พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1063 ศพ
บทที่1063 ศพ
ภายในประตูเป็นมืดดำสนิท เหมือนราวกับว่ามีสัตว์ร้ายซ่อนอยู่ เพียงแค่มองแวบเดียว ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามีอันตรายที่ไม่สิ้นสุดอยู่ข้างใน
รพีพงษ์ปลดปล่อยพลังจิตของตัวเองออกมาทันที สำรวจไปทางด้านในประตู แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ พลังจิตของเขาเพิ่งผ่านประตูหิน พบกับพลังต่อต้านที่แข็งแกร่งมาก และค่อนข้างยากที่จะไปข้างหน้า
สิ่งที่ขัดขวางไปข้างหน้าของพลังจิตของเขา คือพลังที่ค่อนข้างแปลกอย่างหนึ่ง ซึ่งพลังแบบนั้นมีกัดกร่อนจิตใจของผู้คน เขาเพียงแค่สัมผัสเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็รู้สึกตัวเองคนทั้งคนกลายเป็นหงุดหงิดมากขึ้น
ถ้าหากเดาไม่ผิด สิ่งนี้น่าจะเป็นไอพิฆาตที่วฤนท์ธมบอก
ในใจของเขาก็เกิดความหวาดกลัวต่อชัชพิสิฐเล็กน้อย เพียงแค่ไอพิฆาตที่เหลือทิ้งไว้หลังจากความตายของเขาเท่านั้น ก็น่ากลัวมากขนาดนี้
ต้องรู้ว่ารพีพงษ์เป็นยอดฝีมือแดนดั่งเทพชั้นยอด สำหรับพลังที่ต้านทานต่อหลายสิ่งค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ว่าไอพิฆาตนี้เขาเพียงแค่สัมผัสไม่กี่วินาที ก็มีความรู้สึกมากกว่าการกัดกร่อน เพียงพอที่จะเห็นความน่ากลัวของไอพิฆาต
ที่สำคัญระยะเวลาที่ชัชพิสิฐเสียชีวิตไป ก็ผ่านหลายปีแล้ว ตอนนี้ไอพิฆาตในสุสาน น่าจะอ่อนแอกว่าตอนนั้นมากแล้ว
ดูเหมือนว่าสามารถหลบหนีจากทวีปโอชวินมาถึงบนโลก ชัชพิสิฐคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
วฤนท์ธมจ้องมองไปที่ด้านหลังประตูหินแวบหนึ่ง บนใบหน้าแสดงความทอดถอนใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นยื่นมือชี้ไป รังสีแสงปรากฏออกมา ส่องเข้าไปที่ด้านหลังประตูหิน
ทุกคนเดินตามแสงสว่างนั้น และเห็นช่องทางเดินยาวๆที่ด้านหลังประตู
แสงสว่างถูกฝังตรงเข้าไปที่บนผนัง เหมือนราวกับหลอดไฟฟ้า เปล่งแสงอยู่ตลอด และทุกคนสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในได้อย่างชัดเจน
ทุกคนทอดถอนใจกับอิทธิฤทธิ์ของวฤนท์ธม กลยุทธ์ตอนนี้ของเขา อยู่ในสายตาของคนธรรมดา เมื่อเทียบกับเทพเจ้าก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
