พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1050 บาวัน
บทที่1050 บาวัน
นิศมาได้ยินคำพูดของสาวคนนั้น ก็มองบน กล่าว “บาวัน แกพูดอะไรใช้สมองหน่อยนะ อะไรคือฉันพาชายนิรนามไปอาบน้ำด้วยกัน”
รพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆก็อึ้ง คิดในใจคนบนเกาะนี้แปลกดี เพิ่งจะถูกเข้าใจผิดว่าแอบดูคนอาบน้ำ ตอนนี้กลายเป็นชายป่าเถื่อนไปแล้ว
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าบาวันกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่เคยเห็นชายคนนี้มาก่อน เขาไม่ใช่ชายป่าเถื่อนหรอ? แล้วพี่ยังเดินออกมาจากที่อาบน้ำทุกวันของเราอีก ถ้าพวกคุณไม่ได้ไปอาบน้ำด้วยกัน แล้วไปทำอะไร?”
เธอเพิ่งพูดจบ ในสมองคิดความเป็นไปได้ออกอย่างหนึ่ง ก็หน้าแดงขึ้นมา จ้องไปที่นิศมากล่าว “พระเจ้า ศิษย์พี่ ไม่แปลกที่ศิษย์พี่หลายคนจีบพี่ แล้วพี่ไม่สนพวกเขา ที่แท้พี่ก็แอบชายป่าเถื่อนไว้นี่เอง!”
นิศมาเห็นบาวันยิ่งพูดยิ่งเลอะเทอะ ก็เริ่มหน้าแดง จากนั้นก็กล่าวอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ถ้าแกยังพูดมั่วอีก อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ”
“ไอ้หยา ศิษย์พี่ พี่ก็แค่ถูกฉันล้วงความลับเอง รู้สึกผิดแล้วหรอ?” บาวันยิ้มอย่างมีเลศนัย
บาวันเป็นหนึ่งในศิษย์ของวฤนท์ธม อายุน้อยที่สุด บวกกับเธอเป็นผู้หญิง นิสัยแปลกประหลาด เป็นที่รักของทุกคน ดังนั้นทุกคนบนเกาะจึงตามใจเธอมาก
นี่ทำให้บาวันพูดจาไม่คิด คิดอะไรก็พูดอย่างนั้น เพราะยังไงทุกคนก็ไม่โกรธเธอ
นิศมาได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ก็เข้าไป ด้วยความเร็ว ทำให้รพีพงษ์ตกใจ
ฝีมือของนิศมา เป็นแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุด!
ไม่แปลกที่เป็นศิษย์ที่อาจารย์ฝึกฝนมา ฝีมือแข็งแกร่งขนาดนี้
ถ้าอยู่โลกภายนอก นิศมาจะต้องได้รับการดูแลอย่างดีแน่นอน
บาวันเห็นนิศมาพุ่งเข้ามา ก็รีบหันหลังวิ่งความเร็วไม่ช้าไปกว่านิศมาเลย รพีพงษ์รับรู้ได้ถึงพลังของเธอ พบว่าเธอเป็นแดนปรมาจารย์ขั้นกลาง
สิ่งสำคัญที่สุดคือ บาวันเพิ่งจะสิบแปดสิบเก้าปี ตอนนั้นที่ตัวเองอายุขนาดนั้น ก็แค่เรียนกังฟูเล็กๆน้อยๆกับอาจารย์เท่านั้น
นิศมาบอกว่าบนเกาะนี้มีลูกศิษย์ของอาจารย์ทั้งหมดสามสิบคน หลังจากที่เห็นฝีมือของนิศมาและบาวัน รพีพงษ์เริ่มสงสัยฝีมือของลูกศิษย์อีกสามสิบคน น่าจะมากกว่าแดนปรมาจารย์แล้ว
แล้วนิศมาและบาวันอยู่ที่นี่เป็นแค่ศิษย์น้อง นึกถึงศิษย์พี่เหล่านั้น น่าจะเป็นแดนดั่งเทพไปแล้ว
จากที่เข้าใจอาจารย์มากขึ้น รพีพงษ์รู้สึกว่าอาจารย์คนนี้ของเขาน่ากลัว ยอดฝีมือแดนปรมาจารย์ อยู่โลกภายนอกถือเป็นผู้มีอำนาจแล้ว แล้วศิษย์ของอาจารย์ เป็นเพียงขั้นพื้นฐานเท่านั้น
ตอนนั้นที่อาจารย์บอกรพีพงษ์ว่าได้เป็นแดนดั่งเทพนั้น รพีพงษ์รู้สึกว่าฝีมือของอาจารย์น่าจะเป็นแดนเทพไปแล้ว
แต่ตอนนี้ความคิดของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ลูกศิษย์ที่อาจารย์ฝึกฝนมา ถ้าล้วนเป็นแดนดั่งเทพทั้งหมดแล้ว ฝีมือของเขาเอง ก็น่าจะเป็นแดนเทพ?
ไม่นาน นิศมาไล่ตามบาวันทัน แล้วยัง“สั่งสอน”เธออย่างหนัก บาวันรีบร้องขอ แล้วสัญญาว่าจะไม่พูดมั่วอีก นิศมาจึงได้ปล่อยเธอไป
รพีพงษ์ดูทั้งสองทะเลาะกัน ก็รู้สึกว่าชีวิตบนเกาะนี้ทำให้คนอิจฉาได้จริงๆ แม้ที่นี่จะไม่สะดวกเหมือนในเมือง แต่ความเงียบและความสงบในเมืองเทียบไม่ได้เลย
หลังจากที่หยุดทะเลาะกันแล้ว บาวันมองไปหารพีพงษ์ ถาม “ศิษย์พี่ ถ้าชายคนนี้ไม่ใช่ชายป่าเถื่อนล่ะก็ แล้วเขาเป็นใคร?”
