พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1024 แกรู้ได้ไงว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1024 แกรู้ได้ไงว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก
บทที่1024 แกรู้ได้ไงว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก
ณีรนุชได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็เกิดความไม่พอใจขึ้น แล้วกล่าว “คุณพูดมั่วอะไร ฝีมือของท่านปู่ทวดฉันเก่งกาจ จะต้านทานไม่ไหวได้ยังไงกัน!”
รพีพงษ์ไม่ตอบณีรนุช แต่จ้องไปที่นิรภัฏและจารุเดชอย่างที่กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างไม่ละสายตา
ฝีมือของนิรภัฏไม่มีปัญหาจริงๆ และตอนปล่อยพลังก็ยังมั่นคงอีกด้วย แต่จารุเดชที่เขาต่อสู้ด้วยไม่ปกติแล้ว
พลังจิตของรพีพงษ์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของจารุเดช พลังของเขาเริ่มเพิ่มขึ้นๆอย่างไม่รู้ตัว
และพลังจิตได้สังเกตอย่างถี่ถ้วน รพีพงษ์เห็นว่าผิวหนังบนใบหน้าของจารุเดชเริ่มแก่ลง แว็บเดียว ก็เริ่มเห็นริ้วรอยเกิดขึ้นมา
เขาเดาว่านี่น่าจะเป็นเพราะวิชามนต์ดำที่จารุเดชฝึกฝนมาทั้งหมดส่งผล เขาส่งวิธีนี้ ให้พลังของตัวเองแข็งแกร่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น
ดูออกชัดเจน ว่านิรภัฏไม่ได้สังเกตการเปลี่ยนแปลงแบบนี้ของจารุเดช
รพีพงษ์รับรู้ได้ ถ้าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของจารุเดชสำเร็จ พลังของเขาจะต้องมากกว่านิรภัฏอย่างมากโดยรวดเร็ว ถึงตอนนั้นนิรภัฏก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป
เขาเพิ่งจะเห็นปัญหานี้ได้ไม่นาน จารุเดชที่เดิมทีค่อยๆเพิ่มพลัง ทันใดนั้นก็ระเบิดพลังออกมา พลังทั้งหมดที่อยู่ในตัวก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ในขณะเดียวกันนี้ ลักษณะของจารุเดชก็ดูแก่ลงทันทีประมาณยี่สิบกว่าปี ถ้าเป็นเมื่อก่อนจารุเดชดูเหมือนเป็นวัยรุ่นราวยี่สิบกว่าปี แต่เขาในตอนนี้เหมือนกับวัยกลางคนที่อายุสี่สิบกว่าปี
ดูออกชัดเจนว่านิรภัฏไม่ได้นึกถึงการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ตอนที่พลังของจารุเดชระเบิดออกมานั้น เขาตกใจ จารุเดชเพิ่มพลังในการโจมตีขึ้นทันที
แม้จะต้านทานได้ แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เลยทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นเล็กน้อย
เขาถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องไปที่จารุเดชที่อยู่ข้างหน้าตัวเองอย่างไม่ละสายตา แล้วกล่าว “แกฝึกพลังหยินหยาง สำเร็จแล้ว?”
จารุเดชดูแคลน แล้วกล่าว “พูดให้มันดีๆหน่อย วิชาอายุวัฒนะลี้ลับไร้ที่ติของฉัน ทำไมพอแกเรียก ถึงได้เปลี่ยนเป็นเหลือเดนขนาดนี้!”
นิรภัฏดูแคลน แล้วกล่าว “ลี้ลับเชี้ยไร ก็แค่พวกมนต์ดำแค่นั้น!”
จารุเดชลับตาแล้วจ้องไปที่นิรภัฏ กล่าว “แล้วแต่แกจะเรียกว่าไง แต่ฉันฝึกวิชาอายุวัฒนะสำเร็จแล้ว ตอนนี้ฉันสามารถปล่อยพลังที่ฉันได้ฝึกฝนมานับเป็นร้อยๆปีได้แล้ว”
“ก่อนหน้านี้ฝีมือแกใกล้เคียงกับฉัน แต่ตอนนี้ฉันได้ปลดปล่อยฝีมือ แม้ภายนอกของฉันจะแก่ลงไปยี่สิบปี แต่เพื่อฆ่าแก ก็คุ้มอยู่นะ”
“ถ้าฆ่าแกเสร็จแล้ว มากสุดฉันก็แค่ไปหาหญิงงาม ใช้ความสวยของพวกเขาฟื้นฟูกลับมาก็ได้แล้ว”
“ไอ้แก่วิปริต วาดฝันเสียดิบดี! แกคิดว่าฉันจะให้โอกาสนั้นกับแกหรือไง!”
แม้นิรภัฏจะพูดแบบนี้ แต่ในใจเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว จารุเดชใช้ฝีมือยี่สิบปี ก็พอที่จะทำให้เขาได้เปรียบมากแล้ว
แล้วไอ้นี่ยังสะสมฝีมือมาเป็นเวลาร้อยๆปี ถ้าปล่อยมันออกมาทั้งหมด นิรภัฏไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน
จารุเดชเห็นสีหน้าของนิรภัฏ ก็ดูแคลนออกมา แล้วกล่าว “ฉันล่ะอยากจะรู้ ว่าแกกล้าดียังไงที่พูดประโยคนี้ออกมา!”
