พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1025 นี่เป็นพรสวรรค์ช่วยไม่ได้นะ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1025 นี่เป็นพรสวรรค์ช่วยไม่ได้นะ
บทที่1025 นี่เป็นพรสวรรค์ช่วยไม่ได้นะ
รับรู้ได้ถึงพลังยิ่งใหญ่ในตัวของรพีพงษ์ จารุเดชหลับตาลง ท่าทางเปลี่ยนไปทันที แล้วกล่าวอย่างตกใจว่า “แดนดั่งเทพชั้นยอด! เป็นไปได้ไงกัน”
นิรภัฏที่ล้มอยู่กับพื้นก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะมีพลังแบบนี้ ก่อนหน้านี้ เขานึกว่ารพีพงษ์ยังหยุดอยู่ที่แดนครึ่งดั่งเทพ ดังนั้นจึงเครียดมาก
แต่ตอนนี้ดูๆแล้ว ฝีมือของเด็กนี่ไม่ได้แย่ไปกว่าเขาเลย
“เด็กนี่มันทำได้ไงกัน? ก่อนหน้านี้ยังเป็นแดนครึ่งดั่งเทพอยู่เลยไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ก็เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว? ธัชธรรมหาของแปลกแบบนี้มาจากไหนเนี่ย? เด็กนี่มันคงไม่ได้กระโดดออกมาจากก้อนหินหรอกนะ?”
นิรภัฏตะลึง ช็อกกับฝีมือที่รพีพงษ์ปล่อยออกมา
เขากัดฟันยืนขึ้นจากพื้น แล้วรีบไปอยู่ข้างๆณีรนุช
ในเมื่อฝีมือของรพีพงษ์ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาคิดไว้ งั้นเขาก็ไม่ต้องร้อนใจอีกแล้ว
ณีรนุชไม่เข้าใจ เธอไม่สามารถที่จะแยกออกได้เลยว่าพลังที่รพีพงษ์ปล่อยออกมานั้นเป็นระดับไหนกันแน่ ทำได้เพียงเดาว่าฝีมือของเขาไม่ธรรมดาอย่างที่ตัวเองคิดอย่างแน่นอน
“ท่านปู่ทวด ทำไมท่านถึงไม่เรียกรพีพงษ์กลับมา เขาคนเดียวจะต่อสู้กับไอ้นั่นได้ไงกัน เขาไปรอหาที่ตายแท้ๆ” ณีรนุชยังคงร้อนรนอย่างมากเช่นเคย
นิรภัฏสงบนิ่ง แล้วกล่าว “ไม่ถึงกับรนหาที่ตายหรอก เด็กนี่มันชอบเซอร์ไพรส์คนอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ฝีมือของเขา ไม่ได้แย่ไปกว่าฉันเลย ถ้าจารุเดชจะฆ่าเขา ก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้น”
ผู้ที่เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดได้ แน่กันทุกคน ต่อให้จารุเดชใช้วิชาอายุวัฒนะ มากสุดก็แค่กดดันรพีพงษ์ แต่ไม่สามารถทำให้รพีพงษ์แพ้ได้
เมื่อกี้ที่เขาบาดเจ็บ เหตุผลหลักๆเลยก็คือเกิดขึ้นกะทันหัน เขาไม่คิดว่าจารุเดชฝีกวิชาอายุวัฒนะสำเร็จแล้ว จึงได้พลาดพลั้ง
หลังจากที่ณีรนุชได้ยินคำพูดของนิรภัฏแล้วก็ตะลึง ไม่ได้สงสัยว่าตัวเองพูดผิดแต่อย่างใด
“ท่านปู่ทวด เมื่อกี้ที่ท่านพูด ว่าฝีมือของรพีพงษ์ ไม่ด้อยไปกว่าท่าน?” เธอรีบถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
นิรภัฏพยักหน้า แล้วกล่าว “เด็กคนนี้ เป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยมามีในประวัติศาสตร์ วงการบู๊ในปัจจุบัน ไม่มีใครเก่งไปกว่าเขาได้แน่นอน”
ณีรนุชรู้สึกเพียงแค่ร่างกายของตัวเองแข็งทื่อไปหมด มองไปยังรพีพงษ์ที่อยู่ไม่ไกลอย่างคิดไม่ถึง เหม่อลอยอยู่นานแสนนาน
ฝีมือไม่ด้อยไปกว่านิรภัฏ นั่นก็หมายความว่าตอนนี้ฝีมือรพีพงษ์คือแดนดั่งเทพชั้นยอด!
