พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1213 คนสนิทกัน
“หา?”
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดนี้ ก็ชะงักไปสองวินาทีเต็มๆ
นอนห้องเดียวกับคุณหนู? คุณ……คุณหนูคนนี้เป็นใครกัน?
“นอนห้องเดียวกับคุณหนูของมึง? เหอะเหอะ กูเข้าใจล่ะ ที่แท้มันคือแมงดาที่คุณหนูของมึงเลี้ยงไว้สินะ” ธมลกล่าวอย่างเหยียดหยาม
รพีพงษ์ไม่สบอารมณ์ “พูดให้ดีๆหน่อยนะ”
“หรือว่าไม่ใช่? กูเดาว่าไอ้คุณหนูอะไรนี่ จะต้องเป็นตัวประหลาดคนหนึ่ง ที่สุดจะจินตนาการได้ ไม่งั้น ทำไมถึงตอนนี้แล้วยังไม่โผล่ตัวออกมาละ” ธมลกล่าว
“ถูก ต้องอัปลักษณ์แน่นอน มีแค่อัปลักษณ์เท่านั้นแหละที่จะหาแมงดาหนุ่มแบบนี้” เลขาสาวก็พูดเสริมขึ้นมา
ไม่รอให้รพีพงษ์โมโห เซจึนะได้พุ่งเข้าไปก่อน “บังอาจดูถูกคุณหนูของเรา!”
“แม่ง ก็แค่โรงแรมร้ายๆ ถ้ากูสนใจ เปิดแม่งสักสิบที่ ก็ไม่ได้ยากอะไร” ธมลกล่าวอย่างไม่พอใจ
แต่ก็แค่โรงแรมในเมืองเล็กๆโรงแรมหนึ่งเท่านั้น ธมลไม่มีทางคิดว่าจะมีอะไรพิเศษ และไม่สนใจเจ้าของโรงแรมนี้ด้วย
“ใช่ บอสธมลของเราติดอันดับเศรษฐีของประเทศจีน โรงแรมร้ายๆโรงแรมหนึ่ง มีอะไรให้โอ้อวด” เลขาสาวกล่าวอย่างไม่พอใจ
“ติดอันดับเศรษฐี?”
รพีพงษ์หัวเราะเยาะอยู่ข้างๆ “มิทราบว่าบอสธมลจัดอยู่อันดับที่เท่าไหร่ของอันดับเศรษฐี?”
“ไม่มาก ก็แค่อันดับที่สี่ร้อยกว่า ทรัพย์สินแค่พันกว่าล้านเท่านั้น แต่ ก็เป็นระดับสูงที่คนอย่างมึงไปไม่ถึงในชาตินี้แล้วละ” ธมลกล่าวอย่างยโสโอหัง
“ลำดับที่สี่ร้อยกว่า โอหังได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”
รพีพงษ์ดูแคลน
“ทำไม มึงพูดแบบนี้ เหมือนว่าจะดูถูกคนที่ติดอันดับเศรษฐีเลยนะ?” ธมลหัวเราะ
เลขาสาวดูแคลน “อย่างมัน เกรงว่าจะไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าอันดับเศรษฐีคืออะไร”
รพีพงษ์ไม่โมโหแต่กลับหัวเราะ เพียงแค่กล่าวอย่างเรียบง่ายว่า “ปกติผมไม่สนใจอันดับเศรษฐี แต่อันดับน่าจะอยู่สูงกว่าคุณอยู่บ้างแหละ”
“เหอะเหอะ วัยรุ่นสมัยนี้ อารมณ์ร้อน ขี้โม้ไม่ดูตาม้าตาเรือ” ธมลกล่าวอย่างเหยียดหยาม
เขามองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้เห็นรพีพงษ์แต่งตัวได้ไม่เลว แต่ก็ไม่ใช่เสื้อผ้าราคาแพงอะไร ยิ่งไปกว่านั้น รพีพงษ์อายุแค่ยี่สิบกว่าปี จะมีเงินเยอะขนาดนั้นได้ไง
รพีพงษ์มองไปที่อีกฝ่ายอย่างเยือกเย็น พูดเบาๆว่า “โม้แล้ว ยังต้องดูตาม้าตาเรือด้วยเหรอ?”
