พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1028 อยากโดนตบอีกฉาดหรือไง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1028 อยากโดนตบอีกฉาดหรือไง
บทที่1028 อยากโดนตบอีกฉาดหรือไง
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล
ตอนที่รพีพงษ์กลับมาถึงที่นี่ เป็นช่วงกลางคืนแล้ว ขณะนี้เขาดูอ่อนล้าเหลือเกิน สามารถเป็นลมได้ตลอดเวลา
เพียงแค่นึกถึงอารียาและหนูลินกำลังรอตนอยู่ที่โรงแรม ถ้าเขาหาที่พักก่อน การนอนครั้งนี้อย่างน้อยก็หนึ่งคืนหนึ่งวัน อารียาจะต้องร้อนใจแน่นอน ดังนั้นจึงต้องอดกลั้นรีบกลับไป
เขาเดินทางถึงประตูโรงแรม เพราะเรื่องก่อนหน้านี้พนักงานต้อนรับจึงจำรพีพงษ์ได้ เมื่อเห็นรพีพงษ์กลับมา ก็รีบเปิดประตูให้เขา แล้วยังทักทายอย่างยินดีปรีดาต่อเขาด้วย
ตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีอารมณ์สนใจคนอื่น รีบเดินเข้าไปในโรงแรม มาถึงห้องชุดของตัวเอง
หลังจากที่เปิดประตูแล้ว รพีพงษ์เห็นอารียาที่กำลังอุ้มหนูลินอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าที่เป็นกังวล ตัวเองเปิดประตูเข้ามา เธอก็รีบยืนขึ้น มองรพีพงษ์ที่กลับมา แล้วถามอย่างร้อนรนว่า “คุณไปทำอะไร ทำไมฉันโทรหาคุณไม่ติด?”
รพีพงษ์เดินไปด้านหน้าของอารียา แล้วกล่าว “ผมไปจัดการธุระบางอย่างมา ดังนั้นจึงกลับมาช้า ไว้เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังนะ”
“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก อาจจะนอนยาว ตอนที่ผมนอนคุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถ้าคุณมีปัญหาอะไร ให้หาผู้จัดการของโรงแรมนี้ เขาน่าจะช่วยคุณจัดการปัญหาส่วนใหญ่ได้”
อารียาได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ แล้วพยักหน้า เธอดูออกว่าตอนนี้รพีพงษ์อ่อนล้ามาก ไม่ใช่เวลาที่จะมาถามว่าเขาไปทำอะไรมา
แล้วเพียงแค่รพีพงษ์กลับมา ไม่เกิดอะไรขึ้น เธอก็สบายใจแล้ว
“คุณรีบไปนอนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา พวกเราอยู่ในโรงแรม ไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน” อารียากล่าว
รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็เดินไปที่ห้องนอน หัวถึงหมอนก็หลับไป
แม้ครั้งนี้ต่อสู้กับจารุเดช รพีพงษ์ไม่ได้ถูกบีบจนต้องใช้ท่าไม้ตายเหมือนครั้งที่แล้ว แต่เพราะหลังจากจบการต่อสู้แล้ว เขายังต้องรีบกลับมาที่โรงแรม ใช้พลังของตัวเองไปเยอะ ดังนั้นครั้งนี้เมื่อนาน ก็ปาไปสองวัน
สองวันผ่านไป รพีพงษ์ได้ตื่นขึ้นมาจากการสลบ เห็นอารียากำลังเล่นกับหนูลินข้างๆตน ยังยิ้มแล้วกล่าวว่า “หนูลิน ต่อไปเวลาหนูนอนห้ามนอนกรนแบบพ่อของหนูนะ ไม่งั้นจะโดนรังเกียจได้”
รพีพงษ์ยิ้ม แล้วกล่าว “ผมนอนกรนหรอ? ผมจำได้ว่าผมไม่ค่อยกรนนะ”
อารียาเห็นรพีพงษ์ตื่นนอน ก็ดีใจ แล้วกล่าว “ไม่กรนสิแปลก เสียงที่คุณกรนเทียบจะทำให้หนูลินตกใจแล้ว”
รพีพงษ์ลุกขึ้นนั่ง จ้องไปที่หนูลิน แล้วกล่าว “อาจจะเป็นเพราะผมเหนื่อยมากมั้ง”
พูดจบ เขาก็ยืนขึ้น ไปอาบน้ำ หลังจากที่เก็บของเสร็จแล้ว ก็มาหาอารียาและหนูลินอีกครั้ง
อารียาถามรพีพงษ์ว่าคืนนั้นไปทำอะไรมากันแน่ รพีพงษ์ไม่ปิดบัง บอกว่าตนไปจัดการผู้ร้ายที่ทำเรื่องเลวทรามไว้เยอะคนหนึ่ง เพราะต่อสู้ดุเดือด ดังนั้นจึงนอนยาวขนาดนี้
อารียารู้ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นจึงไม่สงสัยกับคำพูดใดๆของรพีพงษ์ เพียงแค่บอกว่ารพีพงษ์ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว
ในขณะที่รพีพงษ์กำลังนั่งเล่นอยู่กับอารียาและหนูลินอยู่นั้น เขาได้รับสายจากหนักงานของเทือกเขากิสนา