“เขาคือรพีพงษ์ที่อาจารย์ชอบกล่าวถึงบ่อยๆ เขาขึ้นเกาะวันนี้เป็นวันแรก ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับบนเกาะ จึงได้เดินมั่วๆไปที่ลำธาร” นิศมาอธิบาย
บาวันมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ด้วยความแปลกใจ
“คุณคือรพีพงษ์คนนั้นหรอ? ให้ฉันดูหน่อย อาจารย์มักจะชื่นชมคุณ วันนี้ได้เห็นตัวเป็นๆสักที ให้ฉันดูหน่อยว่าคุณแตกต่างกับศิษย์พี่คนอื่นยังไง”
บาวันรีบวิ่งไปหารพีพงษ์ แล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางแบบนั้น แทบจะถอดชุดของรพีพงษ์ออกมาให้ได้ แล้วสังเกตอย่างถี่ถ้วน
รพีพงษ์ถูกบาวันจ้องขนาดนี้ ก็เริ่มไม่สบายใจ แล้วกล่าว “ความจริงผมก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนอื่นหรอกนะ ไม่มีอะไรให้ดู”
“เชอะ ขี้งก ก็แค่ดูป้ะ” บาวันกล่าวอย่างไม่พอใจ
ทั้งสามเดินไปข้างหน้า ไม่นาน รพีพงษ์ก็เห็นข้างหน้าเต็มไปด้วยบ้านเรือนไม้ บ้านเหล่านี้อยู่ไม่ติดกันมาก ลักษณะไม่เหมือนกัน ดูๆแล้วมีรสชาติชีวิตที่แตกต่าง
“ข้างหน้าเป็นที่ๆเราใช้ชีวิตกัน ตอนนี้อาจารย์น่าจะออกไปหายา ตั้งรอกลางคืนจึงจะกลับมา” นิศมาพูดกับรพีพงษ์
รพีพงษ์พยักหน้า รอให้ไปถึงใกล้ๆก่อน แล้วค่อยใช้พลังจิต ห้อมล้อมบ้านเรือนไม้เหล่านั้นไว้
แว็บเดียว รพีพงษ์ก็รู้ถึงรายละเอียดต่างๆในบ้านเหล่านี้ เขาพบว่าในบ้านนี้มีทั้งหมดยี่สิบกว่าคน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงมีเพียงสองคน
ฝีมือของคนพวกนี้ล้วนมากกว่าแดนปรมาจารย์ขั้นกลางทั้งนั้น และเป็นแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดมาก ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ รพีพงษ์พบว่ามีสามคนที่เป็นแดนดั่งเทพ และหนึ่งในนั้นเป็นแดนดั่งเทพขั้นกลางแล้ว
แสดงว่าตนเองเดาไว้ไม่มีผิด ศิษย์เหล่านี้ของอาจารย์ ไม่ธรรมดาจริงๆ แดนปรมาจารย์มากขนาดนี้ ถ้าไปในประเทศ จะต้องล้างบางวงการบู๊หัวเซี่ยทั้งหมดแน่นอน
ไม่แปลกที่ตอนนั้นอาจารย์ไม่สนใจห้าตระกูลใหญ่ของวงการบู๊ ทั้งสองไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันเลยแม้แต่น้อย
ตอนที่กำลังเดินอยู่นั้น บาวันจ้องไปที่กระเป๋าที่รพีพงษ์สะพาย ยื่นมือไปเปิดซิบออก มองเข้าไปว่าในกระเป๋ามีอะไร
รพีพงษ์เห็นดังนี้ ก็รีบหลับ จ้องไปที่บาวันแล้วถาม “คุณจะทำอะไร?”
บาวันกล่าว “ฉันก็แค่ดูว่าคุณพกอะไรมาในกระเป๋าบ้าง คุณมาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่น่าจะเอาของขวัญอะไรมาให้พวกเรา ทำไมคุณขี้งกจัง?”
“ขอโทษครับ ผมไม่รู้สถานการณ์ของที่นี่ ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมของขวัญมา” รพีพงษ์กล่าว
“งั้นคุณก็ให้ฉันดูสิว่าในกระเป๋ามีอะไร?” บาวันกล่าวอย่างโมโห
บนเกาะ ไม่ว่าเธอจะดูของของใคร ก็ไม่เคยถูกปฏิเสธ ดังนั้นตอนนี้รพีพงษ์ไม่ให้เธอดู เธอยิ่งโมโห
รพีพงษ์มองบาวัน กล่าว “ในกระเป๋าเป็นข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของผมทั้งนั้น ไม่มีอะไรน่าดู”
เห็นรพีพงษ์ยังไม่ให้เธอดู บาวันก็โมโห จากนั้นก็พึมพำว่า “เชอะ จะบอกให้นะ ตอนนี้ฉันโมดหมาก ถ้าคุณไม่ให้ฉันดู งั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ!”
รพีพงษ์ส่ายหัว ไม่พูดอะไร
บาวันมองปฏิกิริยาของรพีพงษ์ แล้วส่งเสียงเหอะออกมา จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน แล้วตะโกนดังๆว่า “พวกคุณรีบออกมาดูเร็วๆ ศิษย์พี่นิศมาพาแฟนมา! ต่อไปพวกคุณไม่มีโอกาสจีบศิษย์พี่นิศมาแล้วนะ!”