พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1115 วิชามังกรเลื้อย
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1115 วิชามังกรเลื้อย
“พวกแกซ่อนตัวอยู่ลึกพอสมควร ถ้ารู้ก่อนว่าพวกแกเป็นผู้ชายที่หน้าเนื้อใจเสือ ตอนนั้นฉันไม่มีทางที่จะให้พวกแกอยู่ในตระกูลลัดดาวัลย์”รพีพงษ์เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ปวัตรยิ้มเยาะแล้วพูดว่า: “สามคำที่ไร้ประโยชน์มากที่สุดในโลกนี้ ก็คือถ้ารู้ก่อน แม้ว่าตอนนี้แกจะรู้แล้ว แต่ว่าภรรยาของแกก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว เรื่องแบบนี้ เป็นทุกข์มากใช่มั้ย?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สีหน้าของรพีพงษ์ก็ไม่พอใจทันที เอ่ยปากพูดว่า: “พวกแกได้ตายอย่างทรมานมากแน่”
เหตุผลที่ตอนนี้อารียาหมดสติไม่ฟื้น ก็เป็นเพราะสองพี่น้องตรงหน้า แม้ว่าชัชพิสิฐที่ตายไปแล้วจะเป็นคนบงการให้พวกเขาสองคนทำแบบนี้ สองคนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นฆาตกรที่แท้จริง
พวกเขาสองคนได้ปรากฏตัวขึ้นอยู่ในบัญชีดำของรพีพงษ์ ตอนนี้พบกัน รพีพงษ์ย่อมไม่มีปล่อยให้พวกเขารอดไปได้
ปวัตรและปวิชก็เบะปาก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำพูดนี้ของรพีพงษ์
“อย่างแก ต้องการฆ่าพวกเรา ยังห่างไกลมาก!”ปวิชพูดอย่างเย็นชา
ในเวลานี้ชยนต์เดินไปที่ข้างหลังรพีพงษ์ เอ่ยปากพูดว่า: “เจ้านาย ต้องการให้ผมช่วยท่านจัดการผู้ชายสองคนนี้มั้ย?”
รพีพงษ์โบกมือ แล้วพูดว่า: “พวกเขาสองคนฉันมาจัดการด้วยตัวเอง พวกเธอยืนดูอยู่ข้างๆก็พอ”
อารียาหมดสติไม่ฟื้นเพราะสองคนนี้ แน่นอนว่าเขาต้องฆ่าพวกเขาทั้งสองด้วยตัวเอง
เมื่อชยนต์เห็นว่ารพีพงษ์พูดแบบนี้ ก็ทำได้เพียงพยักหน้า เดี๋ยวถ้าหากรพีพงษ์มีอันตรายอะไร เขาและตมิสาทั้งสองคนจะพุ่งไปจัดการกับปวัตรและปวิชทั้งสองคนเป็นอันดับแรก
นนทภูไม่รู้ว่ารพีพงษ์ได้ประสบกับอะไรที่ใต้ดินมา ดังนั้นไม่รู้ว่ารพีพงษ์สามารถที่จะรับมือกับสองคนที่ร่วมมือกันได้หรือเปล่า พูดออกมาน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล: “รพีพงษ์ ลูกอย่าได้ใจร้อน ลูกรีบคิดหาทางออกไปจากที่นี่ก่อน เรื่องแก้แค้นค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้สิ่งสำคัญคือรักษาชีวิตไว้ก่อน!”
รพีพงษ์มองไปที่นนทภูแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “พ่อ พ่อวางใจได้ พวกเขาสองคนทำอะไรผมไม่ได้”
หลังจากพูดจบ เขาหันหน้าไปพูดกับชยนต์ว่า: “ปลดเชือกออกจากบนตัวของพ่อฉัน คุ้มกันเขาไว้ให้ดี”
ชยนต์พยักหน้าทันที จากนั้นก็เดินไปที่นนทภู
ปวัตรมองไปที่นนทภูแวบหนึ่ง ส่งเสียงเย็นชา: “ในเมื่อแกออกมาแล้ว ถ้าอย่างเขาก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ก่อนหน้าที่จะจัดการกับแก ฉันจะทำให้แกได้ลิ้นรสความรู้สึกของการที่ต้องสูญเสียคนที่รักไปอย่างแท้จริงว่าเป็นอย่างไร!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ปลดปล่อยพลังที่บริสุทธิ์ออกมา และพุ่งตรงไปที่บนร่างกายของนนทภู
อย่างไรก็ตามก่อนที่พลังนั้นจะไปถึงที่ตรงหน้านนทภู และมือข้างหนึ่งก็ขวางพลังนั้นไว้
ชยนต์หันหน้าเหลือบมองไปที่พลังกระทบอยู่บนมือของตัวเอง อะไรก็ไม่ได้ทำ พลังนั้นก็กลายเป็นควัน และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
การโจมตีอย่างเต็มพลังของปวัตร และไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนมือของชยนต์!