“หา?” ธมลถูกขัดคอจนพูดไม่ออก ราวกับว่าสิ่งที่รพีพงษ์พูดนั้นไม่มีปัญหาใดๆ
“ชิ หยุดพูดมากได้ล่ะ มีความสามารถก็แสดงออกมาให้ดูสิ” เลขาสาวพูดอยู่ข้างๆ เธอก็รู้สึกว่าชายวัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กำลังพูดโม้อยู่
“เกียวโต รพีพงษ์”
รพีพงษ์เพียงเอ่ยออกมาง่ายๆสี่คำ
สายตาของธมลกลับตาโตมากที่สุดตั้งแต่เกิดมา
ตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต เป็นชื่อที่ดังกระฉ่อนไปทั้งประเทศจีน
อย่างธมลนักธุรกิจแบบนี้ รู้ดีอย่างแน่นอน
“อะไรคือเกียวโตรพีพงษ์ เก่งกาจมากเลยหรอ?”
เลขาสาวกลับมีสีหน้าไม่พอใจ
เพี่ยะ!
เสียงตบหน้าดังขึ้น
ธมลกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “ไม่รู้จะพูดอะไรก็ไม่ต้องพูด เขาคือรพีพงษ์นะ!”
เลขาสาวมึนงง เมื่อก่อนเธอเป็นแค่โสเภณี เพราะสวยมากธมลจึงชอบพอ
ดังนั้น สำหรับในเรื่องธุรกิจ เธอจึงไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก
“ทำไมละ ฉันพูดผิดงั้นเหรอ? คุณเป็นคนลำดับที่สี่ร้อยกว่าของอันดับเศรษฐี หรือตระกูลลัดดาวัลย์ของเกียวโตยังเจ๋งกว่าคุณอีกงั้นเหรอ?” เลขาสาวจับหน้าอันบวมเปล่งของเธอแล้วกล่าว
“เจ๋งแน่นอน!” ธมลกล่าว “ตัวผมในสายตาของตระกูลลัดดาวัลย์ แม้แต่มดยังไม่ใช่ พวกเขา……เป็นอันดับหนึ่งของอันดับเศรษฐี!” ธมลพูดเสียงดัง
“อะไรนะ! อันดับหนึ่ง?”
เลขาสาวแสดงสีหน้าคาดไม่ถึง
“คุณ……คุณชายรพี ผมมีตาแต่หามีแววไม่ คุณผู้ส่งศักดิ์น้ำใจงาม ปล่อยผมไปเถอะนะ” ธมลรีบกล่าว
รพีพงษ์ค่อยๆพูด “ไม่เป็นไร คุณไม่รู้จักผม ผมไม่โทษคุณ แต่ เมื่อกี๊ที่คุณทำร้ายคนอื่น เป็นสิ่งที่คุณทำไม่ถูกต้อง”
“คุณพูดถูก ผมสมควรตาย ผมผิดไปแล้ว ผมจะชดเชยเงินให้กับรปภ.คนนั้น สามแสน พอมั้ยครับ?” ธมลรีบกล่าว เหงื่อไหลเต็มหน้าผากไปหมด
ดูๆแล้ววันนี้โชคร้าย ไม่คิดว่าจะทำผิดต่อรพีพงษ์
ถ้าท่าทีการยอมรับผิดของตนยังไม่ดีอีกละก็ ภายในหนึ่งนาที รพีพงษ์จะต้องทำให้ตนล้อมละลายแน่นอน
“คุณคิดว่าไง?” รพีพงษ์มองไปที่เขาอย่างเย็นชา
“ผม……ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” ธมลกัดฟันพูดเบาๆ
ตบหนึ่งฉาดสามแสน ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว!
