พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1110 ยอมรับการสืบทอด
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1110 ยอมรับการสืบทอด
รพีพงษ์พยักหน้าให้กับทั้งสองคนเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ลุกขึ้นมาเถอะ”
ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนก็ลุกขึ้นมาจากพื้นทันที
ชยนต์เป็นคนที่อุปนิสัยซื่อสัตย์และนอบน้อม ใจเย็นสุขุม เป็นชายวัยกลางคนที่ภาพลักษณ์ให้ความรู้สึกที่น่าเชื่อถือได้กับคน รพีพงษ์สามารถรู้สึกถึงความสงบมั่งคงจากบนตัวของเขาได้
และตมิสาก็เหมือนกับก่อนหน้านั้นที่รพีพงษ์เจอมา เป็นสาวสวยที่สามารถทำให้คนในโลกทั้งใบคลั่งไคล้ตื่นเต้นได้ เธอสวยงดงามมาก และเสน่ห์สีสันมากมาย เป็นภาพลักษณ์ที่ในใจของผู้ชายทุกคนใฝ่ฝัน ต่อให้รพีพงษ์จ้องมองเธอเป็นเวลานาน ก็ควบคุมไว้ไม่หยุด
ที่สำคัญด้านความเชี่ยวชาญของทั้งสองคนก็ไม่เหมือนกัน ชยนต์เชี่ยวชาญด้านพลัง ตมิสาเชี่ยวชาญการยั่วยวน เรียกได้ว่าต่างคนต่างมีจุดเด่นเป็นของตัวเอง
ตอนที่รพีพงษ์จ้องมองพวกเขาทั้งสอง ตมิสายังกะพริบตาแล้วกะพริบตาเล่าให้รพีพงษ์ เต็มไปด้วยการยั่วเย้า มองดูจนหัวใจของรพีพงษ์สั่นเทา
ในเวลานี้เขากลับกังวลว่าหุ่นเชิดนี้เกิดมีสติสัมปชัญญะของตัวเอง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งหรือว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่งกันแน่
เมื่อบวรทัตเห็นรพีพงษ์ยอมรับความเป็นเจ้านายเสร็จ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดว่า: “เอาล่ะ ตอนนี้สิ่งที่ฉันสามารถให้นายได้ ก็ให้ไปแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะสืบทอดให้กับนายแล้ว”
รพีพงษ์มองไปที่บวรทัตด้วยใบหน้าที่หนักแน่จริงจัง จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ท่านผู้อาวุโส ผมต้องทำอย่างไรบ้าง?”
“นายเพียงแค่ต้องนั่งอยู่บนพื้น การสืบทอดนี้ของฉัน รวมทั้งหมดที่อยู่ในความทรงจำของฉัน ฉันจะถ่ายทอดความทรงจำทั้งหมดนี้ไปในหัวสมองของนาย นับตั้งแต่นี้ไปนายสามารถดึงการสืบเหล่านี้ในความทรงจำมาตรวจสอบดูได้ทันที”บวรทัตเอ่ยปากพูด
รพีพงษ์พยักหน้า จากนั้นก็นั่งลงที่บนพื้นอย่างว่านอนสอนง่าย
บวรทัตยื่นมือออกมา ชี้ไปที่หัวของรพีพงษ์ มีแสงโผล่ออกมาจากปลายนิ้วของเขา และพุ่งเข้าสู่หัวสมองของรพีพงษ์ทันที
รพีพงษ์นั่งตัวตรงขึ้นมาทันที เขารีบหลับตาของตัวเองลงอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่าในสมองของตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้วยการสืบทอดที่ตัวเองมีต่อรพีพงษ์ พลังจิตดวงนี้ของเขาก็เริ่มค่อยๆโปร่งใส่ขึ้นมา รอการสืบทอดสิ้นสุดลง เขาก็ถือได้ว่าเสร็จสิ้นภารกิจของตัวเองแล้ว ก็ควรที่จะหายไปจากระหว่างฟ้าและดินแล้ว
เขามองไปที่รพีพงษ์ที่กำลังนั่งหลับอยู่บนพื้น ในใจก็เกิดความคาดหวังเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าชายหนุ่มที่โชคดีคนนี้จะสามารถเดินไปได้ระดับไหนกันแน่ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะพิจารณาแล้ว
สำหรับยุคสมัยของเขามันสิ้นสุดลงแล้ว รพีพงษ์ ถึงเป็นตัวเอกในเวทีตอนนี้ ควรจะเดินต่อไปอย่างไร มีตัวของเขามาตัดสินใจเองก็พอแล้ว
เพราะการสืบทอดของบวรทัตมีขนาดใหญ่มากเกินไป รพีพงษ์นั่งอยู่กับพื้น ก็เป็นสามวันสามคืนแล้ว ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้าสู่ในสมองของเขา ทำให้เขาไม่สามารถไปสนใจสถานการณ์รอบๆได้
ดังนั้นตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างหลับสนิท เพียงแค่รับความทรงจำทั้งหมดนี้แล้ว ถึงจะสามารถตื่นขึ้นมาได้
พลังจิตของบวรทัตยิ่งอยู่ก็ยิ่งโปร่งใสมากขึ้น มองดูก็กำลังจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
และในเวลานี้ เขาก็เสร็จสิ้นการสืบทอดให้กับรพีพงษ์แล้ว
