พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1031 ทำผิดก็ต้องรับผิด
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1031 ทำผิดก็ต้องรับผิด
บทที่1031 ทำผิดก็ต้องรับผิด
ได้ยินคำว่าล้มละลายคำนี้ ชนวิทก็ตัวสั่นทันใด เขามองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง ไม่คาดคิดเลยแม้แต่น้อย ว่าคนที่ต่อยลูกชายของตนเป็นหัวหมูนั้น จะไปบุคคลสำคัญท่านนั้น!
ชัยพัทธ์ช็อก ในความคิดของเขา รพีพงษ์ก็เป็นแค่พนักงานทำความสะอาดของโรงแรมแค่เท่านั้น นอกจากจะต่อสู้เก่ง ก็ไม่มีจุดเด่นอะไรอีกแล้ว แล้วเขาจะเป็นคนที่ซื้อหุ้นจำนวนมากของไฟลกรุ๊ปได้อย่างไรกัน?
ขณะนี้ทันใดนั้นเขาก็นึกออกถึงวันนั้นที่เขาโทรหาไพทยา ไพทยาพูดกับเขา ไพทยาบอกว่ารพีพงษ์ไม่ใช่พนักงานทำความสะอาด แต่เป็นบุคคลใหญ่โตที่เขาคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ตอนนั้นเขาไม่สนใจในคำพูดของไพทยา ตอนนี้เพิ่งจะรู้ตัว ว่าที่ไพทยาพูดนั้นมันเป็นความจริงทั้งหมด!
และก็เหตุผลนี้ ไพทยาถึงได้บล็อกเขาไป
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ สายตาของชัยพัทธ์ที่มองไปหารพีพงษ์ก็เต็มไปด้วยความระแวง ตอนนี้ในมือของรพีพงษ์กุมหุ้นจำนวนมากของไฟลกรุ๊ปอยู่ ถ้าเขาขายหุ้นจำนวนมากนั้นทิ้ง ถึงตอนนั้นพวกถือหุ้นคนอื่นๆก็ต้องขายทิ้งด้วยเป็นแน่ ถ้าเป็นแบบนี้ หุ้นของไฟลกรุ๊ป ก็จะร่วงจนถึงขีดสุด
เขากลืนน้ำลาย ทันใดนั้นในจิตใต้สำนึกก็บอกว่า หุ้นของบริษัทตนหลังจากวันนั้นที่มีปากเสียงกับรพีพงษ์แล้ว ถึงได้ถูกคนซื้อไว้เป็นจำนวนมาก
และรพีพงษ์รู้ดีว่าวันนี้คนที่เลี้ยงข้าวเขานั้นเป็นใคร ดังนั้นชัยพัทธ์เดาว่า อาจเพราะเกิดเหตุการณ์วันนั้นจากนั้น รพีพงษ์ทำเพื่อล้างแค้นเขา ดังนั้นจึงได้ซื้อหุ้นจำนวนมากของไฟลกรุ๊ป
แต่เขายังไร้เดียงสาคิดว่า ไฟลกรุ๊ปจะรุ่งโรจน์ก็กาลนี้แหละ
ตอนนี้มานั่งคิดๆ หลังของชัยพัทธ์เต็มไปด้วยเหงื่อ
“ดังนั้นมึงทำเพื่อล้างแค้นกู จะได้ซื้อหุ้นของไฟลกรุ๊ปไว้?” ชัยพัทธ์ถามรพีพงษ์ด้วยเสียงสั่น
รพีพงษ์หัวเราะ แล้วกล่าว “ถือว่ายังฉลาดอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ฉันได้ให้โอกาสแกแล้ว เพียงแค่แกไม่หาเรื่องฉัน ฉันก็ไม่มีทางไปทำอะไรแก แต่แกมันไม่จำ ดังนั้นเพื่อเป็นการลงโทษแก ฉันจึงได้ใช้วิธีนี้”
ชนวิทมองไปที่ทั้งคู่ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดังนั้นจึงได้รีบถามชัยพัทธ์ว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แกรีบอธิบายให้พ่อฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ตอนนี้ชัยพัทธ์อยากจะร้องไห้ออกมาแล้ว ตอนนั้นเขาไม่สนใจคำพูดของรพีพงษ์เสียด้วยซ้ำ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่ารพีพงษ์เก่งขนาดนี้ ให้ตายยังไงเขาก็ไม่มีทางไปหาเรื่องรพีพงษ์อย่างแน่นอน
แต่มนุษย์บางคนก็เป็นแบบนี้แหละ มักจะดื้อดึงไม่ฟังใคร ไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังเล่นกับอะไรอยู่
เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านอาหารลมเย็นวันนั้นให้ชนวิทฟังอย่างตัวสั่น ยิ่งพูดยิ่งกลัว แต่ตอนนี้เสียใจ ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆแล้ว
หลังจากที่ชนวิทได้ฟังเรื่องของชัยพัทธ์จนจบแล้ว ก็คับแค้นใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมา แล้วตบที่หน้าเขาหนึ่งฉาดโดยไม่ลังเล
“แกไอ้เนรคุณ! ฉันเลี้ยงแกมาโตขนาดนี้ เพื่อให้แกไปสร้างปัญหาให้ฉันหรือไง?”
“ฉันตามใจแกไปจริงๆ แกถึงได้ยโสโอหังตอนอยู่ข้างนอกขนาดนั้น เค้าจองที่ไว้ดีๆอยู่แล้ว แต่แกกลับจะแย่งเขาให้ได้ แล้วยังไปหาเรื่องเขาอีก!”
“ถ้าแกรู้ผิดรู้ชอบสักหน่อย ก็ไม่มีทางสร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ได้หรอก!”