“ในสุสานนี้เต็มไปด้วยไอพิฆาต แต่ว่าพวกเธอเพิ่งทานยาที่ฉันให้พวกเธอ ดังนั้นจะไม่ถูกไอพิฆาตกัดกร่อน แต่จดจำไว้ห้ามใช้พลังจิตหรือพลังจิตสำรวจสถานการณ์ในสายตา ไอพิฆาตนี้สามารถผ่านพลังจิตและพลังจิตดำเนินการกัดกร่อนคนได้”วฤนท์ธมเอ่ยปากพูด แววตาจับจ้องไปที่บนตัวรพีพงษ์ คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าพูดกับเขา
รพีพงษ์พยักหน้าด้วยใบหน้าที่จริงจัง เมื่อกี้นี้เขาเพิ่งจะตระหนักถึงอานุภาพของไอพิฆาต
“ตอนนี้พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
ไม่ลังเลใจอีกต่อไป วฤนท์ธมเป็นผู้นำเดินเข้าไปในสุสาน
ทุกคนรีบเดินตามทันที บนใบหน้ามาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็นยากที่จะปิดซ่อน
เดินไปตามทางเดินจนสุดทาง ทุกคนก็เห็นทางแยกสองทางอยู่ข้างหน้า วฤนท์ธมเดินไปตามถนนทางซ้ายอย่างคุ้นเคย ก็เหมือนราวกับว่ามาที่นี่บ่อยๆ
เดิมทีรพีพงษ์คิดว่าสุสานแบบนี้ ข้างในคงจะมีกลไกกับดักต่างๆ พวกเขาต้องผ่านอุปสรรคหนักมากมาย ถึงจะสามารถไปถึงพื้นที่หลักของสุสาน
แต่ว่าพวกเขาเดินไปตลอดทาง ไม่ได้เจอกับกลไกใดๆหรือกับดัก วฤนท์ธมก็เหมือนราวกับรู้ว่าที่นี่ไม่มีกลไก และเดินได้รวดเร็วมาก
ต่อมารพีพงษ์ถึงได้เข้าใจ ชัชพิสิฐไม่ใช่เจ้าชายจักรพรรดิของประเทศจีนโบราณ ไม่มีความเคยชินพัวพันกับกลไกในสุสาน
ที่สำคัญตอนที่เขามีชีวิตเกือบจะเท่าเทียมกับเซียน แค่วิธีเข้ามาในสุสานนี้ คนธรรมดาก็คาดไม่ถึง แล้วนับประสาอะไรกับการเข้าไปปล้นสุสาน
ถ้าไม่ใช่วฤนท์ธมได้เปิดประตูหินนี้ แม้แต่รพีพงษ์ยอดฝีมือแดนดั่งเทพคนนี้ ก็มองไม่ออกว่าหน้าผาจะกลายเป็นประตูหินหนึ่งบานได้
ที่สำคัญไอพิฆาตที่มีอยู่ในประตูหินนั้นน่ากลัวกว่ากลไกกับดักทั้งหมด ถ้าหากวฤนท์ธมไม่ให้ยาที่สามารถต้านทานไอพิฆาตกับพวกเขาต่อให้เป็นแดนดั่งเทพอย่างรพีพงษ์ ก็ไม่สามารถต้านทานการกัดกร่อนของไอพิฆาตได้
ดังนั้นไม่ได้จัดตั้งกลไกกับดักอยู่ในสุสานของตัวเอง ก็สามารถอธิบายเข้าใจได้
เดินไปตามถนนสายนั้นจนสุดทาง ทุกคนก็เห็นพื้นที่โล่ง วฤนท์ธมแสดงกลยุทธ์ของตัวเองอีกครั้ง ทำให้สว่างไสวไปทั่วพื้นที่โล่งทั้งหมด
นี่เป็นห้องโถงขนาดประมาณหลายร้อยตารางเมตร ในห้องโถงสร้างได้ค่อนข้างงดงามสง่ายิ่งใหญ่ ทำให้คนรู้สึกเหมือนราวพระราชวัง
ทุกคนตกตะลึงกับรัศมีของห้องโถง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ
ในห้องโถงสิ่งของวางอยู่มากมาย และมีกล่องหลากหลาย ไม่รู้ข้างในใส่ของอะไรไว้
ในตำแหน่งที่อยู่ตรงกลางที่สุด ทุกคนสามารถเห็นว่าที่นั่นมีเตียงหินวางอยู่หนึ่งเตียง บนเตียงหิน มีศพนอนอยู่ที่นั่น