“คาดไม่ถึงยังเหลือพลังอยู่บ้าง ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ช่วยเพื่อนเก่าซ่อมแซมตัวกระบี่”บวรทัตยิ้มเล็กน้อย จากนั้นอยู่ดีๆกระบี่สยบเซียนก็ปรากฏออกมา บินไปรอบๆตัวบวรทัต
มันก็ดูเหมือนอาลัยอาวรณ์บวรทัตเป็นอย่างมาก ตัวกระบี่สั่นเทาอย่างฉับพลัน เสียงเบาๆก็ส่งเสียงออกมาเป็นพักๆ เหมือนราวกับแสดงออกมาว่าตัวเองโศกเศร้า
บวรทัตยิ้มแล้วลูบตัวกระบี่ เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันตายมาหลายปีแล้ว ฉันในตอนนี้ มีชีวิตอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่เจ้าไม่เหมือนกัน ติดตามรพีพงษ์ เจ้าถึงจะสามารถเปล่งประกายเจิดจรัสยิ่งใหญ่กว่าได้”
“อยู่ที่ข้างกายของรพีพงษ์ดีๆ ช่วยเขาพัฒนาเจริญก้าวหน้า ถ้ามีโอกาส ฉันหวังว่าตอนที่รพีพงษ์ฆ่าคนนั้นในอนาคต กระบี่ที่ถือในมือ ยังเป็นเจ้า!”
กระบี่สยบเซียนปลดปล่อยเสียงสูงออกมาอย่างฉับพลัน ราวกับกำลังรับปากความต้องการของบวรทัต
บวรทัตพยักหน้าอย่างชื่นใจ จากนั้นก็ใช้พลังสุดท้ายของตัวเอง หลั่งไหลเข้าไปในกระบี่สยบเซียน
จากนั้นร่างทั้งร่างของบวรทัตก็เบลอไปอย่างรวดเร็ว มองดูก็กำลังจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในขณะนี้ มีหญิงสาวในชุดแดงปรากฏตัวขึ้นที่ด้านบนของรพีพงษ์ คารวะให้กับบวรทัต
บวรทัตเห็นหญิงสาวในชุดแดงปรากฏตัว ก็มีรอยยิ้มที่เคารพนับถือปรากฏอยู่บนใบหน้า หลังจากที่คารวะให้เธอ ก็หายไปในระหว่างฟ้าและดินโดยสมบูรณ์
หญิงสาวในชุดแดงหันหน้าจ้องมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง จากนั้นในพริบตาเดียว ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของหญิงสาวในชุดแดง ต่างก็เฝ้าอยู่ที่ข้างกายรพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่จริงจัง รอให้รพีพงษ์เสร็จสิ้นการสืบทอด
หลังจากที่กระบี่สยบเซียนได้รับพลังของบวรทัตแล้ว ก็ลอยอยู่ด้านบนของรพีพงษ์ เริ่มที่จะซ่อมแซมตัวเอง ช่องว่างบนร่างของกระบี่ ก็เริ่มกลับมาเป็นดังเดิมมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างรวดเร็ว
รพีพงษ์ก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นแบบนี้ รับการสืบทอดของบวรทัตมาทีละเล็กน้อย ก็แบบนี้ เวลาหนึ่งอาทิตย์ ผ่านไปในชั่วพริบตา
เทือกเขากิสนา บนพื้นที่ที่ห่างไกลจากเกาะศูนย์กลางออกไปสิบลี้ นนทภูที่เต็มไปด้วยความกังวลกำลังเดินไปเดินมาอยู่ที่เดิม
เขาผ่านไปสักพัก ก็จะมองไปที่เกาะศูนย์กลางทุกครั้ง ในใจคาดหวังรพีพงษ์จะปรากฏตัวขึ้นมาในสายตาของเขา
แต่ว่าที่นั่นก็ไม่มีใครปรากฏตัวออกมาอยู่ตลอดเวลา
ในเวลานี้ระยะห่างจากเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่รพีพงษ์พูดถึง ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งอาทิตย์ แต่ว่ารพีพงษ์ก็ไม่ออกมาจากด้านใน นี่ก็หมายความว่า รพีพงษ์อาจจะติดอยู่ในนั้น หรือว่าตายไปแล้ว
นนทภูไม่สามารถยอมรับความจริงนี้ได้ ดังนั้นจึงพาลูกน้องของตัวเอง เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดเวลา เขาเชื่อว่าลูกชายของตัวเองไม่มีทางที่จะตายง่ายดายขนาดนั้น เขาเพียงแค่ประสบกับปัญหาบางอย่าง รออีกสักนิด เขาคงจะออกมาอย่างแน่นอน
“เจ้านาย ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว ถ้าหากนายน้อยยังมีชีวิตอยู่จริงๆ น่าจะออกมาได้แล้ว ท่านไม่ได้หลับตามาสามวันสามคืนแล้ว ผู้น้อยยังหวังว่าท่านจะไปพักผ่อนสักพัก พวกเรามาเฝ้าที่นี่ไว้ก็เพียงพอแล้ว” ชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำพูดกับนนทภู
เมื่อนนทภูได้ยินคำพูดของเขา ก็เตะไปที่บนตัวของเขาทันที และด่าว่า: “แกหมายความว่ายังไง! แกหาว่าลูกชายฉันตายไปแล้วเหรอ? ลูกชายของฉันโชคดีดวงแข็ง ไม่มีทางที่จะตายง่ายดายขนาดนั้น!”
