พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1048 ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1048 ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก
บทที่1048 ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก
ตั้งแต่ออกมาจากโรงแรมโอเรนจี โศภิตาก็สับสนมึนงง
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนี้ ในสายตาเธอมันเหมือนฝันไปอย่างไรอย่างนั้น ยังไงเธอก็ไม่คาดคิด ว่ารพีพงษ์จะทำให้จุฑาธชเอาบริษัทเข้ามาพนันได้ แล้วดิษยาก็ต้องแบกรับหนี้สินกี่ล้าน นี่มันน่ากลัวกว่าแปดแสนกว่าของเธอก่อนหน้านี้มาก
แล้วจุฑาธชยังมีความคิดจะขายดิษยาอีกด้วย ถ้าดิษยาคืนเงินเองไม่ได้ ต่อให้เธอไม่อยาก เกรงว่าหมาป่าก็จะต้องบีบให้เธอขายตัวแน่นอน
ไม่ว่าจะยังไง จุฑาธชและดิษยาจบเห่แล้วชาตินี้
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะเข้าใจว่าอุบายของรพีพงษ์มันน่ากลัวขนาดไหน เขาอยากจะทำลายชีวิตคนสักคน จะมีวิธีมากมายขนาดนี้นี่เอง แล้วยังทำให้ดิษยาและจุฑาธชทั้งสองหลงกลได้อย่างง่ายดาย
ถอนหายใจยาวๆ แล้วไม่คิดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนขากลับ รพีพงษ์ถามโศภิตา “คุณเรียนคณะอะไร?”
โศภิตาชะงัก ไม่รู้ว่ารพีพงษ์ถามคำถามนี้ทำไม แล้วกล่าว “เรียนการจัดการการโรงแรม แต่หลังจากที่ฉันเรียนจบแล้วก็ไม่ได้ทำงานในสายงานนี้”
รพีพงษ์ยิ้ม กล่าว “พอดีเลย พรุ่งนี้คุณมาโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ผมจะให้พวกเขาหาตำแหน่งงานให้คุณ แบบนี้ต่อไปคุณก็จะมีรากฐานที่เพียงพอที่นี่แล้ว”
โศภิตาตาโต มองไปที่รพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดว่ารพีพงษ์ที่รพีพงษ์ถามถึงคณะที่เธอเรียนนั้น เพื่อหางานให้เธอ
และที่สำคัญที่สุดคือ รพีพงษ์ให้เธอไปโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล!
นั่นมันเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเมฆาเลยนะ
เพียงแค่เป็นพนักงานทำความสะอาดที่นั่น เงินเดือนเดือนหนึ่งก็มากกว่างานที่เธอทำอยู่ตอนนี้ไม่รู้กี่เท่า
และน้ำเสียงที่รพีพงษ์พูด เหมือนกับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเป็นเขาของอย่างไรอย่างนั้น เพียงแค่เขาสั่งก็สามารถจัดตำแหน่งงานที่นั่นให้ได้เลย
แต่หลังจากที่เห็นเล่ห์กลของรพีพงษ์แล้ว ตอนนี้ต่อให้รพีพงษ์บอกว่าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเป็นของเขา โศภิตาก็ไม่สงสัย
“ได้……ได้ไงกัน โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของเมืองเมฆาเลยนะ ฉันมีสิทธิ์อะไรไปทำงานที่นั่น” โศภิตารีบกล่าว
รพีพงษ์หัวเราะ กล่าว “คุณเป็นเพื่อนสนิทของอารียา แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”
โศภิตาไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เธอไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตัวเองจะสามารถเข้าทำงานในโรงแรมระดับต้นๆได้ เพราะตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของอารียา
“เอาตามนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้เช้าคุณมาโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล แพลนท่องเที่ยวของเราที่นี่ได้มาถึงวันสุดท้ายแล้ว พรุ่งนี้น่าจะต้องกลับแล้ว” รพีพงษ์กล่าว
โศภิตาไม่ต่อต้านใดๆ แล้วพยักหน้าให้รพีพงษ์
ขณะเดียวกันเธอก็ได้ปฏิญาณกับตัวเองแล้ว ว่าจะทำงานให้ดี เพื่อทดแทนบุญคุณคู่สามีภรรยารพีพงษ์และอารียาทั้งสอง
หลังจากที่ตกลงกับโศภิตาเรียบร้อยแล้ว รพีพงษ์ก็เรียกรถกลับไปโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล
หลังจากที่กลับไปแล้ว เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้อารียาฟังทั้งหมด
หลังจากที่อารียาได้ยินจุดจบของดิษยาและจุฑาธชแล้วนั้น ก็หายโกรธ พวกเขาทั้งสองทำร้ายโศภิตาจนเป็นแบบนี้ จุดจบแบบนี้ก็ถือว่าไม่หนักเท่าไหร่สำหรับพวกเขา