ศพนั้นยังคงสภาพสมบูรณ์ ไม่มีวี่แววว่าจะแห้ง ก็เหมือนเรากับว่าคนคนหนึ่งนอนหลับอยู่ เพียงแต่ว่าบนร่างกายของคนคนนี้ ไม่มีลมหายใจแล้ว
รพีพงษ์ตัดสินออกมาได้เป็นอันแรก ศพที่นอนอยู่บนเตียงหิน น่าจะเป็นชัชพิสิฐ
คาดไม่ถึงผ่านไปหนึ่งร้อยกว่าปีแล้ว ศพของชัชพิสิฐยังคงสมบูรณ์ ไม่รู้ว่าตอนที่เขามีชีวิตอยู่ความแข็งแกร่งบรรลุถึงแบบไหนกันแน่
หลังจากที่วฤนท์ธมเห็นศพบนเตียง คนทั้งคนก็กลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกที่ตอนนั้นเขาติดตามชัชพิสิฐ หรือเหตุผลอื่น
“อาจารย์ สถานที่แห่งนี้มีกล่องมากมายวางอยู่ ของที่ท่านต้องการ อยู่ในกล่องเหล่านี้หรือเปล่า?”รพีพงษ์จ้องมองวฤนท์ธมแล้วถาม
วฤนท์ธมไม่ได้มองกล่องเหล่านั้น เอ่ยปากพูดว่า: “ของที่ฉันจะหา น่าจะอยู่บนศพนั้น”
ทุกคนมองไปที่ศพ ไม่รู้ว่ามีของอะไรอยู่บนศพกันแน่
วฤนท์ธมเดินไปที่เตียงหิน ทุกคนต่างกระปรี้กระเปร่า และคอยระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นรอบตัวอยู่เสมอ
เมื่อมาถึงด้านข้างเตียงหิน ดวงตาของวฤนท์ธมเปลี่ยนเป็นแปลกประหลาดอย่างกะทันหัน เขาเหมือนราวกับว่าต่อศพนี้ มีอารมณ์ที่แตกต่างกัน
รพีพงษ์สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของวฤนท์ธมเล็กน้อย ในใจก็แปลกใจอย่างฉับพลัน คิดในใจว่าต่อให้อาจารย์จะเกิดความทอดถอนใจต่อปีนั้นในวันที่ติดตามชัชพิสิฐ ก็ไม่ควรจะแสดงอารมณ์ต่อศพแบบนี้ออกมาถึงจะถูก
วฤนท์ธมจ้องมองศพเป็นเวลานาน จากนั้นก็เอื้อมมือ ไปสัมผัสใบหน้าของศพ
สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง และคาดไม่ถึงอย่างยิ่งว่าวฤนท์ธมจะกระทำแบบนี้ออกมา
“อาจารย์เป็นอะไรเหรอ? หรือว่าเขา…..กับศพนี้เคยพัวพันอะไรกันเมื่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เหรอ?”บาวันพึมพำเบาๆด้วยสีหน้าที่นินทา
นิศมาเขม็งตาให้เธอแวบหนึ่ง ให้เธอหุบปาก
มือของวฤนท์ธมสัมผัสที่บนใบหน้าของศพ ดูเหมือนว่ามีความรู้สึกที่แตกต่างต่อศพนี้ แต่รพีพงษ์สามารถตระหนักได้ว่า ไม่ใช่อย่างที่บาวันคิดแบบนั้น
เขารู้สึกว่าวฤนท์ธมจ้องมองศพนี้ ก็เหมือนราวกับกำลังจ้องมองตัวเอง
ในขณะนี้ มีเสียงคร่ำครวญดังมาในห้องโถงอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้น เงาสีดำก็ไม่รู้ว่าพุ่งออกมาจากที่ใด พุ่งตรงไปที่วฤนท์ธมอย่างรวดเร็ว
“อาจารย์ระวัง!”รพีพงษ์รีบตะโกนบอกวฤนท์ธมอย่างรวดเร็ว