี
“เมื่อกี้มีคนพาผู้หญิงคนหนุ่งเข้าไป” รพีพงษ์ตอบกลับ
หลังจากที่ณีรนุชได้ยินแล้วนั้น ก็หน้าแดงสักแป๊ป ถ้าเขาพูดแบบนี้ กำลังส่งสัญญาณอะไรให้เธออยู่หรือเปล่า?
ทุเรศจริงๆ ตอนนั้นที่ฉันจะเข้าห้องน้ำกับคุณ ให้ตายยังไงคุณก็ไม่ยอม ตอนนี้ส่งสัญญาณให้ฉัน ทุเรศจริง
“คุณพูดเรื่องนี้กับฉันทำไม คุณจะพาฉันเข้าไปหรือไง?” ณีรนุชกล่าว
สีหน้าตอนนี้ของรพีพงษ์เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วกล่าว “ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง คุณรอผมที่นี่ ผมเข้าไปเอง”
พูดจบ รพีพงษ์ก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ
ณีรนุชมึนงง คิดในใจว่าเขาเข้าไปก่อนแล้วไง เค้าหญิงชายเข้าพร้อมกัน จะทำอะไรก็รู้ๆอยู่ เขาเข้าไปก่อน เพื่อดูอะไรมากกว่าเธองั้นหรือ?
ในห้องน้ำขณะนี้ ในห้องห้องหนึ่ง
ชายคนหนึ่งที่หล่อเหลา คิ้วเข้มกำลังกดสาวสวย ไว้ข้างๆกำแพง เหมือนกำลังจะทำอะไร
สาวคนนั้นเขินอาย แต่ไม่ต่อต้านใดๆ ราวกับรอคอยให้ชายคนนั้นทำอะไรกับเธออย่างไรอย่างนั้น
ผู้ชายไซร้เข้าไปที่คอของผู้หญิง ผู้หญิงหลับตาลง เธอไม่ทันได้สังเกต ว่าในมือของชายคนนั้น มีแสงสีม่วงประกายอยู่
เขาเอามือที่มีประกายแสงไปแตะที่หน้าผากของผู้หญิง ในขณะที่มือใกล้จะแตะที่หน้าผากของสาวคนนั้น ประตูของห้องก็ถูกเตะออก
หญิงสาวตกใจจนรีบลืมตาขึ้นมา
ฝ่ายชายก็ขมวดคิ้ว มองไปที่ห้านหลังของตน
รพีพงษ์ยืนอยู่ที่ประตูห้อง กำลังมองไปที่พวกเขาทั้งสองอย่างนิ่งสงบ
เมื่อกี้พลังจิตของเขารับรู้ได้ถึงพลังของชายคนนี้ มั่นใจ ว่าคนนี้น่าจะเป็นจารุเดช!
“บ้าหรือไง! แกไม่เห็นหรอว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่?” หญิงคนนั้นตะคอกรพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่สนใจหญิงคนนั้น แต่ถามไปที่ฝ่ายชายว่า “แกคือจารุเดชใช่มั้ย?”
จารุเดชหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเรียกชื่อเขาออกมาโดยตรงที่นี่ แว็บเดียว เขาก็รับรู้ได้ว่ารพีพงษ์ไม่ธรรมดา
“แกเป็นใคร?” จารุเดชจ้องรพีพงษ์แล้วถาม
“กลุ่มสิงโต” รพีพงษ์ตอบกลับอย่างสงบ
สายตาของจารุเดชโหดเหี้ยมขึ้น ไม่คิดว่าวัยรุ่นคิดนี้ จะเป็นคนของกลุ่มสิงโต
“ไม่คิดว่าพวกแกจะหาฉันเจอเร็วขนาดนี้ แต่แกคนเดียว จะมาต่อสู้กับฉัน ยาก!”