สำหรับเรื่องที่รพีพงษ์จัดให้โศภิตามาทำงานที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลนั้น อารียาไม่คัดค้านใดๆ เพราะโศภิตาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ถ้าชีวิตของโศภิตาไม่เจอกับอุปสรรคแบบนี้ บางทีเธออาจจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ เพราะทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง
แต่ตอนนี้ที่โศภิตามาถึงขั้นนี้ เพราะเธอถูกดิษยาทำร้าย แน่นอนว่าเธอแค่อยากช่วยให้โศภิตาได้ใช้ชีวิตที่ปกติทั่วไป
จากนั้นทั้งสองได้เตรียมการเรื่องกลับบ้าน อารียารู้สึกว่าการออกมาครั้งนี้กินเวลาค่อนข้างนาน ดังนั้นจึงตัดสินใจกลับในวันพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้น โศภิตามาถึงประตูของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล รพีพงษ์ให้คนรีบเธอเข้ามา จากนั้นก็ให้ผู้จัดการช่วย
ผูจัดการไม่กล้าขัดคำสั่ง และคนนี้เป็นคนที่รพีพงษ์แนะนำมา เขาก็ไม่กล้าจัดตำแหน่งต่ำไป ถึงขั้นให้โศภิตาเป็นรองผู้จัดการ
ตอนที่โศภิตาได้ยินผู้จัดการจัดตำแหน่งให้เธอ ก็ตะลึง ปฏิเสธไปทันที เธอรู้ดีถึงความสามารถของตัวเอง รองผู้จัดการตำแหน่งนี้สำหรับเธอแล้วมันสูงไป
เห็นโศภิตาปฏิเสธ ผู้จัดการก็ทำได้เพียงเปลี่ยน จัดให้เธอรับตำแหน่งที่สูงแต่งานไม่หนัก รอให้มีโอกาสค่อยขึ้นตำแหน่งให้เธอ
หลังจากเสร็จเรื่องของโศภิตาแล้ว รพีพงษ์และอารียาก็เก็บข้าวของของตัวเอง เตรียมจะไปสนามบิน
โศภิตาไปเป็นเพื่อน ระหว่างทางไปได้พูดความในใจมากมาย สุดท้ายก็ได้ร้องออกมา
อารียารู้ว่านี่เป็นสิ่งที่เธอเก็บมันเอาไว้แล้วพรั่งพรูออกมาจนเป็นแบบนี้ ก็ปลอบประโลมเธอ
สุดท้าย ครอบครัวสามคนได้ขึ้นเครื่องบินในขณะที่สายตาของโศภิตากำลังซาบซึ้งอยู่ ไปจากเมืองเมฆา
หลังจากที่มาถึงเกียวโตแล้ว ตนได้ไปหาอาจารย์
เขาบอกเรื่องนี้ให้อารียาฟัง อารียาไม่คัดค้าน เพียงแค่ให้รพีพงษ์อยู่เป็นเพื่อนสองแม่ลูกให้มากๆหน่อย
รพีพงษ์ปฏิเสธข้อเรียกร้องนี้ของเธอไม่ได้แน่นอน หลังจากที่ถึงเกียวโตแล้วได้อยู่บ้านเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
ในหนึ่งสัปดาห์นี้ เขาไม่ทำอะไรเลย เป็นเพื่อนอารียาและหนูลินทั้งสองอย่างเดียว
คืนก่อนหน้าที่จะจากไป รพีพงษ์และอารียาได้ดูไททานิคด้วยกัน
หลังจากที่ดูจบ อารียาก็จริงจังขึ้นมา จ้องไปที่รพีพงษ์ถาม “มนุษย์ไม่มีทางรู้ว่าพรุ่งนี้หรือภัยพิบัติอันไหนจะมาก่อนกันแน่ รพีพงษ์ คุณว่าจะมีสักวันมั้ย ที่คุณออกไปแล้ว คุณจะไม่กลับมาอีก?”
รพีพงษ์เห็นอารียาเกิดหมดอาลัยตายอยากขึ้นมา ก็ลูบหน้าผากของเธอ แล้วกล่าว “ภัยพิบัติเปอร์เซ็นต์น้อย คำจำนวนมากบนโลกก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของพวกเขาจบถึงวาระสุดท้าย สบายใจได้ ผมไม่มีทางเป็นอะไรแน่”
“แล้วถ้าหลังจากที่คุณกลับมาแล้วไม่เห็นฉันอีกต่อไปล่ะ?” อารียาถามอีก
“ถ้าเป็นแบบนี้ คุณไปไหน ผมก็จะไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก” รพีพงษ์กล่าวอย่างจริงจัง
อารียาทุบไปที่อกของรพีพงษ์ กล่าว “ฉันไม่อนุญาต ถ้าวันหนึ่งฉันไม่อยู่แล้ว คุณก็ห้ามไปตามฉัน คุณต้องดูแลหนูลิน”
รพีพงษ์สูดหายใจลึกๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “วางใจได้ ผมไม่มีทางให้คุณเป็นอะไรแน่”
หลังจากที่จัดการเรื่องของตระกูลลัดดาวัลย์เสร็จแล้ว รพีพงษ์ก็ไปหาอาจารย์ ก่อนจะเดินทางเขาได้ถามประวัตรและปวิช ว่าจะไปกับเขาด้วยกันมั้ย พี่น้องทั้งสองบอกว่าภารกิจของพวกเขาคือปกป้องอารียาหนูลินสองแม่ลูก และอาจารย์ได้สอนสิ่งที่ควรจะสอนทั้งหมดแล้ว ดังนั้นไปหรือไม่ไปหาก็ค่าเท่ากัน
รพีพงษ์ไม่บังคับ ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ไปคนเดียว
ภัยพิบัตที่อาจารย์พูดทั้งหมดนั้น จนกระทั่งวันนี้รพีพงษ์ก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร ดังนั้นเขาก็ยังไม่รู้ว่าการไปครั้งนี้จะดีหรือร้าย
“แต่หวังว่า ทุกอย่างจะปลอดภัย” รพีพงษ์พูดกับตัวเอง