พูดจบ เขาก็พุ่งไปหานิรภัฏอย่างเร็ว
นิรภัฏกัดฟัน จนกระทั่งตอนนี้ ทำได้เพียงสู้ชนฝาเท่านั้น
สถานการณ์การต่อสู้ของทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนไป จากเมื่อกี้ที่สูสีกัน กลายเป็นจารุเดชได้เปรียบ
นิรภัฏในสายตาของจารุเดช เริ่มเหน็ดเหนื่อยขึ้นแล้ว
ณีรนุชเห็นนิรภัฏเสียเปรียบ ก็เริ่มร้อนรนขึ้นมา คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดถูก
เธอหันไปมองรพีพงษ์ แล้วกล่าวอย่างโมโหว่า “โทษคุณนั่นแหละ ปากเสีย ท่านปู่ทวดจะเสียเปรียบมันได้ไงกัน!”
รพีพงษ์ไม่หันไป แล้วกล่าวออกมาโดยตรงว่า “ไม่ต้องเป็นกังวล ถ้าเขาเอาไม่อยู่ เดี๋ยวผมจะจัดการเอง”
ณีรนุชไม่สนใจคำพูดของรพีพงษ์ แต่กลับรู้สึกว่ารพีพงษ์พูดเกินจริงไป
“คุณลงมือแล้วไง! แม้แต่ท่านปู่ทวดยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย คุณไปก็ไปรนหาที่ตาย ถึงตอนนั้นพวกเราหนีไม่ได้แล้ว!” ณีรนุชกล่าว
รพีพงษ์ไม่ตอบณีรนุช เพียงสังเกตการณ์ต่อสู้ของทั้งสองอย่างนิ่งๆ
ผ่านไปไม่นาน พลังของนิรภัฏเริ่มเอาไม่อยู่ เขาเริ่มตกอยู่ในสภาวะคับขัน จุดอ่อนเริ่มมากขึ้น
สุดท้าย หลังจากที่นิรภัฏต้านการโจมตีของจารุเดชอยู่นั้น ก็เกิดข้อผิดพลาดขึ้น จารุเดชฉวยโอกาสนี้ ตบไปที่หน้าอกของนิรภัฏ
นิรภัฏกระอักเลือดออกมา แล้วร่างก็ลอยไปด้านหลัง
เขาใช้กำลังภายในของตัวเองพยุงร่างกายขึ้นยืนขึ้น จากนั้นก็หันไปหารพีพงษ์ แล้วตะโกน “แกรีบพานุชหนีไปจากที่นี่! ไปหาธัชธรรม ให้เขาพาคนมาจัดการจารุเดช!”
ณีรนุชร้อนรน แล้วตะโกน “ท่านปู่ทวด รีบหนีเร็ว ไม่ต้องสนใจหนู!”
นิรภัฏยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ แล้วกล่าว “ฉันน่าจะหนีไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ ฉันจะถ่วงเวลามันเอาไว้ แม้ฉันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแล้ว แต่มันจะทำอะไรพวกแกต่อหน้าฉันนั้น ไม่ง่ายนักหรอก!”
“พวกแกรีบไป ไม่ต้องสนใจฉัน มิเช่นนั้นถึงตอนนั้นพวกเราไม่มีใครหนีไปได้เลยนะ!”
รพีพงษ์ไม่ทำตามนิรภัฏ แต่เดินไปที่จารุเดช
ณีรนุชเห็นรพีพงษ์ไปหาจารุเดชเอง ก็หน้าถอดสี แล้วตะโกน “รพีพงษ์ คุณจะทำอะไร! คุณรีบกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
นิรภัฏก็ไม่คิดว่ารพีพงษ์ไม่เพียงแค่ไม่พาณีรนุชหนี แต่ยังเดินมาที่พวกเขาอีก
“เด็กน้อย แกจะทำอะไร! ฉันให้แกพานุชหนีไป! แกไม่ได้ยินหรือไง!” นิรภัฏตะโกนอย่างร้อนใจ
รพีพงษ์ยิ้มให้เขา แล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ไม่ต้องเป็นห่วง คุณบาดเจ็บแล้ว ไปพักข้างๆก่อนนะ ไอ้นี่ เดี๋ยวผมต่อสู้กับมันเอง!”
นิรภัฏได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ก็คิดไม่ถึง แล้วกล่าว “แกพูดมั่วอะไร! เมื่อกี้แกไม่เห็นหรอว่าฝีมือมันน่ากลัวขนาดไหน?”
“แม้แต่ฉันยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แล้วแกจะสู้ยังไง? แกมาก็มีแต่รนหาที่ตาย!”
จารุเดชมองไปที่รพีพงษ์อย่างมีเลศนัย แล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่าแกก็เป็นคนที่รนหาที่ตายเหมือนกันนะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็จะไม่เกรงใจแล้ว!”
พูดจบ จารุเดชก็ลงมือต่อรพีพงษ์
ในขณะเดียวกันนี้เอง รพีพงษ์ได้ปล่อยพลังของตัวเองออกมา แล้วกล่าวกับจารุเดชอย่างเยือกเย็นว่า “ยังไม่เริ่มต่อสู้ แล้วแกจะรู้ได้ไงว่าฉันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแก?”