พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1030 รอล้มละลายได้เลย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1030 รอล้มละลายได้เลย
บทที่1030 รอล้มละลายได้เลย
ณ ห้องรับรองหรูหราที่สุดในโรงแรมโอเรนจี
ขณะนี้ชนวิทกำลังมองไปยังชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในห้องคนหนึ่งอย่างเคารพ เดี๋ยวเติมชาให้เดี๋ยวใส่น้ำให้ ค่อนข้างกระตือรือร้น
ผู้ชายที่กำลังนั่งอยู่ในตอนนี้คือผู้รับผิดชอบของเทือกเขากิสนาแห่งเมืองเมฆา ชื่อธนพฤทธ์ เพราะรพีพงษ์บอกว่าจะมาเอง ดังนั้นเขาจึงมารอที่นี่
“คุณพฤทธ์ ไม่ทราบว่าเจ้านายของพวกคุณ จะถึงตอนไหนหรอ?” ชนวิทรออย่างร้อนรน ดังนั้นจึงได้ถามออกมา
ธนพฤทธ์จ้องไปที่เขา กล่าว “อีกสักแป๊ปก็น่าจะถึงแล้วล่ะ ทำไมหรอ รอไม่ไหวแล้ว?”
ชนวิทส่ายหน้า แล้วกล่าว “มิบังอาจมิบังอาจ ผมก็แค่เป็นห่วง ดังนั้นจึงได้ถามออกมา ผมพูดมากไป ไม่ว่าวันนี้เขาจะมาตอนไหน ผมก็ตั้งหน้าตั้งตารอได้ครับ”
คนที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้คือคนสำคัญของการขับเคลื่อนไฟลกรุ๊ป ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเชื่องช้า
ในขณะเดียวกันนี้เอง ประตูของห้องรับรองถูกเปิดออก ชนวิทรีบหันไปดู คิดว่าบุคคลสำคัญมาถึงแล้ว
แต่คนที่ผ่านเข้ามาในสายตาเขา เป็นคนที่หน้าบวมเป่งเป็นหัวหมู เขาขมวดคิ้วทันใด
“แกเป็นใคร ใครให้แกเข้ามา รู้มั้ยว่าที่นี่ที่ไหน?” ชนวิทพูดกับเขาอย่างไม่เกรงใจ
หัวหมูนั่นมองชนวิท แล้วกล่าว “พ่อ ผมเอง ผมลูกชายพ่อ พ่อจำผมไม่ได้แล้วหรอ?”
ชนวิทตาโต รีบสังเกตไปที่คนนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง พบว่าคล้ายคลึงกับลูกชายของตนจริงๆ
ธนพฤทธ์เห็นเหตุการณ์ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่าลูกชายของชนวิทชั่งอนาถเหลือเกิน ถูกต่อยจนแม้กระทั่งพ่อก็จำลักษณะตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ใครเป็นคนทำ
“ชัยพัทธ์? ทำไมแกเป็นแบบนี้?” ชนวิทได้ยินเสียงหัวเราะของธนพฤทธ์ก็รู้สึกอับอายขึ้นมา เดิมทีเขาคิดจะให้ลูกชายของเขาโชว์ฝีมือต่อหน้าบุคคลสำคัญ คิดไม่ถึงว่าชัยพัทธ์จะต้องออกงานด้วยลักษณะนี้
ชัยพัทธ์เสียใจ แล้วกล่าว “อย่าพูดถึงมันอีกเลย ผมเจอไอ้เชี้ยตัวหนึ่ง ถูกมันต่อยจนเป็นแบบเนี่ย ไอ้นั่นมันเก่งมาก การ์ดที่ผมซื้อตัวมายังสู้มันไม่ได้เลย ดีที่ผมหนีมาได้ ไม่งั้นวันนี้ผมต้องตายแน่ๆ”
ชนวิทตกใจ การ์ดพวกนั้นที่ชัยพัทธ์ซื้อตัวมาจากที่ไหนเขารู้ดี คิดไม่ถึงว่ารุมเข้าไปตั้งหลายคนยังต่อสู้กับคนนั้นที่ชัยพัทธ์พูดถึงยังไม่ได้ คนนั้นมันต้องเก่งขนาดไหนกันนะ?
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ ธนพฤทธ์กำลังนั่งอยู่ พูดมากก็มีแต่จะเป็นตัวตลก
เขาอะแห่มเบาๆ แล้วกล่าว “เรื่องของแกไว้ค่อยว่ากัน รอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนฉันจะหาวิธีสั่งสอนมัน”
ชัยพัทธ์เข้าใจความหมายของชนวิท แล้วพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่ธนพฤทธ์ที่กำลังนั่งอยู่ แล้วถาม “พ่อ ท่านนี้คือบุคคลสำคัญท่านนั้นที่ซื้อหุ้นจำนวนมากของบริษัทพวกเราหรอ?”