ชายผู้นั้นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ รู้ว่าพูดแบบนี้นนทภูไม่มีทางที่จะฟัง ดังนั้นจึงได้เพียงเงียบ
นนทภูหันหน้ามองไปที่เกาะศูนย์กลางอีกครั้ง หรี่ตาลง เอ่ยปากพูดว่า: “เขาเป็นลูกชายของฉัน ฉันไม่มีทางที่จะปล่อยวางเขาไปได้ง่ายๆแบบนี้ เขาไม่ออกมาหนึ่งวัน ฉันก็จะรออยู่ที่นี่หนึ่งวัน ฉันเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ!”
คนกลุ่มหนึ่งยังคงติดตามนนทภูรออยู่ที่นี่ ยังมีคนตั้งใจย้ายเตียงมาหนึ่งเตียง เพื่อให้นนทภูพักผ่อนอยู่ที่ด้านบน นนทภูทนไม่ไหวแล้ว ก็จะนอนลงพักผ่อนสักพัก
โชคดีที่รพีพงษ์เข้าไปเป็นเวลานานขนาดนี้ ไอพิฆาตใต้ดินก็ไม่ได้แพร่กระจายออกมาด้านนอก ดังนั้นตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ ยังเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัย
และเป็นเพราะไอพิฆาตไม่ได้แพร่กระจาย นนทภูถึงได้เชื่อว่า รพีพงษ์ยังคงจะมีชีวิตอยู่
ในระหว่างวัน นนทภูยังคงรอให้รพีพงษ์ออกมา
ในขณะนี้ ร่างสองร่างปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา ทั้งสองคนนั้นรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกอย่าง มองแวบเดียวก็ดูออก นี่เป็นฝาแฝดคู่หนึ่ง
ถ้าหากรพีพงษ์อยู่ที่นี่ ก็จะพบว่า ทั้งสองคนนี้ที่ปรากฏตัวตรงหน้านนทภู ก็คือปวัตรปวิชสองคนพี่น้อง
“ตามเบาะแสของการสอบถาม รพีพงษ์มาถึงสถานที่แห่งนี้ที่มีชื่อว่าเทือกเขากิสนาเป็นที่สุดท้าย รายละเอียดอยู่ที่ไหน ยังไม่ชัดเจน”ปวิชพูด
ปวัตรพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นเดินไปที่นนทภู
“พวกคุณเคยเห็นคนที่ชื่อว่ารพีพงษ์มั้ย?”ปวัตรเอ่ยปากถาม
นนทภูนิ่งอึ้ง จากนั้นเอ่ยปากถามว่า: “พวกนายมาหาลูกชายของฉันทำไม?”
เมื่อปวัตรปวิชสองคนพี่น้องได้ยินคำพูดของเขา ก็นิ่งอึ้งไป ต่อจากนั้นบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“พวกเรามาหาลูกชายของเพื่อแก้แค้น ตอนนี้รีบส่งมอบตัวเขาออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”
ดวงตาของนนทภูก็แน่วแน่ทันที คาดไม่ถึงสองคนนี้จะมาหารพีพงษ์เพื่อแก้แค้น
เพียงแต่ตอนนี้รพีพงษ์เป็นหรือตายยังไงก็ไม่รู้ สองคนนี้มาเพื่อแก้แค้นหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว
แต่ในไม่ช้า นนทภูก็คิดถึงวิธีที่ยอดเยี่ยมได้หนึ่งวิธี จากนั้นยิ้มแล้วพูดกับปวัตรปวิชสองพี่น้องว่า: “รพีพงษ์เข้าไปแดนลับแห่งหนึ่งของที่นี่ ถ้าหากพวกนายสองคนไม่กลัวตายจริงๆ สามารถไปหาเขาได้ในแดนลับ”