พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1043 กลอุบาย
บทที่1043 กลอุบาย
โศภิตาจับก้อนหินนั้นไว้ แล้วมองรพีพงษ์อย่างตกใจ เธอไม่เห็นรพีพงษ์อ้าปากแท้ๆ แต่กลับได้ยินเสียงของรพีพงษ์
และเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไมรพีพงษ์บอกว่าหินนี้ช่วยเธอได้ ต่อให้เธอใช้แรงบีบก้อนหิน ถ้าจุฑาธชจะจัดการเธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีถึงจะถูกสิ
แต่ตอนนี้เธอทำได้เพียงเชื่อรพีพงษ์ ดังนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ
หินที่รพีพงษ์ให้เธอ เอาออกมาจากกลุ่มสิงโต หินก้อนนี้ธัชธรรมเจอในที่ที่ไม่มีคน หินก้อนนี้ดูๆแล้วไม่ได้ต่างอะไรกับก้อนหินธรรมดา แต่ธัชธรรมกลับพบว่า หินก้อนนี้กักเก็บพลังเอาไว้ได้
แม้มันพลังจะสามารถกักเก็บไว้ได้อย่างจำกัด โดยทั่วไปสิบขั้น มากสุดจะเหลือไว้หนึ่งขั้น
และนี่ยังต้องควบคุมอย่าพิเศษอีกด้วย เพราะถ้าออกแรงมาก หินก้อนนี้จะแตกสลาย
และพลังที่ถูกกักเก็บไว้ เพียงแค่ใช้พลังบีบ ก็สามารถปล่อยออกมาได้แล้ว
ตอนนั้นรพีพงษ์รู้สึกว่าหินนี้ค่อนข้างแปลกประหลาด ดังนั้นจึงเอากลับมาเป็นของเล่น
หินก้อนนั้นที่เขาให้โศภิตาจึงกักเก็บพลังไม่ถึงหนึ่งส่วน ถ้าเป็นการต่อสู้ระดับรพีพงษ์ หินก้อนนี้จะไร้ค่าไปในทันที
แต่ก้อนหินแบบนี้ สำหรับโศภิตา ใช้พอแน่นอน
แม้จะเป็นพลังหนึ่งในร้อยของรพีพงษ์ อย่างจุฑาธชและดิษยาคนธรรมดาแบบนี้เอาไม่อยู่แน่นอน
ดิษยามองโศภิตาอย่างดูแคลน กล่าว “โศภิตา ยืนแข็งทื่ออะไรอยู่ รีบขึ้นรถพวกเราสิ แกบอกให้มันพูดให้เป็นคำพูดหน่อย มิเช่นนั้น แกต้องทนกับสิ่งที่พวกฉันจะทำกับแกทั้งหมด”
โศภิตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ คิดว่ามาถึงจุดนี้ เธอไม่มีตัวเลือกอีกแล้ว วันนี้มีเพียงเชื่อรพีพงษ์ทางเลือกเดียวแล้วเท่านั้น
เธอไม่ลังเลใดๆ เดินไปหน้ารถของจุฑาธช เปิดประตู แล้วนั่งลงไป
จุฑาธชมองรพีพงษ์อย่างดูแคลน กล่าว “การชดเชยเงินในคืนนี้ แกมีความจริงใจหน่อย มิเช่นนั้น ฉันจะไม่เกรงใจต่อแก!”
พูดจบ เขาและดิษยาเข้าไปนั่งในรถพร้อมกัน แล้วขับรถออกจากที่นี่
หลังจากที่รพีพงษ์เห็นดิษยาพวกเขาออกไปแล้วนั้น ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ออกจากที่นี่ไป
เขากลับไปที่โรงแรมก่อน เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดให้อารียาฟัง หลังจากที่อารียาได้ยินว่าดิษยาและจุฑาธชพาโศภิตาไปแล้วนั้น ก็เกิดเป็นห่วงขึ้นมา
รพีพงษ์บอกให้เธอไม่ต้องกังวล เขาเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกจุฑาธชจะทำอะไรโศภิตาจริง สุดท้ายคนที่โชคร้ายก็จะเป็นพวกเขาเอง
จากนั้นรพีพงษ์ก็ได้บอกแผนในคืนนี้ให้อารียาฟัง หลังจากที่อารียาฟังแล้วนั้นรู้สึกไม่มีปัญหาอะไร จึงได้กลายกังวลลง
หลังจากที่พูดเข้าใจแล้ว รพีพงษ์ให้อารียาอยู่เป็นเพื่อนหนูลินที่โรงแรมต่อไป เขาจะออกจากโรงแรม ไปธนาคาร จากนั้นค่อยไปโรงแรมโอเรนจี
เขาจองห้องรับรองระดับสูงของโอเรนจีไว้ หลังจากที่เตรียมการเสร็จแล้วนั้น ก็รอให้ดิษยาและจุฑาธชมา
ไม่นาน ฟ้าเริ่มมืด ชีวิตกลางคืนของชาวเมืองเมฆาได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในโรงแรมโอเรนจีก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมา
ณ ห้องรับรองระดับสูงของโรงแรมโอเรนจี
