พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1035 ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลายก็เพราะพวกเรา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1035 ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลายก็เพราะพวกเรา
บทที่1035 ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลายก็เพราะพวกเรา
“หญิงคนนั้นที่ชื่อดิษยาน่าเกลียดจริงๆ เธอทำเพื่อล้างแค้นแก จนต้องหาผู้ชายที่น่าขยะแขยงคนหนึ่งมาทำร้ายแก ทำให้แกสิ้นเนื้อประดาตัวยังไม่ว่า แล้วตอนนี้ยังต้องแบกรับหนี้สินมหาศาลอีก ชาตินี้แกตกหลุมไปแล้ว” อารียากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด
โศภิตาเบื่อหน่ายและเดียวดาย จากนั้นก็ยิ้มแหยๆออกมา
“เป็นแบบนี้แล้ว อยากจะย้อนเวลากลับไปในตอนเริ่มต้น ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ชายคนนั้นจนกระทั่งตอนนี้ยังกลับมาหาฉันเพื่อเอาเงินอีก ฉันสลัดเขาทิ้งไม่ได้เลย”
“แล้วดิษยา เธอหาแฟนเป็นลูกคนรวย ฉันต่อกรไม่ได้เลยจริงๆ เธอไม่มาหาเรื่องฉัน ก็ถือว่าดีโขแล้ว”
“ตอนนี้ฉันอยากจะคืนหนี้สินหมดให้เร็วที่สุด แล้วออกไปจากเมืองนี้ เริ่มต้นชีวิตใหม่”
“ไม่รู้ว่าความหวังนี้ของฉัน ชาตินี้จะมีโอกาสเป็นจริงได้มั้ย”
อารียามองไปที่โศภิตาอย่างสงสาร คิดไม่ถึงว่าเพื่อนที่ดีที่สุดตอนมัธยมปลาย จะเจอกับเรื่องที่เลวร้ายแบบนี้
เธอจ้องมอง แล้วกล่าว “ภิตา แกสบายใจได้เลย แกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันตอนเรียนมัธยมปลาย ในเมื่อเราเจอกันที่นี่ แสดงว่าพระเจ้าลิขิตมา ฉันจะไม่ให้ไอ้คนที่น่าขยะแขยงนั่นรังแกก็ได้อีก”
โศภิตาส่ายหน้า กล่าว “อารี ฉันรู้ว่าแกสงสารฉัน แต่เบื้องหลังแฟนของดิษยามันเก่งกาจมาก พวกเราเอาไม่อยู่หรอก ไหนๆเรื่องมันก็เป็นแบบนี้แล้ว ตอนนี้ฉันใช้หนี้ได้ก็พอแล้ว พวกแกอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวเลย”
อารียาหัวเราะ กล่าว “เบื้องหลังแฟนหนุ่มของมันดี ทำไมเธอมาดูคอนเสิร์ต แล้วยังต้องเข้าคิว แต่พวกเราเข้ามาได้เลยล่ะ?”
โศภิตาชะงัก แต่ก็รู้สึกตัวทันใด ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าตัวตนของอารีนาและรพีพงษ์ไม่ธรรมดา ตอนนี้อารียาพูดแบบนี้ เธอรับรู้ได้อย่างแน่ชัด ว่าพวกเขาทั้งคู่ เก่งกาจกว่าจุฑาธชอย่างแน่นอน
“อารี พวกแกได้บัตรระดับซูเปอร์ขนาดนี้ ฉันก็ตกใจจริงๆนะ แต่พวกแกไม่ใช่คนในพื้นที่เมืองเมฆา ถึงแม้มีอำนาจในที่อื่น แต่ต่อให้คนเก่งอย่างไรจะต่อกรกับคนในพื้นที่ไม่ไหว ฉันไม่อยากหาเรื่องให้พวกแก” โศภิตาขอร้อง
อารียายิ้ม แล้วกล่าว “ในเมื่อแกกังวลขนาดนี้ งั้นฉันจะเล่าอะไรให้แกฟัง ให้แกเชื่อมั่นว่าเราตัดการปัญหานี้ได้แน่นอน”
“ไฟลกรุ๊ปที่ล้มละลายในช่วงนี้แกรู้ใช่ป่ะ?”
โศภิตทพยักหน้าทันใด ด้วยสีหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงได้พูดถึงไฟลกรุ๊ป
“ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลาย เพราะคุณชายของพวกเขา แย่งที่นั่งที่เราจองไว้แล้วในร้านอาหารไป แล้วยังข่มขู่เราสองแม่ลูกด้วย รพีพงษ์โมโห จึงทำให้พวกเขาล้มละลาย” อารียายิ้มพลางกล่าว
ถ้าเป็นเมื่อก่อน อารียาไม่มีทางยกเรื่องนี้ขึ้นมาโอ้อวดแน่นอน แต่ตอนนี้เพื่อจะให้โศภิตาเชื่อว่าตนสามารถช่วยได้ ดังนั้นจึงพูดเรื่องที่ทำให้คนตะลึงออกมา
หลังจากที่โศภิตาได้ยินอารียาพูด ก็ตาโตขึ้นมา ด้วยความไม่เชื่อ
“ที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลาย ก็เพราะพวกแก?” เสียงของโศภิตาสั่นขึ้นมา
อารียาหัวเราะพลางพยักหน้า กล่าว “ตอนนี้แกเชื่อแล้วยังว่าเราช่วยแกจัดการปัญหานี้ได้?”
