พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1033 ดูๆแล้วพวกแกก็ไม่น่าจะมีฐานะอะไรมาก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1033 ดูๆแล้วพวกแกก็ไม่น่าจะมีฐานะอะไรมาก
บทที่1033 ดูๆแล้วพวกแกก็ไม่น่าจะมีฐานะอะไรมาก
“ภิตา? แกก็มาดูคอนเสิร์ตที่นี่หรอ? บังเอิญจริงๆนะเนี่ย” อารียาประหลาดใจ ยิ้มให้กับโศภิตาที่อยู่ด้านหน้าตัวเอง
ตอนเรียนมัธยมปลาย อารียาและโศภิตามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างมาก ทั้งสองนั่งโต๊ะข้างกันตลอดสามปี แทบจะทำทุกอย่างร่วมกันทั้งหมด
แต่หลังจากที่เรียนมหาลัยแล้ว ต่างคนก็ต่างไปแต่ล่ะเมือง ความสัมพันธ์เลยเฉยชาลง หลังจากที่โศภิตาเรียนมหาลัยแล้ว ก็ไม่กลับไปที่เมืองริเวอร์อีกเลย ดังนั้นเพราะอารียาได้แต่งงานกับรพีพงษ์ ในช่วงหลายปีมานี้ ล้วนไม่ค่อยได้เจอกับเพื่อนของตัวเองสักเท่าไหร่
ดังนั้นเมื่อคิดๆดูแล้ว พวกเธอทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแล้ว
อารียาอุทาน ได้เจอเพื่อนในที่แบบนี้ ถือว่าเป็นพรหมลิขิตมาก
โภิตาก็อุทานเช่นกัน แต่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความอับอาย แล้วกล่าว “ฉันไม่ได้มาดูคอนเสิร์ต ฉันแค่มาเดินดู เพราะไม่มีตั๋ว ดังนั้นจึงทำได้เพียงดูบรรยากาศรอบๆ”
อารียาได้ยินคำพูดของโศภิตา ก็กล่าวทันใดว่า “งั้นแกไปกับพวกเราเถอะ พวกเราไม่เจอกันตั้งหลายปี เจอกันครั้งนี้ ต้องรำลึกความหลังกันสักหน่อยแล้ว”
โศภิตาส่ายหน้า กล่าว “ไม่เป็นไรไม่เป็นไร กว่าพวกแกจะแย่งตั๋วมาได้ก็ไม่น่าจะง่ายเหมือนกันนะ ถ้าฉันตามไปด้วย พวกแกก็เข้าไปไม่ได้แล้วสิ”
อารียาหัวเราะ กล่าว “ไม่เป็นไร”
จากนั้นเธอก็หันไปหารพีพงษ์ ถาม “พาคนเพิ่มหนึ่งคน ไม่น่าจะเป็นไรหรอกนะ?”
รพีพงษ์ยิ้มพลางตอบ “น่าจะไม่เป็นไร วันนี้ตอนมาผู้จัดการโรงแรมได้ให้ฝ่ายผู้จัดงานโทรหาผมแล้ว ถ้าผมมีอะไรให้โทรหาเขา เดี๋ยวผมจะโทรไป ก็น่าจะเข้าได้แล้ว”
อารียาดีใจ รีบเอาหนูลินให้รพีพงษ์ จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าแขนของโศภิตาไว้
โสภิตามึนงงกับคำพูดของเขาทั้งคู่ คิดในใจคอนเสิร์ตอลังการขนาดนี้ จะต้องคุมเข้มอย่างแน่นอน ต่อให้รู้จักคนใน ก็ไม่มีทางแค่โทรศัพท์แล้วจะพาคนเข้าไปได้
ในตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ชายหญิงวัยรุ่นแต่งตัวทันสมัยคู่หนึ่งอยู่ข้างๆพวกเขา พูดให้ถูกก็คือพวกเขามาเพราะโศภิตา
ชายหญิงคู่นั้นยิ้มอย่างเหยียดหยาม ดูออกว่าค่อนข้างดูถูกโศภิตา
“โอ้ว นี่มันโศภิตาหนิ ไง แกก็อยากดูคอนเสิร์ตหรอ แต่บัตรธรรมดาของที่นี่ ก็ห้าพันกว่าเข้าไปแล้ว มีปัญญาซื้อหรอ?” หญิงคนนั้นกล่าวด้วยอารมณ์แปรปรวน
ฝ่ายชายก็รีบกล่าวว่า “ดิษยา อย่าพูดแบบนี้สิ ไม่แน่เค้าเดินผ่านมาทางนี้ เพราะเธอยังต้องไปล้างจานที่ร้านอาหารอีกนะ”
ดศภิตาได้ยินคำพูดของทั้งสอง ก็บูดบึ้งขึ้นมา กล่าวอย่างโมโหว่า “ใช่ ฉันแค่เดินผ่านมา แต่เกี่ยวอะไรกับพวกแกหรอ?”
