พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1072 อัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1072 อัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ
ระหว่างทางกลับเกียวโต รพีพงษ์กำลังอ่านหนังสืออัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ
ก่อนหน้าหน้าเขาได้โทรหาอารียาหลายสาย แต่เป็นเพราะวันนั้นฝนตกน้ำเข้าโทรศัพท์ สัญญาณไม่ดีมาโดยตลอด ดังนั้นจึงโทรไม่ติด
รวมทั้งตอนนี้เขายังอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกล ดังนั้นจึงตั้งใจรอถึงในเมืองแล้วค่อยคิดหาทางโทรอีกครั้ง
ในเวลานี้ได้อ่านชีวประวัติของชัชพิสิฐไปเกือบหมดแล้ว และเมื่อตอนที่กลับมา เขาก็เอาอัตชีวประวัติของชัชพิสิฐและแผนที่แผ่นนั้นกับหยกสีเลือดติดตัวด้วย
แม้ว่าจะไม่รู้ถึงประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้ แต่คุณค่าคงจะไม่ธรรมดาอย่างที่รพีพงษ์คิด ดังนั้นจำเป็นต้องเก็บไว้เป็นอย่างดี บางทีสักวันหนึ่งอาจจะมีประโยชน์
หลังจากปิดหน้าสุดท้ายของอัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ รพีพงษ์ก็ถอนหายใจยาวๆ ประสบการณ์ของชัชพิสิฐใช้คลื่นทะเลที่กว้างใหญ่มาพรรณนาก็ไม่เกินจริง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า ชีวิตหนึ่งของคนคนหนึ่ง จะสามารถประสบกับเรื่องราวมากมายได้ขนาดนี้
แน่นอนว่า หลังจากที่อ่านอัตชีวประวัติของชัชพิสิฐ รพีพงษ์รู้แล้วว่าชัชพิสิฐคือปีนั้นเซียนเหล่านั้นเพิ่งเข้าสู่ทวีปโอชวิน จึงเป็นทารกเกิดใหม่รุ่นแรก ดังนั้นคำนวณลงมา ชัชพิสิฐมีชีวิตอยู่ในทวีปโอชวินมานานห้าพันปี
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีใครบางคนสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ สิ่งนี้เกินความรู้ความเข้าใจของรพีพงษ์ไปโดยสิ้นเชิง
แต่หลังจากที่เข้าเรื่องราวของทวีปโอชวินบ้าง สำหรับเรื่องการมีชีวิตอยู่มาห้าพันปีรพีพงษ์ก็ไม่ได้ประหลาดใจขนาดนั้น เพราะคนของทวีปโอชวินฝึกฝนไปสู่ทิศทางของเซียน เมื่อความแข็งแกร่งบรรลุถึงแดนหนึ่ง อายุขัยก็จะเปลี่ยนเป็นยืนยาวขึ้นอย่างไร้ที่เปรียบ และยังมีคนสามารถบรรลุถึงระดับอมตะได้
อยู่ในโลก ต่อให้บรรลุถึงแดนปรมาจารย์ หรือแม้แต่แดนดั่งเทพ ยังคงถูกคิดว่ากำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่ แต่ในทวีปโอชวินไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ สิ่งที่พวกเขาฝึกฝน เป็นการพลิกชะตาฟ้าลิขิตอย่างแท้จริง
ตอนนั้นบรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์เคยบอกว่า ปีนั้นเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างจอมมารชูร่ากับกลุ่มเซียน ได้ทำลายรากฐานของโลก นำไปสู่พลังทิพย์ที่กระเจิดกระเจิง ดังนั้นเซียนเหล่านั้นจำเป็นต้องไปที่ทวีปโอชวิน และในทวีปโอชวิน มีพลังทิพย์ ที่บรรพบุรุษของตระกูลตรีศาสตร์บอก
คนของในทวีปโอชวินอาศัยพลังทิพย์ฝึกฝน ความเร็วของการฝึกฝนเร็วมากกว่านักรบที่อาศัยเน่ยจิ้งฝึกฝนบนโลกถึงสิบเท่าร้อยเท่า ดังนั้นในทวีปโอชวิน แดนปรมาจารย์ เพียงแค่เส้นทางเริ่มต้นการฝึกฝน