โศภิตายังคงช็อกอยู่กับเมื่อกี้ยังไม่รู้สึกตัว ช่วงนี้เธอก็ได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับไฟลกรุ๊ป ได้ยินเหตุผลต่างๆนานามาหลายเวอร์ชัน แต่ยังไงเธอก็ไม่คาดคิด ว่าที่ไฟลกรุ๊ปล้มละลาย เป็นเพราะคุณชายของไฟลกรุ๊ป แย่งที่นั่งของเพื่อนเก่าเธอแค่นั้น
เธอรู้จักอารียาดี รู้ว่าเพื่อนเธอคนดีไม่ขี้โม้ บวกกับตอนนี้ที่พวกเขาอยู่ในจุดของซูเปอร์วีไอพีของคอนเสิร์ต ทำให้เธอไม่มีเหตุผลใดๆที่จะสงสัยในตัวอารียาได้เลย
รพีพงษ์เห็นท่าทางประหลาดใจของโศภิตา กล่าว “สบายใจได้ ครั้งนี้พวกเราออกมามีเวลาเยอะมาก รอให้พวกเราจัดการปัญหาของคุณเสร็จ แล้วพวกเราค่อยกลับไป”
โศภิตาคือเพื่อนมัธยมปลายของอารียาที่ความสัมพันธ์ดีที่สุด เขาไม่มีทางไม่ช่วยแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาที่โศภิตาเจอ ในสายตาเขา เป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จัดการง่ายๆ
โศภิตารู้สึกตัว นัยน์ตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งอย่างหาที่สุดมิได้ เธอไม่คิดมาก่อน ว่าตอนที่ตัวเองถึงทางตัน จะได้พบกับอารียาและรพีพงษ์
ไม่ว่าพวกเขาทั้งสองจะช่วยตนจัดการปัญหานี้ได้หรือไม่ เธอก็ซาบซึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้แล้ว
“อารี ไม่ว่าพวกแกจะช่วยฉันหรือไม่ ความรู้สึกนี้ ฉันจะจำมันไปตลอดกาล” นัยน์ตาของโศภิตาเริ่มเต็มไปด้วยน้ำคลอเบ้า
อารียาลูบมือเธอ กล่าว “พอแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ตอนนี้แกก็ดูคอนเสิร์ตให้สบายใจ รอให้คอนเสิร์ตจบ รพีพงษ์จะจัดการปัญหานี้เอง”
“และดิษยานั่น รพีพงษ์ก็จะลงโทษตามที่เห็นสมควร”
โศภิตาไม่ปฏิเสธ และพยักหน้าอย่างจริงจัง
ผ่านไปไม่นาน ในยิมเนเซียมเต็มไปด้วยผู้คน ผู้ที่ซื้อบัตรทุกคนนั่งลงกับที่ ล้วนรอคอยการเริ่มต้นของคอนเสิร์ตอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ
ทุกคนสังเกตเห็นหน้าเวที จุดที่แยกออกมาโดยเฉพาะ พวกเขาเห็นที่นั่นมีโซฟา โต๊ะ และเครื่องดื่ม ก็ล้วนอิจฉาขึ้นมา
“ไม่คิดว่าคอนเสิร์ตนี้จะมีที่นั่งที่สบายแบบนี้ด้วย ไม่รู้ว่าถ้าไปนั่งดูคอนเสิร์ตจุดนั้น ต้องจ่ายเท่าไหร่กันนะ”
“ที่นั่งตรงหน้าของพวกเราก็ถือว่าอยู่ด้านหน้า ก็หกหมื่นกว่าเข้าไปแล้ว ที่นั่งตรงนั้นของพวกเขาไม่เพียงแค่อยู่ด้านหน้า จะไปดูคอนเสิร์ตที่นั่น ต้องราคาหลักแสนแน่นอน”
“มีเงินไม่พอ ที่จะซื้อที่ตรงนั้นได้นะ จะต้องเป็นคนที่มีคอนเน็คชั่น ไม่แน่เค้าไม่ต้องจ่ายเงิน ก็ไปนั่งตรงนั้นได้เลยก็ว่าได้ ”
……
ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองก็มาถึงที่นั่งวีไอพีระดับสูง ที่นั่งอยู่ด้านหลังของซูเปอร์วีไอพี ถือว่านอกจากจุดซูเปอร์วีไอพีที่ใกล้กับเวที ก็เป็นอีกที่ที่ใกล้กับเวที
พวกเขาทั้งสองก็สังเกตจุดซูเปอร์วีไอพี ด้วยความอิจฉา
ตอนที่สายตาพวกเขามองไปเห็นโศภิตาที่กำลังพูดคุยกับอารียา ที่โซฟาในจุดซูเปอร์วีไอพี ก็ชะงัก
“นั่นโศภิตาหนิ? ทำไมเธอไปอยู่ที่ซูเปอร์วีไอพีได้?!”
“แล้วยังมีสองคนนั้นที่กำลังอุ้มเด็กด้วย พวกเขาอยู่ที่นี่ได้ไงกัน?”
ดิษยามองเหตุการณ์อย่างคิดไม่ถึง ไม่รู้ว่าทำไม ในใจรู้สึกริษยาอย่างบอกไม่ถูก
“หรือเพื่อนทั้งสองของโศภิตา เป็นคนที่มีคอนเน็คชั่นใหญ่โต?” จุฑาธชถาม
ดิษยาคิดในใจว่าน่าจะเป็นไปได้ แต่แว็บเดียว เธอก็ยกเลิกความคิดนี้ไป
“โศภิตาเป็นแค่คนล้างจาน เธอจะรู้จักคนใหญ่คนโตได้ไงกัน ฉันสงสัยว่าพวกมันต้องแอบเข้ามาแน่นอน เรารีบไปบอกรปภ.กันเถอะ พวกมันกล้าแอบเข้ามาดูคอนเสิร์ต แล้วยังนั่งที่ซูเปอร์วีไอพีอีก ฝ่ายผู้จัดคอนเสิร์ต จะต้องไม่ปล่อยพวกมันเอาไว้แน่!”