“เมื่อกี๊ที่คุณตบรปภ.คนนั้น ค่าเสียเวลางาน ค่ารักษา ค่าทำขวัญ ผมว่าหนึ่งล้านก็ได้อยู่ แล้วก็ เมื่อกี๊ที่คุณตะโกนโวยวายที่นี่ ทำลายความสงบความโรงแรมแห่งนี้ ยังไงก็ต้องเพิ่มอีกห้าแสน เพื่อชดเชย คุณว่าเกินไปมั้ย?”
รพีพงษ์กล่าวอย่างสงบ
“อะไรนะ? หนึ่งล้าน……ห้าแสน?”
ธมลเจ็บปวดที่สุด ตบฉาดเดียวล้านห้าแสน นี่เป็นการค้าที่เขาขาดทุนมากที่สุดอย่างแน่นอน
“มีปัญหามั้ย?”
รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ไม่มีปัญหาครับ ทำตามที่คุณชายรพีพูดแล้วกันครับ” ธมลรีบกล่าว
หยิบบัตรธนาคารออกมา โอนเงินหนึ่งล้านห้าแสนหยวนให้กับเซจึนะโดยตรง
“ได้ล่ะ ตอนนี้ผมไม่อยากเห็นพวกคุณอีก พวกคุณรีบไสหัวไปซะ” รพีพงษ์พูดพลาง หันหลังไป ขี้เกียจจะมองพวกเขาแม้แต่แว็บเดียว
ธมลพยักหน้าตกลง ลากเลขาสาวเดินไปที่ประตู
ในขณะเดียวกันนี้ ชั้นบนมีเสียงก้าวเท้าดังขึ้น
“ช้าก่อน!”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา
ธมลและเลขาสาวหันหน้าไปมอง
ที่บันได หญิงสาววัยรุ่นกำลังมองมาที่ตน
“ในโลกนี้ ทำไมถึงได้มีหญิงสาวที่สวยขนาดนี้นะ?”
ธมลครุ่นคิด
เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่อยู่ที่บันไดแล้ว เลขาสาวคนนี้ ด้อยไปเลยละ
รพีพงษ์ก็มองไปยังหญิงสาวที่เหมือนเดินออกมาจากรูปที่ตรงบันได เขายิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ฝนสุดา ที่แท้ก็คุณนี่เอง”
ฝนสุดาค่อยๆเดินลงมาจากบันได เธอมองแค่รพีพงษ์
รอตั้งนาน จนวันนี้ ชายคนนี้ได้ยืนอยู่ต่อหน้าตัวเองแล้ว
ฝนสุดากดความรู้สึกของตัวเองไว้ เพียงแค่มองธมลพวกเขาอย่างเยือกเย็น “เมื่อกี๊ พวกคุณว่าใครเป็นตัวประหลาด!”
รพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆแอบหัวเราะ
ที่แท้ ผู้หญิงก็ยังใส่ใจกับคำติชมของคนอื่นในเรื่องรูปลักษณ์ของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นฝนสุดาสาวสวยอย่างนี้!
“คุณคือ?” ธมลถาม
“ฉันคือเจ้าของโรงแรมนี้ ฝนสุดา”
“ฝนสุดา?” หลังจากที่ธมลได้ยินชื่อนี้ ก็ตะลึง
“ชิ ก็แค่คนของประเทศญี่ปุ่นป้ะ มีอะไรให้ภูมิใจ” เลขาสาวกล่าวอย่างไม่พอใจ
เห็นฝนสุดาไม่ว่าจะเป็นด้านความงามหรือบุคลิกก็ดูสูงส่งกว่าตนอย่างมาก ดังนั้นจิตใจของเลขาสาวจึงเกิดความไม่เป็นมิตรขึ้น พูดในใจว่า รพีพงษ์แตะต้องไม่ได้ แล้วเจ้าของโรงแรมฉันก็แตะต้องไม่ได้ด้วยเหรอ?
เพี่ยะ!
ธมลตบหน้าเลขาสาวอีกฉาด
เลขาสาวมึนงงอย่างที่สุด