และแดนดั่งเทพ ก็ถือได้ว่าฝืนทนฝึกฝนก้าวสู่พื้นฐานได้ เริ่มต้นเส้นทางการฝึกฝน
อยู่ในทวีปโอชวิน ผู้คนได้นำขั้นตอนเน่ยจิ้งและขั้นตอนแดนปรมาจารย์ เรียกรวมกันว่าขั้นฝึกลม และแดนดั่งเทพ ถูกเรียกว่าขั้นธรรมวิสุทธิ์
และเหนือกว่าแดนเทพ ถูกเรียกว่าอาถรรพ์ ตอนนี้แดนที่สามารถบรรลุได้สูงบนโลก ก็คือแดนเทพ
และแดนเทพนี้ อยู่ที่ทวีปโอชวิน เป็นเพียงแค่ก้าวแรกที่ก้าวสู่ผู้แข็งแกร่งพื้นฐานเท่านั้นเอง
เหนือกว่าอาถรรพ์ ยังมีแดนเทพทะเลและแดนจิตทอง แดนที่ในอัตชีวประวัติของ
ชัชพิสิฐพูดถึง ก็มีเพียงแค่นี้
อย่างไรก็ตามสามารถคาดคะเนจากคำพูดของชัชพิสิฐออกมาได้ ก่อนหน้าที่เขาจะมายังบนโลก แดนคงจะอยู่เหนือกว่าแดนจิตทอง เพราะคำอธิบายของเขาเกี่ยวกับแดนจิตทองยังคงมีร่องรอยของการดูถูกเล็กน้อย
รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่าคนในทวีปโอชวินจะสามารถฝึกฝนจนถึงแดนที่สูงมากขนาดนี้ได้ ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาทุกคนเรียกตัวเองว่าเซียน เพียงแค่แดนดั่งเทพ รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าค่อนข้างแข็งแกร่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าผู้แข็งแกร่งแดนจิตทอง จะมีความสามารถทำลายล้างโลกได้แบบไหน
ในเวลาเดียวกันในใจของรพีพงษ์ก็เกิดความทอดถอนใจเล็กน้อย ชัชพิสิฐอยู่ในทวีปโอชวินเป็นผู้พิชิตที่มีพลังอำนาจมาก ผลปรากฏว่าเพราะบุกรุกช่องทางขนส่ง และได้รับบาดเจ็บสาหัส มาถึงบนโลกจำเป็นต้องยึดครองแล้วเกิดใหม่ สุดท้ายยังตายอยู่ในเงื้อมมือของรพีพงษ์ ทำให้คนจำต้องไม่ทอดถอนใจอย่างฉับพลัน
ต่อให้คนคนหนึ่งจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถหลีกหนีการควบคุมของโชคชะตาได้
ตอนที่ชัชพิสิฐอยู่ที่ทวีปโอชวิน ก็เป็นคนดีเด่นยอดเยี่ยมในโลก เป็นที่หนึ่งไม่รองใครในรุ่นของโลกทั้งใบ เขาอาศัยความแข็งแกร่งของตัวเอง กลายเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของทวีปโอชวินรุ่นนั้น
ต่อมาชัชพิสิฐต้องการที่จะให้ตัวเองขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เข้าสู่แดนอัศจรรย์แห่งหนึ่งของทวีปโอชวิน อยู่ในนั้นค้นพบการมีอยู่ของกังฟูเสน
ในทวีปโอชวินแม้ว่าจะอาศัยพลังทิพย์มาเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่พวกเขาพลังที่พวกเขาอาศัยพลังทิพย์ฝึกฝนมา ความจริงเมื่อเทียบกับเน่ยจิ้ง ก็แข็งแกร่งกว่าไม่มากเท่าไหร่ ทั้งสองถือว่าเป็นพลังระดับเดียวกัน เพียงแค่แหล่งที่มาไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง
และพลังที่กังฟูเสนฝึกฝนออกมา ทำให้พลังในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าระดับหนึ่งทันที ภายใต้แดนเดียวกัน คนที่ฝึกฝนกังฟูเสน แทบจะจับมัดคนที่ฝึกฝนกลยุทธ์ห้อยหัวได้
สิ่งนี้ทำให้ชัชพิสิฐมองเห็นความหวังที่จะครองทวีปโอชวิน
แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ ข่าวคราวที่เขาได้รับกังฟูเสน ตอนที่เพิ่งออกมาจากแดนอัศจรรย์ ก็เป็นที่รู้กันของกองกำลังใหญ่ต่างๆในทวีปโอชวิน