“เหอะเหอะ เราก็ไม่ได้บอกว่าเกี่ยวอะไรกับเราหนิ ก็แค่เห็นแกเลยถามก็แค่นั้น ไม่ได้หรือไง?” หญิงที่ถูกเรียกว่าดิษยาเยาะเย้ย
หญิงคนนี้ชื่อดิษยา เป็นเพื่อนร่วมงานในบริษัทก่อนหน้านี้ของโศภิตา ถือว่าเป็นหัวหน้าแผนก เพราะคนอื่นล้วนประจบสอพลอดิษยา มีเพียงโศภิตาที่ไม่ประจบเธอ ดังนั้นดิษยามีอคติกับโศภิตาอย่างมาก
แม้ตอนนี้ทั้งสองไม่อยู่ในบริษัทเดียวกันแล้ว แต่ทุกครั้งที่ดิษยาเจอโศภิตา ก็ยังคงประชดประชันเธออยู่ดี
แล้วชายที่อยู่ข้างๆดิษยา ชื่อจุฑาธช เป็นลูกชายของคนรวยตระกูลหนึ่งในเมืองเมฆา ถือเป็นทายาทเศรษฐี
หลังจากที่ดิษยาได้แฟนเป็นจุฑาธชแล้วนั้น ก็ยิ่งหยิ่งยโสเข้าไปใหญ่ บวกกับครอบครัวของโศภิตาเกิดการเปลี่ยนแปลง ครอบครัวตกอับกะทันหัน ดังนั้นโศภิตาจึงไม่อยู่ในสายตาของดิษยา
รพีพงษ์และอารียาทั้งสองขมวดคิ้วมองไปที่ทั้งสองที่อยู่ด้านหน้า รู้สึกว่าทั้งสองคนค่อนข้างเกินไป
“ภิตา พวกเขาทั้งสองเป็นใคร?” อารียาถาม
“ก็แค่เมื่อก่อนอยู่บริษัทเดียวกันก็เท่านั้น ไม่สนิทกัน พวกแกไม่ต้องสนใจพวกเขา” โศภิตารีบกล่าว รู้สึกอับอาย
ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองหันไปหารพีพงษ์และอารียาทั้งสอง ดิษยาเห็นอารียาสวย ก็เกิดอิจฉาขึ้นมา
จากนั้นก็พูดเสียดสีว่า “โศภิตา สองคนนี้เป็นเพื่อนแกหรอ พวกเขาก็เดินผ่านมาทางนี้พร้อมกับแกใช่ป่ะ? ที่แท้คนจนก็เป็นคนจนอยู่วันยังค่ำ แม้แต่คอนเสิร์ตก็ไม่มีปัญญาดู”
“จะบอกให้นะ ธชพาฉันไปดูคอนเสิร์ต ได้ซื้อบัตรซูเปอร์วีไอพีให้โดยเฉพาะเลยนะ ราคาหลักหมื่นต่อใบเลยนะ เราได้นั่งใกล้ๆก้บเวที แต่บางคน แม้แต่ประตูของคอนเสิร์ตก็ยังเข้าไม่ได้”
โศภิตาเห็นทั้งสองไม่เพียงดูถูกตน แต่ยังพูดถึงเพื่อนของตนอีก ทำให้เธอรับไม่ได้
“ดิษยา กรุณาให้เกียรติกันด้วยนะ เพื่อนของฉันก็มาดูคอนเสิร์ต พวกแกอย่าคิดว่ามีเงินนิดหน่อย แล้วจะอยู่สูงกว่าคนอื่น” โศภิตากล่าวอย่างโมโห