“นายน้อย คืนนี้เป็นวันนัดหมายพบปะกันระหว่างคุณกับไฟลกรุ๊ป สถานที่นัดหมายคือโรงแรมโอเรนจีเมืองเมฆา พวกเราได้จัดคนพาคุณไปแล้ว มิทราบว่านายน้อยสะดวกตอนไหนครับ? ”
ได้ยินคำพูดของพนักงานเทือกเขากิสนา รพีพงษ์เพิ่งจะนึกออกว่าตัวเองยังมีปัญหาเล็กน้อยต้องสะสาง
เขาบอกกับพนักงานของเทือกเขากิสนาว่าถึงเวลาแล้วเขาจะไปเอง พวกเขาเพียงแค่จัดคนไปรอตนเองที่โรงแรมโอเรนจีก็พอแล้ว
จากนั้นเขาก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้อารียาฟัง แล้วบอกว่านี่เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย ไม่ต้องเป็นห่วง เขาแค่ไปสั่งสอนชัยพัทธ์นั่นนิดหน่อยเท่านั้น
อารียาก็รู้ว่ารพีพงษ์จัดการเรื่องแบบนี้ได้อย่างราบรื่น ดังนั้นจึงไม่เป็นห่วงว่ารพีพงษ์จะมีปัญหาอะไร จึงไม่ได้ห้าม
อารียาและหนูลินทั้งสอง ไม่สะดวกที่จะไปด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นรพีพงษ์จึงให้คนของโรงแรมจัดอาหารมื้อค่ำที่มีคุณค่าทางโภชนาการให้กับสองแม่ลูกโดยเฉพาะ จากนั้นจึงออกจากโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลไป มุ่งหน้าไปที่โรงแรมโอเรนจี
โรงแรมโอเรนจีคือภัตตาคารที่ขึ้นชื่อของเมืองเมฆา ที่ที่นี่มีชื่อเสียง ไม่ใช่เพราะอาหารที่นี่อร่อย แต่เป็นเพราะเป็นที่ที่เจ้าของธุรกิจมีพบปะคุยเรื่องการค้ากัน
แค่เพียงมาคุยการค้าที่นี่ จึงจะถือว่าตัวเองมีหน้ามีตา ดังนั้นธุรกิจที่พอมีความสามารถอยู่บ้าง ต้องการจัดเลี้ยง ก็จะเลือกมาโรงแรมโอเรนจี
หลังจากที่รพีพงษ์มาถึงโรงแรมโอเรนจีแล้ว ก็ไปที่ห้องโถงก่อน เพราะเห็นในห้องโถงจัดวางวัตถุโบราณที่ล้ำค่าไว้ ดังนั้นจึงไปสอดส่องดู
แต่ไม่นาน รพีพงษ์ก็พบว่าวัตถุโบราณที่อยู่ที่นี่ส่วนใหญ่นั้นเป็นของปลอม มากสุดก็ใช้เป็นเครื่องประดับ
แน่นอน ว่าคนที่มาทานข้าวที่นี่มีไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจของพวกนี้ ทุกคนจึงไม่ใส่ใจกับมันสักเท่าไหร่
ในขณะที่รพีพงษ์กำลังจ้องมองวัตถุโบราณเหล่านั้นที่อยู่ในห้องโถงนั้น ชัยพัทธ์ได้พาคนมาจำนวนหนึ่งมาถึงโรงแรมโอเรนจี
ขณะนี้เขาแต่งตัวอย่างเป็นทางการ เพราะรู้ว่าคืนนี้จะได้เจอกับบุคคลสำคัญที่สามารถทำให้ไฟลกรุ๊ปของพวกเขาพัฒนาต่อไปได้ ดังนั้นเขาจึงไปซื้อชุดสูทที่มีราคามาโดยเฉพาะ
และคนที่ตามเขามาหลายคนนั้นคือการ์ดคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องของรพีพงษ์ครั้งที่แล้วทำให้เขารู้ว่าใช้เพียงตัวตนของเขาอาจจะโดนต่อยได้ ดังนั้นตอนนี้เวลาเขาออกไปไหนก็จะเรียกให้การ์ดไปด้วย
เขาเดินเข้าไปด้านในไม่กี่ก้าว ก็สังเกตเห็นรพีพงษ์ที่อยู่ในห้องโถงกำลังดูวัตถุโบราณอยู่
แม่ง เมื่อก่อนกุรออยู่หน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลสามวัน ยังไม่เจอ ไม่คิดว่าตอนนี้จะเจอเข้ากับไอ้เชี้ยนี่“
เขาลังเลอยู่สักพัก นึกว่าวันนี้แม้จะเป็นวันที่ได้เจอกับบุคคลสำคัญ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลากินข้าว บุคคลสำคัญท่านนั้นยังมาไม่ถึง เขาน่าจะยังพอมีเวลา
ที่สำคัญคือตอนนี้ข้างๆเขามีการ์ดที่แข็งแกร่งอยู่หลายคน พูดได้ว่าไม่เกรงกลัวรพีพงษ์แต่อย่างใด ดังนั้นจึงตัดสินใจจะจัดการกับรพีพงษ์ก่อน แล้วค่อยพบกับบุคคลสำคัญท่านนั้น
เขาดูแคลนออกมา จากนั้นก็เรียกการ์ดของตัวเองมา เดินเข้าไปหารพีพงษ์พร้อมกัน
“แม่งเอ้ย แอ๊บเก่งนะมึง กูรอมึงมาสามวัน สุดท้ายวันนี้ก็ได้เจอ ไง มึงเป็นคนทำความสะอาดที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลไม่ไหวแล้วล่ะสิ ถึงได้มาทำงานที่โรงแรมโอเรนจีแทน?” ชัยพัทธ์ดูแคลนรพีพงษ์
รพีพงษ์ได้ยินเสียงของชัยพัทธ์ หลังกลับไปดู หลังจากที่เห็นหน้าตาน่าถูกต่อยของชัยพัทธ์แล้วนั้น ก็รู้สึกแปลกใจ
ตอนแรกเขาคิดจะขึ้นไป ไม่คิดว่าจะได้เจอกับชัยพัทธ์ที่นี่
“ไง อยากโดนตบอีกหรอ?