แต่รพีพงษ์อายุเพียงยี่สิบกว่าปีเท่านั้น นี่มันคิดไม่ถึงจริงๆนะเนี่ย
ก่อนหน้านี้ ณีรนุชคิดมาตลอดว่าตัวเองอายุยี่สิบกว่าปีก็เป็นเน่ยจิ้ง ถือว่าเป็นคนเก่งที่ยอดเยี่ยมมากๆแล้ว
บวกกับเธอเป็นผู้หญิงด้วย ดังนั้นยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่
แต่ตอนนี้ความมั่นใจเหล่านั้นของเธอ ได้ถูกปีศาจอย่างรพีพงษ์ทำลายหมดแล้ว
รพีพงษ์ทำให้เธอรู้ว่าอะไรคืออัจฉริยะตัวจริง เมื่อเทียบกับรพีพงษ์แล้ว เธอไม่ได้เสี้ยวอะไรเลย
นิรภัฏเห็นปฏิกิริยาของณีรนุช ก็ปลอบประโลมว่า “แกก็อย่าใส่ใจอะไรมาก คนแบบเขา พันปีน่าจะมีสักคน เทียบกับคนแบบนี้ ก็มีแต่ทำให้ตัวเองหงอยเหงาลง”
ณีรนุชพยักหน้า แม้นิรภัฏจะปลอบเธอ แต่เมื่อฟังคำพูดนี้แล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีหนักเข้าไปอีก
รพีพงษ์ยืนอยู่ตรงหน้าของจารุเดช ในมือปรากฏดาบยาวที่ประกายออกมา ด้วยพลังมหาศาล ทำให้รอบๆตัวเขาเกิดลมกรรโชกขึ้นมา
จารุเดชกลับมามีสติหลังจากที่ช็อกกับฝีมือของรพีพงษ์ไป จากนั้นก็ดูแคลน แล้วกล่าว “คิดไม่ถึงว่ากลุ่มสิงโตจะมีอัจฉริยะอย่างแกอยู่ด้วย คิดไม่ถึงว่าอายุขนาดนี้ ก็เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว!”
“ฉันใช้เวลาเป็นร้อยปีเพิ่งได้แดนนี้มา น่าอิจฉาชะมัด!”
รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “อิจฉาก็ไร้ประโยชน์ นี่เป็นพรสวรรค์ ช่วยไม่ได้นะ”
จารุเดชได้ยินคำพูดกระแทกแดกดันของรพีพงษ์ ก็ดูแคลน กล่าว “โม้ให้มันน้อยๆหน่อย นิรภัฏมันก็แดนดั่งเทพชั้นยอด แต่ก็ยังบาดเจ็บด้วยน้ำมือของฉันอยู่ดี”
“พรสวรรค์ของแกมันล้ำ ถ้าเอามาใช้กับวิชาอายุวัฒนะของฉัน ต้องทำให้พลังของฉันเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ต้องขอบคุณแกมากจริงๆที่เซอร์ไพรส์ฉันแบบนี้”
รพีพงษ์บึนปาก ไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มไหลเวียนพลังวิเศษเสน พุ่งไปที่จารุเดช
“กลัวว่าแกจะรับไม่ได้นะสิ!”