กองกำลังใหญ่ต่างๆในทวีปโอชวินเพื่อจะได้กังฟูเสนมา ร่วมมือกันล้อมปราบปรามชัชพิสิฐ เข่นฆ่าสังหารหมู่ลูกน้องที่อยู่ในทวีปโอชวินของชัชพิสิฐ
ชัชพิสิฐอยู่ในแดนอัศจรรย์เพื่อที่จะได้กังฟูเสนมา ก็ได้ผ่านความยากลำบากมากมาย แล้วจะสามารถต้านทานการร่วมมือกันของกองกำลังใหญ่ต่างๆของทวีปโอชวินได้อย่างไร ทำได้เพียงหนีไปเท่านั้น
ลูกน้องของเขาเสียชีวิตในเงื้อมมือของกองกำลังใหญ่ต่างๆของในทวีปโอชวินไปทีละคน สุดท้ายเหลือเพียงผู้คุมกันสี่คน
มองดูก็กำลังจะตายด้วยน้ำมือของกองกำลังใหญ่ต่างๆของทวีปโอชวิน ชัชพิสิฐจำใจต้อง รวบรวมลูกน้องทั้งสี่คน ฝืนบุกรุกช่องทางขนส่งระหว่างโลก หลบหนีมาถึงบนโลกอย่างหมดท่า
เดิมทีรพีพงษ์ยังคิดว่ากังฟูเสนนี้มีวรยุทธวิชาฝึกฝนที่สูงกว่าเน่ยจิ้งไปเล็กน้อย ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากังฟูเสนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวใหญ่โตมากมายถึงขนาดนี้ สามารถทำให้กองกำลังใหญ่ต่างๆร่วมมือกันล้อมปราบปรามชัชพิสิฐได้ เพียงพอให้เห็นว่ากังฟูเสนเป็นสิ่งล่อใจต่อพวกเขาได้
ในใจรพีพงษ์ยังรู้สึกโชคที่ตอนนั้นอยู่ที่มอสโกจัดการกับคนคนนั้นที่มาจากทวีปโอชวิน ไม่อย่างนั้นเกิดถูกเขาเอากังฟูเสนไปได้ ส่งกลับไปที่ทวีปโอชวิน โลกเผชิญหน้ากับคนของทวีปโอชวิน ก็จะไม่ได้เปรียบใดๆจริงๆ
ตอนนี้โลกยังคงสามารถสงบสุขแบบนี้ได้ อาศัยผนึกที่ปีนั้นจอมมารชูร่าทิ้งไว้ให้ และความยากของการสร้างช่องทางขนส่ง
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ในใจรพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะรีบร้อนขึ้นมา เขาอยากจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้โดยเร็วที่สุด มีเพียงร่างกายของตัวเองแข็งแกร่งเพียงพอ เมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้นอีกครั้ง ถึงจะสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
ที่สำคัญตอนนี้ดูเหมือนว่า แดนเทพสำหรับรพีพงษ์ยังคงไม่เพียงพอ เขายังต้องบรรลุถึงแดนที่แข็งแกร่งมากกว่านี้
แน่นอนว่า สิ่งที่เรียกว่าแดนเทพทะเล แดนจิตทอง ยังคงอยู่ห่างไกลจากรพีพงษ์ไปบ้าง เป้าหมายตอนนี้ของเขา คือบรรลุถึงแดนเทพค่อยว่ากัน
หายใจเข้าลึก ๆ หยุดคิดถึงเรื่องเหล่านี้ เขาหันหน้าไปมองนอกหน้าต่าง อาคารสูงปรากฏอยู่ไม่ไกล และดูเหมือนว่าจะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง
เขานั่งรถคันหนึ่งมาจากหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง และไปยังเมืองที่ใกล้เคียงที่สุด
หลังจากนั้นไม่นาน มาถึงในเมือง สิ่งแรกที่รพีพงษ์ทำ ทำคือหาตู้โทรศัพท์สาธารณะ และโทรศัพท์หาอารียา แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงคือ โทรไม่ติด
เขาจึงโทรหาชลาธิป ถามว่าตอนนี้อารียากำลังทำอะไรอยู่
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ชลาธิปได้ยินคำถามของรพีพงษ์ เงียบไปชั่วขณะ จากนั้นพูดอย่างหมดหนทาง: “รพีพงษ์ นายทำใจดีๆไว้ ตอนนี้อาการของอารียาค่อนข้างแย่ เธอสลบไปสองวันแล้ว พวกเราก็ติดต่อนายไม่ได้ นายกลับมาก่อนเถอะค่อยว่ากัน”