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”ปวัตรอุทานออกมาทันที มองไปที่ชยนต์ด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ ในใจเกิดความหวาดกลัว
ชยนต์ค่อยๆหันหน้าไป และพูดกับปวัตรและปวิชทั้งสองว่า: “ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของเจ้านาย ตอนนี้พวกแกสองคนได้ตายอยู่ในเงื้อมมือของฉันแล้ว”
ปวิชเดินที่ด้านข้างปวัตร เอ่ยปากพูดว่า: “คนคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ทำไมอาศัยแค่ร่างกายก็สามารถรับมือกับการโจมตีอย่างเต็มพลังของนายได้?”
ปวัตรหรี่ตา เอ่ยปากพูดว่า: “ดูไม่ออก แต่ก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป บางทีเขาอาจจะเพียงแค่ฝืนเท่านั้นเอง เป้าหมายของพวกเราคือรพีพงษ์ ตอนนี้ยังไม่ต้องไปสนใจคนอื่น”
ปวิชพยักหน้า จากนั้นหันหน้าและสายตาก็จ้องไปที่บนร่างกายของรพีพงษ์
รพีพงษ์ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว กระบี่สยบเซียนปรากฏขึ้นในมือของเขา
“พวกแกวางใจได้ ความแค้นระหว่างฉันกับพวกแก พวกเขาสองคนไม่มีทางลงมือ”รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ปวัตรส่งเสียงเย็นชา เอ่ยปากพูดว่า: “ต่อให้พวกเขาลุยเข้ามาพร้อมกัน ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราสองคน!”
รพีพงษ์เบะปาก ตอนนี้ความแข็งแกร่งของตัวเองคือแดนดั่งเทพชั้นยอดจริงๆ หนึ่งคนต่อสู้กับพวกเขาสองคน เป็นเรื่องที่กินแรงเป็นอย่างมาก
แต่ตอนนี้กระบี่เล่มนี้ในมือของเขา เป็นกระบี่เทพที่จอมมารชูราใช้มาสยบเซียนในปีนั้น มีกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ นับประสาอะไรกับพวกเขาสองคน ต่อให้จะมียอดฝีมือแดนดั่งเทพมามากกว่านี้ รพีพงษ์ก็มีความเชื่อว่าจะสยบพวกเขาอยู่ภายใต้กระบี่ได้
“ลงมือเถอะ!”
รพีพงษ์ตะโกนใส่พวกเขาสองคน จากนั้นชูกระบี่ขึ้นมา ทำท่าทางที่จะลงมือ
ปวัตรและปวิชสองคนพี่น้องก็ไม่ลังเล ต่างคนต่างใช้พลังเน่ยจิ้งแปลงร่างอาวุธของตัวเองออกมา
หอกยาวสองเล่ม!