พูดเพิ่งจบ รพีพงษ์ได้ฟันไปที่จารุเดช ภาพดาบอันใหญ่โตปรากฏขึ้น ฟันไปที่จารุเดช
จารุเดชก็ไม่เชื่องช้า รีบใช้ลำแสงสีม่วง ไปจับดาบนั่นไว้
แน่นอน เขาไม่ได้ใช้มือจริงๆไปรับไว้ ตอนที่เขายื่นมือไปนั้น มือที่ใหญ่มากปรากฏอยู่บนอากาศ แวบเดียวก็จับดาบนั้นไว้ จากนั้นก็ใช้แรง สลายหายไป
รพีพงษ์รับรู้ได้ถึงพลังของจารุเดช คิดในใจว่าวิชาอายุวัฒนะของไอ้แก่นี่ก็ใช้ได้อยู่นะ ความสามารถของแดนดั่งเทพชั้นยอด บอกว่าวิชาอายุวัฒนะยี่สิบปี รู้สึกเหมือนแดนเทพ
แน่นอน ตอนนั้นรพีพงษ์ได้แค่ต่อสู้กับแดนเทพจริงๆแล้ว ดังนั้นจึงไม่กลัวจารุเดช แล้วใช้ดาบฟันไปอีกครั้ง
“ท่าดาวฟ้า!”
จารุเดชเห็นพลังท่านี้ของรพีพงษ์ไม่ธรรมดา จึงได้ใช้ท่า มาต้านการโจมตีของรพีพงษ์ไว้
ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่นาน ต้นไม้ที่อยู่รอบๆก็โดนโค่นลง แต่ไม่กี่นาที ในรัศมีรอบๆร้อยกว่าเมตร ได้มีพลังทำลายล้างเกิดขึ้น ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้มาก่อนเห็นเข้า จะต้องคิดว่าที่นี่เกิดภัยพิบัติน่ากลัวอะไรขึ้นแน่นอน
“ท่าเชิญพระจันทร์!”
“ท่าธันเดอร์”
……
รพีพงษ์ได้ใช้ท่าที่เก่งกาจโจมตีไปที่จารุเดช
แต่เพราะวิชาอายุวัฒนะของจารุเดช ทำลายท่าของรพีพงษ์ได้อย่างง่ายดาย
แม้จะเป็นแบบนี้ จารุเดชก็ยังคงสงสัย โดยหลักแล้วเขาปล่อยวิชายี่สิบปี เผชิญหน้ากับแดนดั่งเทพชั้นยอด แม้ว่าจะไม่ได้เปรียบทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ต้องได้เปรียบบ้าง
แต่ต่อสู้กับรพีพงษ์ เขาไม่รู้สึกว่าได้เปรียบเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองกับเขาฝีมือไล่เลี่ยกัน
เขาถึงขั้นสงสัยว่าฝีมือของรพีพงษ์อยู่เหนือกว่าแดนดั่งเทพชั้นยอดอยู่มาก
ที่จารุเดชมีความรู้สึกนี้ ก็เพราะพลังวิเศษเสนที่รพีพงษ์ได้ฝึกฝนนั้น ทำให้การโจมตีของรพีพงษ์แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นจึงฝีมือพอๆกับจารุเดช
เห็นตัวเองทำอะไรรพีพงษ์ไม่ได้ จารุเดชก็เริ่มร้อนรน ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ถึงตอนนั้นใครแพ้ใครชนะ บอกไม่ได้เลย
กัดฟันสู้ จารุเดชเริ่มหวาดหวั่น หลังจากที่จ้องไปยังรพีพงษ์อย่างไม่ละสายตาแล้ว กล่าว “เด็กน้อย บีบฉันได้ขนาดนี้ คนแรกเลยนะ แต่นี่เป็นแค่วิชาอายุวัฒนะยี่สิบปีของฉันเท่านั้น ”
“ตอนนี้ฉันจะปล่อยพลังเป็นสี่สิบปี ดูว่าแกจะต่อกรยังไง!”
เมื่อพูดจบ พลังของจารุเดชก็ได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ตบไปหนึ่งฉาด ทำเอารพีพงษ์กระเด็นออกไป