พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1057 ให้เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1057 ให้เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่
บทที่1057 ให้เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่
หลังจากที่นิศมาได้ยินคำพูดของนฤชัย บนใบหน้าก็แสดงความตื่นตกใจอย่างรุนแรง
แม้ว่านิศมารู้ว่านฤชัยคิดอะไรกับตัวเอง แต่นฤชัยไม่เคยแสดงออกมาก่อน และไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอ ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของนฤชัยกับหูตัวเอง
“ศิษย์พี่นฤชัย เมื่อคืนนี้รพีพงษ์ค้างคืนที่ห้องฉันเท่านั้นเอง ยัยเด็กบาวันพูดจาเหลวไหลเท่านั้นเอง”นิศมาพูดอธิบาย “ที่สำคัญ สิ่งนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่นฤชัย จำเป็นที่ต้องพูดจารุนแรงแบบนี้ด้วยเหรอ?”
แม้ว่านิศมาจะเคารพนฤชัยเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาของลูกศิษย์ แต่เธอไม่ได้รู้สึกดีต่อนฤชัย
เมื่อก่อนนฤชัยไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนมาก่อน ในเมื่อครั้งนี้พูดออกมา ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็ใช้โอกาสนี้ปฏิเสธเขาไปตรงๆ จากนี้ไปจะได้ไม่ต้องเกิดความเข้าใจผิดขึ้นอีก
หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของนิศมา ก็สังเกตได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทั้งหมดปิดปากเงียบ และไม่กล้าพูด
แม้แต่ผู้ร้ายอย่างบาวันเหมือนจะรู้ตัวว่าคำพูดไม่กี่ประโยคที่ไม่ตั้งใจของตัวเอง เหมือนจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด
หลังจากที่นฤชัยได้ยินคำพูดของนิศมา ในใจก็เข้าใจท่าทีที่นิศมามีต่อตัวเอง ก็สูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปชั่วขณะ แต่ว่าเขาสามารถบรรลุถึงแดนดั่งเทพขั้นกลางได้ การควบคุมตนเองคงจะไม่ใช่ว่าคนธรรมดาจะเทียบได้ ดังนั้นสุดท้ายยังอดกลั้นลงมาได้
“เหอะๆ ในเมื่อศิษย์น้องพูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันยุ่งเรื่องมากเกินไปจริงๆ แต่ฉันก็ยังอยากเตือนศิษย์น้อง ศักยภาพที่ดี ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเติบโตขึ้นมาได้จริงๆ อัจฉริยะที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรในประวัติศาสตร์ ก็มีจำนวนไม่น้อย”
หลังจากที่นฤชัยพูดจบ หันหน้ามองไปทางรพีพงษ์ คำพูดของเขาเห็นได้ชัดว่าพูดกับรพีพงษ์
รพีพงษ์ค่อนข้างทำอะไรไม่ถูก และนึกไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายเป็นแบบนี้ได้
ตอนนี้ศิษย์นฤชัยคงจะมีใจที่จะฆ่าเขาแล้ว
“ศิษย์น้องรพีพงษ์ ในเมื่ออาจารย์ชื่นชมนายขนาดนี้ คิดไปแล้วความแข็งแกร่งของนายน่าจะบรรลุถึงแดนชั้นยอด ไม่ทราบว่านายกล้าที่จะประลองกับฉันสักตั้งมั้ย ให้ฉันเรียนประลองแข็งแกร่งของความสามารถที่น่าภูมิใจของนาย”
นฤชัยจ้องมองรพีพงษ์ ในแววตา ปรากฏความฮึกเหิม เหมือนราวกับว่ากำลังปรามรพีพงษ์ไว้ด้านล่างของตัวเอง
ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่ ความเย่อหยิ่งในใจของนฤชัยไม่จำเป็นต้องบอก คำพูดเมื่อกี้นี้ของนิศมาเทียบเท่ากับการปฏิเสธเขาต่อหน้าศิษย์พี่ศิษย์น้องจำนวนมากโดยตรง และในใจของเขาก็ค่อนข้างไม่พอใจ
ดังนั้นสำหรับชนวนของเรื่องนี้ รพีพงษ์ สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่ในใจของเขา มีเพียงความเป็นปรปักษ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด
รวมทั้งอาจารย์ชื่นชมรพีพงษ์มาโดยตลอด ดังนั้นนฤชัยรู้สึกว่าตัวเองมีความจำเป็นต้องทำให้รพีพงษ์รู้ตัวว่า ใครกันแน่ที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ ไม่อย่างนั้นในอนาคตรพีพงษ์จะข้ามหน้าข้ามตาของเขาได้
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของนฤชัย ก็ส่ายหัวอย่างช่วยช่วยไม่ได้ แล้วพูดว่า: “ศิษย์พี่ อันที่จริงไม่มีความจำเป็น ฉันว่าช่างมันเถอะ”
เขาคิดว่าตัวเองถึงแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว ถ้าหากประลองกับนฤชัย ถึงเวลานฤชัยก็จะแพ้อย่างน่าสังเวช ถ้าอย่างนั้นเขาต่อหน้าทุกคนก็จะอับอายขายหน้ามากขึ้น
เมื่อนฤชัยได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ คิดว่ารพีพงษ์หวาดกลัว ทันใดนั้นบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย เอ่ยปากพูดว่า: “แค่ประลองเท่านั้นเอง ฉันไม่ลงมือถึงตาย นายไม่ต้องกลัว”
ทุกคนรอบๆก็รู้สึกว่ารพีพงษ์เป็นเพราะกลัวความแข็งแกร่งของนฤชัย ดังนั้นถึงได้ปฏิเสธ
“คาดไม่ถึงรพีพงษ์ค่อนข้างฉลาด รู้ว่าตัวเองสู้ศิษย์พี่นฤชัยไม่ได้ ดังนั้นจึงปฏิเสธตรงๆ แต่ว่าศิษย์พี่นฤชัยคงจะไม่มีทางปล่อยเขาไปได้อย่างง่ายๆ”
“ศิษย์พี่นฤชัยก็น่าสงสารเช่นกัน เดิมทีเขาก็เป็นลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในนามของอาจารย์ ปรากฏว่าอาจารย์ก็ชื่นชมรพีพงษ์คนนี้มาโดนตลอด ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นใคร ในใจคงจะรู้สึกไม่ดี ตอนนี้ศิษย์น้องนิศมาก็เพราะรพีพงษ์คนนี้ปฏิเสธศิษย์พี่นฤชัย ศิษย์พี่นฤชัยไม่ได้ไล่ฟันรพีพงษ์ไปตรงๆก็ดีแค่ไหนแล้ว”
รพีพงษ์เห็นว่านฤชัยยืนยันที่จะประลองกับตัวเอง ก็ขมวดคิ้ว จึงต้องการที่จะบอกความแข็งแกร่งของตัวเขาเองโดยตรง ให้เขาเลิกความคิดนี้
แต่ในเวลานี้ เสียงของอาจารย์ก็ดังขึ้นมา
“คาดไม่ถึงพวกเธอทั้งหมดก็อยู่ที่นี่ ฉันต้องการจะประกาศเรื่องหนึ่งพอดี พวกเธอก็อยู่ ถ้าอย่างนั้นก็สะดวกแล้ว”
ทุกคนหันหน้ามองไปทางวฤนท์ธม นฤชัยระงับความโกรธของตัวเองไว้ และโค้งคำนับเคารพต่ออาจารย์
วฤนท์ธมกวาดสายมองไปที่ทุกคนแวบหนึ่ง สุดท้ายสายตาก็จับจ้องไปที่บนตัวรพีพงษ์ จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ความจริงฉันอยากบอกพวกเธอว่า เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รพีพงษ์เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเธอ จากนี้ไปถ้าฉันไม่อยู่ พวกเธอต้องเชื่อฟังรพีพงษ์ คำพูดของเขาก็คือคำพูดของฉัน เข้าใจมั้ย?”