จารุเดชตะคอกใส่รพีพงษ์ แล้วตบไปที่ตัวของรพีพงษ์ กลลวงตาฝ่ามือสีม่วงปรากฏขึ้น ใหญ่กว่ารพีพงษ์เสียอีก
หลังจากที่เขาปล่อยพลังนี้ออกมา ก็ไม่ลังเลใดๆ ขยับตัว แล้วหายไปจากห้องน้ำทันใด
แม้เขาจะมั่นใจมากว่าฉาดเดียวก็ตบรพีพงษ์ให้ตายได้แล้ว แต่คนของกลุ่มสิงโตได้มาหาถึงที่แล้ว แสดงว่าบริเวณนี้จะต้องมียอดฝีมือที่ฝีมือใกล้เคียงกับเขาอยู่เป็นแน่ ไม่มีทางมีแค่รพีพงษ์เพียงคนเดียว
ดังนั้นเขาต้องรีบออกจากที่นี่ มิเช่นนั้นถ้ายอดฝีมือของกลุ่มสิงโตปิดล้อมไว้ เขาจะยุ่งยากเอา
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ หลังจากที่กลลวงตาในมือเขาปรากฏต่อหน้ารพีพงษ์แล้ว รพีพงษ์แค่ปัดมือ กลลวงตาก็หายไปได้
จากนั้นเขาก็ลอยออกจากห้องน้ำตามไปอย่างเร็วเช่นกัน
จากการจู่โจมเมื่อกี้ รพีพงษ์มั่นใจแล้ว ว่าฝีมือของจารุเดช น่าจะเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด
สามารถเป็นรางวัลนำจับอันดับสองได้นั้น ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
หญิงคนนั้นที่ตั้งหน้าตั้งตารออยู่ในห้องน้ำยังคงมึนงง ยังไม่รู้สึกตัวอยู่นานแสนนาน
หลังจากที่รพีพงษ์ออกจากห้องน้ำไปแล้ว มาอยู่ด้านหน้าของณีรนุช ขณะนี้ณีรนุชยังคงลังเลว่าจะเข้าห้องน้ำไปกับรพีพงษ์แล้วทำเรื่องอย่างนั้นดีมั้ย
จากนั้นรู้สึกว่ามีลมพัดไป ร่างหนึ่งผ่านหน้าเธอไป จากนั้นรพีพงษ์ก็ปรากฏต่อหน้าของเธอ
“เมื่อกี้คือจารุเดช ตอนนี้ผมจะตามมันไป คุณรีบไปบอกท่านปู่ทวดของคุณนะ!”
รพีพงษ์บอกไป จากนั้นก็ไล่ตามจารุเดชต่อไป
ณีรนุชประหลาดใจ ตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ารพีพงษ์ไม่ได้ล้อเล่นกับเธอ ที่แท้คนในห้องน้ำ คือจารุเดช!
หลังจากที่รู้สึกตัวแล้ว ณีรนุชไม่สงสัยใดๆ รีบวิ่งออกไปนอกผับ บอกกับนิรภัฏ
จารุเดชออกจากผับอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หนีไปที่ถนนอย่างบ้าคลั่ง ด้วยฝีมือของแดนดั่งเทพชั้นยอด ความเร็วในการหนีแม้แต่รถยังตามไม่ทัน
รพีพงษ์ตามหลังเขาไป ตามอย่างไม่หยุด ไม่ผ่อนความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย
จารุเดชรู้สึกว่ามีคนกำลังตามหลังเขาอยู่ ก็รู้สึกประหลาดใจ
เขาไม่คิดว่าการโจมตีของเขาเมื่อกี้ไม่สามารถฆ่าคนนั้นได้ แล้วความเร็วของคนนี้ก็ไม่แพ้เขาเลย เขาอยู่มานานขนาดนี้ เพิ่งเคยเจอกับเหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรก
ผ่านไปไม่นาน ทั้งคู่ก็ไปถึงชานเมืองของเมืองเมฆา ที่นี่ไร้ซึ่งผู้คน จารุเดชเห็นรพีพงษ์ไล่ตามไม่หยุด ก็ได้หยุดลง
เขาหันไป ดูรพีพงษ์ที่หยุดอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง แล้วกล่าว “คิดไม่ถึงแกเด็กน้อย จะมีความเร็วขนาดนี้ ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ แกน่าจะเป็นอัจฉริยะขั้นสูงสุดที่กลุ่มสิงโตฝึกฝนไว้สินะ?”
“พวกมันให้แกมาไล่ฉัน ไม่กลัวว่าแกจะตายด้วยน้ำมือของฉันหรือไง?” จารุเดชพูดพลาง เก๊กท่าพลาง
รพีพงษ์นึกถึงคนที่อยู่ด้านหน้าตัวเองดูเหมือนอายุจะไม่ต่างจากตัวเองมากแท้ที่จริงแล้วอายุปาเข้าไปร้อยกว่าปีแล้ว และคนที่มีอายุมากขนาดนี้ ยังเก๊กท่าทางอีก ก็รู้สึกขยะแขยงออกมา
“ความจริงฉันคือเจ้าสำนักของกลุ่มสิงโต แกเชื่อมั้ย?”
รพีพงษ์พูดกับจารุเดช ใช้พลังจิตสังเกตการณ์เขา
เขาพบว่าจารุเดชไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับการที่ตนใช้พลังจิตกับเขา เลยเดาว่าจารุเดชน่าจะไม่มีจิตวิญญาณเทพตื่นภวังค์ และไม่มีแม้กระทั่งพลังจิต
แต่คิดๆก็ถูก บนโลกนี้ จะผู้ที่มีจิตวิญญาณเทพถึงน้อยมาก แม้จะเป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด ในด้านจิตวิญญาณเทพไม่มีใครทำได้ก้ถือว่าปกติ
ไม่ใช่ใครจะโชคดีเหมือนรพีพงษ์
หลังจากที่จารุเดชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมา แล้วตะคอก “ไอ้เด็กผี ฉันดูโง่มากเลยหรือไง?”
รพีพงษ์ยักไหล่อย่างเซ็ง แล้วกล่าว “ถ้าแกไม่เชื่อ ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้”