“ไม่คิดว่าไอ้นี่มันมีความจริงใจเหมือนกันนะ ยังจองห้องรับรองระดับสูงที่สุดไว้อีกด้วย ค่าใช้ห้องนี้หมื่นกว่าเลยนะ ดูๆแล้วมันคิดจะขอโทษพวกเราจริงๆ” จุฑาธชยิ้มพลางกล่าว
ดิษยายิ้มอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ แต่เธอเป็นคนโผงผาง จะไม่มีทางลดค่าชดเชยลงเพราะรพีพงษ์มีความจริงใจอย่างแน่นอน
“จริงใจแล้วไง นี่เป็นสิ่งที่มันต้องทำ เมื่อคืนแม้แต่ไอดอลของฉันยังไม่ได้เห็นเลย เพราะมัน ฉันไม่ตัดขามันก็ดีขนาดไหนแล้ว!” ดิษยากล่าว
โศภิตาที่อยู่ด้านหลังเหยียดหยาม คิดในใจว่ารพีพงษ์ไม่ใช่ง่ายๆ ที่เขาทำแบบนี้ จะต้องให้ดิษยาและจุฑาธชพบกับจุดจบที่อนาถอย่างแน่นอน รอให้รพีพงษ์ใช้กลอุบายของตัวเองก่อน พวกเขาทั้งสองก็จะไม่มีอารมณ์พูดอะไรแล้ว
คนที่มาพร้อมกับพวกเขาทั้งสาม ยังมีชายที่รูปร่างบึกบึน ชายคนนี้เป็นนักเลงที่จุฑาธชซื้อตัวมา เพราะกันรพีพงษ์เล่นพิเรน ถึงตอนนั้นจะได้จัดการรพีพงษ์ได้ทันที
พวกเขายังไม่เคยเห็นฝีมือของรพีพงษ์ ดังนั้นคิดว่าชายร่างกำยำคนเดียวก็เอารพีพงษ์อยู่แล้ว
สี่คนผลักประตูเข้ามาในห้องรับรองพร้อมกัน เมื่อเข้ามาก็เห็น บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารมากมาย หลังโต๊ะตัวนั้น เป็นโต๊ะพนันทั่วไป
และบนโต๊ะพนัน ได้วางธนบัตรไว้สามกอง รวมๆกันแล้ว ก็ประมาณสามล้าน
หลังจากที่ดิษยาและพวกทั้งสี่ได้เห็นธนบัตรที่วางอยู่บนโต๊ะแล้ว ก็อึ้ง พวกเขาไม่คาดคิด ว่ารพีพงษ์จะวางเงินไว้ที่นี่เยอะขนาดนี้
“พระเจ้า ไอ้นั่นมันบ้าไปแล้วหรือไง? หรือเงินพวกนี้ เป็นเงินชดเชยให้พวกเรางั้นหรอ?” ดิษยาตื่นเต้น ถ้าเงินพวกนี้ให้พวกเขาทั้งหมดจริงๆ งั้นพวกเขาก็ได้กำไรไปเยอะเลยทีเดียว
เพราะตั๋วคอนเสิร์ตเมื่อวานจ่ายไปแสนกว่าเท่านั้น แต่เงินที่อยู่บนโต๊ะนี้ ประมาณสามล้านเห็นจะได้!
แม้ครอบครัวของจุฑาธชจะรวยมาก สามล้านนี้ไม่ถือว่ามากอะไร แต่รพีพงษ์วางเงินสดสามล้านนี้ไว้ คือคิด ก็ช็อกแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าไอ้นี่รู้สาเหมือนกันนะ ถือว่ามันรู้เรื่อง ถ้าวันนี้สามล้านให้พวกเรา เรื่องคำนับ เว้นให้มันก็แล้วกัน” จุฑาธชยิ้มพลางกล่าว
โศภิตามองเงินบนโต๊ะด้วยความสงสัย ด้านหนึ่งก็ช็อกกับทรัพย์สินของรพีพงษ์ อีกด้านหนึ่งไม่เข้าใจรพีพงษ์ว่าต้องการทำอะไร
ห้องรับรองนี้เป็นห้องชุด ด้านในยังมีอีกห้อง
หลังจากที่ดิษยาและพวกเขาได้เข้าไปในห้องรับรองแล้ว รพีพงษ์ก็เดินออกมาจากห้องในนั้น
เขามองไปที่ทุกคนแล้วหัวเราะ สังเกตเห็นโศภิตาไม่เป็นไร ก็รู้แล้วว่าจุฑาธชไม่ได้ทำอะไรโศภิตา
“ทุกคนรีบนั่งเถอะ อาหารทำเสร็จแล้ว พวกเรากินข้าวกันก่อนนะ” รพีพงษ์กล่าว
ทุกคนนั่งลง แต่ใจของพวกเขาไม่ได้อยู่ที่อาหาร แต่อยู่ที่ธนบัตรบนโต๊ะพนันนั้นต่างหาก
หลังจากที่นั่งลงแล้ว รพีพงษ์ก็ยิ้มพลางมองดิษยาและจุฑาธชทั้งสองคน จากนั้นก็กล่าวว่า “พวกแกน่าจะเห็นสามล้านที่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั้นแล้ว เงินพวกนั้น เป็นเงินที่ฉันเตรียมไว้ให้พวกแก”
ดิษยาและจุฑาธชตื่นเต้น ดิษยากล่าว “ถือว่าแกฉลาด เห็นแก่เงินก้อนนี้ พกวเรายกโทษให้แกแล้ว”
รพีพงษ์หัวเราะ จากนั้นก็กล่าว “แต่ถ้าเรากินข้าวแบบนี้ แล้วพวกแกเอาเงินไป ก็ไม่สนุกสิ”
“ในห้องด้านใน ฉันได้เตรียมไว้อีกสามล้าน หลังจากที่พวกเรากินข้าวเสร็จแล้ว เล่นพนันกันสักหน่อย ถ้าพวกแกโชคดี ไม่แน่อาจจะได้กลับไปหกล้านเลยนะ พวกแกคิดว่าไง?”