“เหอะเหอะ ฉันจะบอกให้นะ มีเงินก็สูงส่งกว่าคนอื่นแล้ว ความสุขของคนรวย คนจนอย่างพวกแกไม่มีทางรู้หรอก” โศภิตากล่าวอย่างสะใจ
จุฑาธชที่อยู่ข้างๆกล่าว “ดิษยา อย่ามัวแต่ไร้สาระกับพวกมันอยู่เลย พวกเรารีบไปเข้าคิวเถอะ ไม่งั้นเดี๋ยวคอนเสิร์ตเริ่ม พวกเราจะสายได้นะ”
แม้จะเป็นบัตรวีไอพี ก็ต้องเข้าแถว มีแค่ซูเปอร์วีไอพี จึงจะมีสิทธิ์ใช้ช่องนั้น
“ยังต้องต่อแถวอีกหรอ ดูๆแล้วพวกคุณก็ไม่ได้มีเงินสักเท่าไหร่หนิ เอ้อ” รพีพงษ์ยิ้มแล้วกล่าว
จุฑาธชมองรพีพงษ์ เหยียดหยามว่า “เหอะเหอะ หรือคุณไม่ต้องเข้าคิวแล้วเข้าได้งั้นหรอ? มีคนที่ไม่ต้องเข้าคิวแล้วเข้าไปได้จริง แต่จะบอกให้นะ นั่นเป็นระดับบุคคลสำคัญจริงๆเท่านั้นที่จะได้รับ คนจนอย่างคุณ ยังโอ้อวดได้ด้วยหรอ”
รพีพงษ์ไร้คำพูด ไม่อยากคิดอะไรมากกับพวกกบในกะลา
จุฑาธชและดิษยาทั้งสองมองทั้งสามคนอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็หันไปที่ประตูแล้วเข้าคิว
โศภิตามองรพีพงษ์และอารียาอย่างรู้สึกผิด กล่าว “ฉันผิดเอง ทำให้พวกแกต้องโดนดูถูกไปด้วยเลย”
อารียาหัวเราะ แล้วปลอบ “ไม่เป็นไรนะ คนประเภทนั้นเราอย่าไปคิดอะไรมากเลย แกก็อย่าใส่ใจกับคำพูดของพวกมัน พวกเราจะพาแกไปนั่งที่ซูเปอร์วีไอพี ถึงตอนนั้นให้พวกมันได้รู้ว่าตัวเองอยู่ระดับไหน”
พูดจบ อารียาก็หันไปหารพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่ลังเล หยิบมือถือเข้ามา แล้วโทรไปหาผู้จัดงาน
“สวัสดีครับ มิทราบว่าคุณคือ?”
“ผมคือรพีพงษ์”
“ที่แท้ก็คือคุณรพีนี่เอง ผมได้รับคำสั่งแล้ว ว่าคุณจะมา ผมยังเตรียมเครื่องดื่มไว้เผื่อคุณต้องการจะดื่มในขณะดูคอนเสิร์ตด้วย” คนของฝ่ายผู้จัดงานกล่าวอย่างยินดีปรีดา
“ผมอยากจะพาคนเข้าไปเพิ่มอีกคน ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” รพีพงษ์ถาม
“ไม่มีปัญหาไม่มีปัญหา คุณรพีจะพามากี่คนก็ไม่มีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะไปจัดการที่นั่งให้เพื่อนของคุณรพีตอนนี้เลยครับ”