คำพูดจองวฤนท์ธมออกจากปาก ทุกคนอ้าปากกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
นฤชัยเป็นคนแรกที่ดึงสติกลับมาได้ ปกติอาจารย์มักจะชื่นชมรพีพงษ์ก็ช่างแล้ว แต่ตอนนี้กลับจะให้รพีพงษ์เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา เรื่องนี้เขายอมรับไม่ได้จริงๆ
“อาจารย์ รพีพงษ์คนนี้เข้าสำนักช้ากว่าพวกเรา ให้เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า?”
“ใช้แล้วอาจารย์ ศิษย์พี่นฤชัยถึงจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา แม้ว่ารพีพงษ์จะมีความสามารถมาก แต่ยังไม่มีสิทธิ์เป็นศิษย์พี่ใหญ่ใช่มั้ย?”
“อาจารย์ รพีพงษ์แค่มาที่บนเกาะวันเดียว ท่านก็ให้เขาเป็นศิษย์พี่ใหญ่ รีบร้อนเกินไปหรือเปล่า?”
……
รพีพงษ์ก็คาดไม่ถึงว่าจู่ๆอาจารย์จะออกมาเช่นนี้ เทียบเท่ากับว่าเขากำลังทำให้ความขัดแย้งระหว่างเขากับนฤชัยยิ่งเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้เขาอยากอธิบายกับนฤชัยก็ไม่ได้แล้ว
แต่ในเวลานี้เขาคิดถึงสิ่งที่วฤนท์ธมบอกเขาเมื่อคืนนี้ อยากจะใช้เขามาฝึกฝนนฤชัย ก็เข้าใจว่าทำไมอาจารย์ถึงทำแบบนี้
อาจารย์อยากจะให้ตัวเองปรามนฤชัย ถ้าไม่อย่างนั้นเป็นแบบนี้ต่อไป ด้วยนิสัยของนฤชัย จะเกิดเรื่องในไม่ช้าก็เร็ว
บนใบหน้าของวฤนท์ธมปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันรู้ว่าในใจของพวกเธออาจจะไม่พอใจ ฉันก็เข้าใจรพีพงษ์ต้องการจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ ดูจากอายุแล้ว ยังห่างไกลเล็กน้อยจริงๆ”
“แต่ว่าคนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มีกฎของคนที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ถ้าหากพวกเธอไม่พอใจที่รพีพงษ์เป็นศิษย์พี่ใหญ่ ถ้าอย่างนั้นก็ต่อสู้กับเขาสักรอบ ถ้าหากใครสามารถเอาชนะเขาได้ ใครก็เป็นศิษย์พี่ใหญ่ แบบนี้ก็เธอก็น่าจะไม่มีความคิดเห็นใช่มั้ย?”
ทุกคนได้ยินคำพูดของวฤนท์ธม ดวงตาก็เปล่งประกาย สายตาจับจ้องไปที่บนตัวนฤชัย
ตอนนี้นฤชัยแทบอยากจะต่อสู้กับรพีพงษ์สักตั้ง ในเมื่ออาจารย์อนุญาตแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่เกรงใจรพีพงษ์เป็นธรรมดา
เขาหันมองไปทางรพีพงษ์ เอ่ยปากพูดว่า: “ศิษย์น้องรพีพงษ์ ตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่นี้ นายน่าจะเป็นไม่ได้ ฉันว่านายคืนให้ฉันดีกว่า”
“ในเมื่ออาจารย์บอกกฎแล้ว ถ้าอย่างนั้นนายน่าจะไม่สามารถปฏิเสธการประลองกับฉันได้แล้วใช่มั้ย?”
รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ รู้ว่าถ้าหากวันนี้ไม่ต่อสู้กับนฤชัยสักตั้ง เรื่องนี้ก็จะไม่จบสิ้น
แต่ว่าสิ่งนี้สำหรับรพีพงษ์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ในเมื่อนฤชัยอยากจะอับอายขายหน้าของตัวเอง ถ้าอย่างนั้นตัวเองก็ทำได้เพียงลงมือแล้ว
เขามองไปที่นฤชัยแวบหนึ่ง แล้วพูดเน้นย้ำว่า: “ได้ ฉันจะต่อสู้กับนาย”