พูดจบ ชนวิทได้ตบไปที่หน้าของชัยพัทธ์อีกฉาด
เดิมทีหน้าของชัยพัทธ์ได้ถูกรพีพงษ์ตบจนบวมเป็นหัวหมูแล้ว ตอนนี้ชนวิทได้ตบเขาอีกหลายฉาด เลือดได้กบปากเขาแล้ว
“พ่อ ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมไม่กล้าทำแล้ว!” ชัยพัทธ์ร้องไห้ออกมา นี่เป็นช่วงเวลาที่สิ้นหวังที่สุดในชีวิตของเขาอย่างแน่นอน
“แกขอโทษฉันแล้วได้อะไร! ยังไม่รีบขอโทษเค้าอีก!” ชนวิทชักตาไปที่เขา
ชัยพัทธ์รู้สึกตัว จึงรีบหันกลับไป มองรพีพงษ์ ก้มหน้า แล้วกล่าว “ผมผิดไปแล้ว ต่อไปผมจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก ขอคุณได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย ถ้าผมยังหาเรื่องคุณอีกล่ะก็ คุณตัดขาผมได้เลย ขอคุณอย่าทำอะไรไฟลกรุ๊ปเลยนะ มิเช่นนั้นกิจการที่พ่อของผมดำเนินการมาอย่างยากเย็นแสนเข็ญ จบเห่แน่!”
รพีพงษ์ไม่สนใจใดๆ แล้วกล่าว “เกี่ยวอะไรกับฉันหรอ?”
ชนวิทเห็นรพีพงษ์ไม่ยกโทษให้ ก็ถีบเข้าไปที่ตัวเขา แล้วกล่าว “นี่เป็นท่าทีในการขอโทษของแกหรือไง? แกยังไม่รีบคุกเข่าอีก!”
ชัยพัทธ์ไม่รีรอ คุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์ทันที แล้วคำนับไปหลายครั้ง
“ได้โปรดปล่อยผมไปด้วยเถอะ ผมผิดไปแล้วจริงๆ” ชัยพัทธ์พลางคำนับพลางพูด
รพีพงษ์บึนปาก กล่าว “ต่อให้วันนี้แกคำนับจนพื้นถลอก ฉันก็ไม่มีทางเป็นความคิด บนโลกนี้มีหลายเรื่อง ที่ไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วจะจบ”
ชนวิทเห็นรพีพงษ์ไม่ฟังใดๆ ก็ร้อนรนทันที แล้วกล่าวกับรพีพงษ์ว่า “คุณผู้ชาย กรุณาไตร่ตรองใหม่อีกครั้งนะครับ คุณใช้เงินมหาศาลซื้อหุ้นของเรา ถ้าวันนี้ขายทิ้งจำนวนมาก จะเกิดความเสียหายกับเงินของคุณอย่างมหาศาลเลยนะครับ”
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “ความจริงแค่ฉันอยาก ก็สามารถซื้อกิจการทั้งหมดของเมืองเมฆาได้ คุณคิดว่าผมจะเครียดกับความเสียหายแค่นั้นหรอ?”
ชนวิทแข็งทื่อทันใด เขาไม่คิดว่ารพีพงษ์จะเหยียดหยามขนาดนี้ การที่พูดแบบนี้ออกมาได้ ก็มีแต่อยู่แนวหน้าของโลกนี้ไปแล้ว
ครั้งนี้คนที่ลูกชายเขาหาเรื่อง เป็นคนที่ไฟลกรุ๊ปแตะต้องไม่ได้เลยจริงๆ
“ทำผิด ก็ต้องรับผิด พวกคุณก็โตๆกันแล้ว น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ ดังนั้นไม่ต้องขอร้องผมแล้ว”
รพีพงษ์พูดคำพูดสุดท้าย จาดนั้นก็เดินออกไปนอกห้องรับรอง
ชนวิทและชัยพัทธ์เห็นรพีพงษ์จากไป ก็สิ้นหวัง แต่กลับทำอะไรไม่ได้
รพีพงษ์ยืนหยัดเสียขนาดนั้น พวกเขารู้ดี ว่าจะให้รพีพงษ์เห็นใจ เป็นไปไม่ได้แน่นอน
ชนวิทหันมองชัยพัทธ์ ยิ่งอยู่ยิ่งโมโห โมโหจนหน้าดำคร่ำเครียด
สิ่งที่เขาตั้งใจทำมาครึ่งค่อนชีวิต กลับถูกลูกชายที่ไม่เอาไหนพังลง เขาถึงขั้นอยากจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับชัยพัทธ์แล้ว
เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าของชัยพัทธ์ แล้วถีบไปที่หน้าของเขา ด่าว่า “แกสมควรตายจริงๆ ทุกสิ้นทุกอย่างแกทำมันพังหมดแล้ว! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกไม่ใช่ลูกชายของฉันอีกต่อไป แกจะเป็นทำร้ายใครก็ไป ต่อไปอย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”
ชัยพัทธ์รีบยื่นมือไปกอดขาของชนวิทไว้ แล้วขอร้อง “พ่อ อย่าทิ้งผมไป ผมเป็นลูกแท้ๆของพ่อนะ!”
“ลูกแท้ๆเชี่ยไรล่ะ! ตอนนี้ฉันล่ะสงสัยว่าแกไม่ใช่ลูกแท้ๆของฉัน ฉันจะมีลูกที่โง่อย่างแกได้ไงกัน แม่ของแกหลายปีมานี้ ไม่แน่ไปมีอะไรกับชายคนอื่นลับหลังฉันก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะพาแกไปตรวจดีเอ็นเอ!”