ชนวิทกล่าว “บุคคลสำคัญท่านนั้นยังมาไม่ถึง ท่านนี้คือผู้รับผิดชอบของบุคคลสำคัญท่านนั้นของเมืองเมฆานี่ รีบเรียกคุณอาพฤทธ์สิ”
“คุณอาพฤทธ์สวัสดีครับ วันนี้ทำให้คุณหัวเราะเยาะผมแล้ว” ชัยพัทธ์รีบกล่าว
ธนพฤทธ์พยักหน้าเบาๆเท่านั้น ไม่ได้พูดอะไร
ผ่านไปไม่นาน ประตูของห้องรับรองก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ผู้ที่เดินเข้ามาจากด้านนอก คือรพีพงษ์
ชนวิทยืนขึ้นอีกครั้ง ตั้งใจจะต้อนรับ คิดในใจว่าครั้งนี้ต้องเป็นบุคคลสำคัญท่านั้นแล้วแน่นอน
ตอนที่เห็นรพีพงษ์หน้าตาละอ่อนนั้น ก็ตะลึง ไม่คิดว่าคนที่ซื้อหุ้นมากมายขนาดนั้นของบริษัท จะวัยรุ้นได้ขนาดนี้ ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยๆเลยนะเนี่ย
เขาดีใจขึ้นมา อายุของบุคคลสำคัญนี้ ดูๆแล้วไม่ต่างจากลูกชายตัวเองสักเท่าไหร่ พวกเขาทั้งสองจะต้องพูดคุยกันได้อย่างถูกคอแน่นอน แค่นี้ก็ไม่ต้องเครียดแล้วว่าจะสร้างสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญนี้ยังไงดี
ในตอนที่เขากำลังจะทักทายรพีพงษ์นั้น ชัยพัทธ์ที่อยู่ข้างๆเขาร้องตกใจออกมา “มึงตามมาได้ไง! มึงมาวุ่นวายพวกกูใช่มั้ย?”
ชนวิทสงสัย หันไปถามชัยพัทธ์ ว่า “หมายความว่าไง แกรู้จักเขา?”
ชัยพัทธ์รีบอธิบาย “พ่อ ก็มันนั่นแหละที่ต่อยผมเป็นแบบนี้ มันตั้งใจมาหาผมแน่ๆ มันมาสร้างความวุ่นวาย!”
ชนวิทได้ยินคำพูดของชัยพัทธ์ ก็ตกใจ วันนี้อาหารมื้อนี้สำคัญต่อไฟลกรุ๊ปอย่างมาก ถ้าเพราะคนนี้ทำให้พังล่ะก็จบเห่แน่ๆ
เขาชักตาใส่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ฉันไม่สนว่าระหว่างแกกับลูกชายของฉันจะมีแค้นอะไรกัน ตอนนี้พวกเรามีเรื่องสำคัญอย่างมาก เรื่องของแกฉันค่อยจัดการทีหลัง หรุณาออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น แกจะเสียใจที่มาที่นี่”
ชัยพัทธ์ก็กล่าวตาม “เด็กน้อย มึงอย่าคิดว่ามึงจัดการพวกกูได้แล้วกูจะจัดการมึงไม่ได้ มึงจำไว้ให้ดีนะ ถ้ามึงทำลายงานของกู กูรับประกันได้ว่าชีวิตที่เหลือของมึงพังพินาศแน่!”
ธนพฤทธ์ที่นั่งอยู่ข้างๆมึนงง เขาไม่คิดว่าคนที่ต่อยชัยพัทธ์เป็นหัวหมูขนาดนี้ จะเป็นรพีพงษ์
รพีพงษ์ยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าว “พวกคุณแน่ใจว่าจะไล่ผมออกไป?”
“ผมจะบอกกับพวกคุณนะ ว่าวันนี้ผมก็มากินข้าวที่นี่เหมือนกัน”
ชัยพัทธ์เยาะเย้ยออกมา แล้วกล่าว “มึงหยุดโม้ได้ล่ะ คนทำความสะอาดอย่างมึง มีปัญญามากินข้าวที่นี่ด้วยหรอวะ? มึงตั้งใจมาหาเรื่องกูมากกว่า”
ชนวิทพูดตาม “แกรีบออกไป เดี๋ยวจะมีบุคคลสำคัญเข้ามา ถ้าแกชนกับท่านนั้น แกจะต้องตายอย่างอนาถแน่ๆ ตอนนี้ฉันให้แกไป ก็เพื่อตัวแกเอง”
รพีพงษ์หัวเราะเสียงดัง กล่าว “ในเมื่อพวกคุณพูดแบบนี้ งั้นผมก็จะไม่อยู่ที่นี่ต่อไปล่ะ”
ชนวิทและชัยพัทธ์ทั้งสองได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ก็โล่งอก เพียงแค่เอาตัวอันตรายนี้ออกไปให้ได้ เรื่องต่อไปก็จัดการง่ายแล้ว
“งั้นก็เชิญแกออกไปได้ล่ะ” ชนวิทไล่
รพีพงษ์มองธนพฤทธ์ แล้วกล่าว “เค้าไม่ต้อนรับผม ธนพฤทธ์ พวกเราไปเถอะ”
ธนพฤทธ์รีบยืนขึ้น พยักหน้าให้รพีพงษ์ กล่าว “ครับ นายน้อย”
ชนวิทและชัยพัทธ์เห็นเหตุการณ์นี้ ก็มึนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ชนวิทจ้องธนพฤทธ์ เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสู้ดี แล้วถาม “คุณธนพฤทธ์ นี่ นี่มันอะไรกัน? เจ้านายของคุณยังไม่มา แล้วทำไมคุณจะไปกับไอ้เด็กนี่แล้วล่ะ?”
ธนพฤทธ์ดูแคลน กล่าว “ใครบอกว่าเจ้านายผมยังไม่มา คนที่ยืนตรงหน้าพวกคุณนี่แหละเจ้านายผม!”
“แต่พวกคุณกลับคิดจะไล่เขาไป ยังบอกอีกว่าจะทำให้เขาเสียใจที่มาที่นี่ พวกคุณนี่มันกล้าจริงๆ!”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นของบริษัทพวกคุณอีกต่อไป บริษัทของคุณรอล้มละลายได้เลย!”