พวกเขาสองคนพี่น้องเป็นพี่น้องฝาแฝด จิตสื่อสารกันได้ เมื่อร่วมกันขึ้นมาเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบมาก การร่วมมือของพวกเขา ต่อให้เป็นแดนดั่งเทพชั้นยอด ก็สามารถเอาชนะไปได้ นับประสาอะไรกับรพีพงษ์คนเดียว
ทั้งสองคนต่างคนต่างชี้หอกยาวในมือของตัวเองไปที่รพีพงษ์ จากนั้นตะโกนพร้อมกัน และก็พุ่งเข้าหารพีพงษ์
รพีพงษ์ก็ไม่ได้ลังเล กระบี่ยาวในมือฟันไปที่ปวัตรและปวิชสองคนพี่น้อง
แสงกระบี่ที่น่าตกใจได้ปรากฏขึ้น ระหว่างฟ้าและดินต่างก็เต็มไปด้วยเจตจำนงดาบ เมื่อคนธรรมดาอย่างนนทภูเห็น ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
“นี่……นี่ก็คือกลยุทธ์ที่แท้จริงของรพีพงษ์เหรอ เขา…….ยังเป็นอยู่คนมั้ย?”นนทภูพึมพำกับตัวเอง
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเคยเห็นพลังของรพีพงษ์มาก่อน แต่ว่าเขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ของยอดฝีมือระดับนี้มาก่อน ดังนั้นหลังจากที่เห็นแสงกระบี่ที่น่าตกใจปรากฏขึ้น ในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สิ่งนี้สำหรับเขาแล้วเกินความเข้าใจในการต่อสู้ไปโดยสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้ เขาหยุดอยู่ไม่ก้าวหน้าต่อไปจริงๆ
ความจริงไม่เพียงแต่นนทภูที่ตกใจเท่านั้น ก็แม้แต่ตัวของรพีพงษ์เองก็ตกใจ เมื่อกี้นี้เขาแค่ฟันออกไปที่ด้านหน้าอย่างเรียบง่าย คาดไม่ถึงว่าจะมีกระแสอานุภาพมากขนาดนี้
ดูเหมือนว่ากระบี่สยบเซียนที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ เป็นอาวุธมีคมสำหรับสยบเซียนกำจัดปีศาจได้
ต่อให้พลังไม่ได้แข็งแกร่งมากขนาดนั้น ถือกระบี่สยบเซียนไว้ก็สามารถแสดงพลังอานุภาพที่น่าตกใจออกมาได้
ปวัตรและปวิชสองคนพี่น้องก็ขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์เริ่มแรกก็ใช้กลยุทธ์ที่ทรงพลังแบบนี้ออกมา พวกเขาต่างก็ใช้กลคลี่คลายออกมาทั้งหมด ถึงหลบหลีกท่วงท่านี้ของรพีพงษ์ไปได้
ปวัตรจับจ้องไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “แกมาถึงก็ใช้กลยุทธ์ที่ทรงพลังที่สุดของตัวเองออกมาแล้วใช่มั้ย? หรือว่าแกคิดว่าแบบนี้ก็สามารถทำให้พวกเราสองคนกลัวได้เหรอ? แกมาถึงก็เผยไม้ตายของตัวเองออกมาแล้ว ฉันกลับอยากจะดู ต่อไปแกจะรับมือกับพวกเราได้อย่างไร!”
รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คาดไม่ถึงพวกเขาจะถือว่าการโจมตีที่ธรรมดาเมื่อกี้นี้เป็นไม้ตายของตัวเอง
ในเวลานี้จู่ๆในหัวสมองของเขาก็มีความคิดประหลาดผุดขึ้นมา ในเมื่อการโจมตีที่ธรรมดา ก็มีพลังอานุภาพแบบนี้ ถ้าหากตัวเองปลดปล่อยวิชาสยบเซียนเก้าท่าออกมา จะสามารถปลดปล่อยพลังอานุภาพออกมาได้มากเพียงใด?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ รพีพงษ์ได้ทำตามความทรงจำในหัวสมองของตัวเอง เริ่มแสดงท่าแรกของวิชาสยบเซียนเก้าท่า ออกมาทีละเล็กน้อย
แม้ว่าด้วยความแข็งแกร่งในตอนนี้ของเขา ก็ยังค่อนข้างยากที่จะแสดงท่วงท่าที่แท้จริงนี้ออกมา แต่ต่อให้จะแสดงความแข็งแกร่งออกมาเพียงครึ่งหนึ่ง ก็น่าจะสามารถกำจัดปวัตรและปวิชสองคนพี่น้องได้แล้ว
เจตจำนงดาบหลอมรวมกันด้วยครั้งแล้วครั้งเล่า ในพริบตาเดียว เจตจำนงดาบบนตัวกระบี่สยบเซียนก็บรรลุถึงระดับที่น่าสะพรึงกลัว
ต่อจากนั้นรพีพงษ์ก็ปลดปล่อยเจตจำนงดาบเหล่านี้ออกมา มุ่งไปที่ปวัตรและปวิชสองคนพี่น้อง
“สิ่งนี้ ถึงจะเป็นไม้ตายที่แท้จริงของฉัน!”
“วิชามังกรเลื้อย!”