พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1215 เรื่องนี้ผมจัดการเอง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1215 เรื่องนี้ผมจัดการเอง
รพีพงษ์มองไปยังฝนสุดาที่มีท่าทางเขินอายอยู่ด้านหน้า
จินตนาการไม่ออก ตอนที่ตนเจอสาวญี่ปุ่นคนนี้ในตอนแรก เธอมีกลิ่นอายของความเย่อหยิ่ง แล้วก็ยังมีรูปที่เร่าร้อนเหล่านั้นบนมือถืออีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ กับฝนสุดาในปัจจุบันเกิดมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมด รพีพงษ์มองว่า ราวกับเนื่องจากตอนนั้นที่ตนถูกอนันยชโจมตีบาดเจ็บหนัก จนทั้งสองต้องไปอยู่กับชาวประมงครอบครัวหนึ่ง
ช่วงเวลานั้น พูดได้ว่าตอนนั้นฝนสุดาจริงใจอย่างไม่ต้องสงสัย ดูแลรพีพงษ์อย่างทั่วถึง แม้แต่ตัวรพีพงษ์เอง ก็ซาบซึ้งไปกับการกระทำของหญิงสาวคนนี้แล้ว
ถ้า……เจอเธอเป็นคนแรกในตอนนั้น บางที……
เมื่อนึกถึงจุดนี้ รพีพงษ์ก็ตกใจขึ้นมา
เขารีบเอารูป ที่ก่อนออกเดินทางอารียาให้กับตนไว้ขึ้นมาดู
เมื่อเห็นอารียาและหนูลินในรูป รพีพงษ์ก็ยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
“มันคืออะไรเหรอ ขอฉันดูหน่อย” ฝนสุดาถาม
รพีพงษ์กำลังมองไปยังแม่ลูกในรูปภาพ ยิ้ม “นี่คือรูปของอารีและลูกสาวผม”
เมื่อพูดจบ รู้สึกเหมือนมีกลิ่นหอมบางๆเข้าไปในจมูกของตน
รพีพงษ์รีบหันกลับไป เกือบจะกระอักเลือดออกมา
ไม่รู้ว่าฝนสุดามาอยู่ด้านหลังของรพีพงษ์ตั้งแต่เมื่อไหร่
ขณะนี้ เธอใช้ท่าทีคลุมเครือในความรักอย่างหนึ่ง ก้มหลัง แล้วไปซบที่ไหล่ของรพีพงษ์อย่างใกล้ชิด ใบหน้าห่างจากหน้าของรพีพงษ์เพียงไม่กี่เซนติเมตร
ถ้ารพีพงษ์ปฏิกิริยาโต้ตอบไม่เร็ว เมื่อกี๊ที่หันหน้าไป เกรงว่าจะจุ๊บเข้าให้แล้ว
“นี่คุณ……” รพีพงษ์รีบเลื่อนไปข้างๆ
“เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ”
ฝนสุดากำลังดูรูปภาพในมือของรพีพงษ์ นัยน์ตาเธอเต็มไปด้วยความชื่นชอบ ขณะเดียวกัน ก็อิจฉานิดๆ
“ให้ฉันดูหน่อยได้มั้ย?” ฝนสุดาถาม
เธอพูดพลาง ยื่นมือออกมา คิดจะแย่งรูปที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ไป
ปฏิกิริยาของรพีพงษ์เร็วมาก รีบเก็บรูป แล้วหลบไป
นัยน์ตาของเขามีความโกรธเคือง เป็นธรรมดา ที่จะไม่พอใจ กับการกระทำนี้ของฝนสุดาเป็นอย่างมาก
“ทำไม แค่ดูก็ไม่ได้เหรอ?” ฝนสุดาถาม เธอที่กำลังเบ้ปาก เหมือนกับจะน้อยใจอยู่บ้าง
“ครั้งนี้ผมมาทำธุระข้างนอก นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดของผม มีเพียงอยู่ในมือของผมจึงจะปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าใครก็เอามันไปไม่ได้ทั้งนั้น ขอโทษนะ”
รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเยือกเย็น
“ไม่คาดคิดว่าคุณจะขี้เหนียวขนาดนี้ ฉันก็แค่อยากดูว่าหนูลินเหมือนคุณมากกว่าหรือว่าเหมือนอารียามากว่าก็เท่านั้น” ฝนสุดากล่าว
รพีพงษ์ค่อยๆเอารูปใส่ไปในกระเป๋าของตัวเองอย่างระมัดระวัง “ขอโทษนะ ผมบอกแล้วว่ารูปนี้สำคัญกับผมมาก ภายภาคหน้าที่มีโอกาส ผมจะพาคุณไปเจอหนูลิน เธอ น่ารักมากจริงๆ”
ฝนสุดาพยักหน้า เดินไปอีกฝั่งอย่างเงียบๆ ดื่มไวน์ในแก้วกรึ๊บเดียวหมด
“รพีพงษ์ คุณรู้มั้ยว่าทำไมฉันถึงชอบคุณ?”
จู่ๆ ฝนสุดาก็ถามขึ้นมา
“ความคิดคุณ ผมจะรู้ได้ไง”
รพีพงษ์พูดออกมา
ฝนสุดายิ้มแหยๆ “คุณไม่มีทางเข้าใจแน่นอน ตอนเริ่มแรก ฉันมีความคิดที่จะล้อเล่นกับคุณ ดูว่าคุณแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นอย่างไร ไม่คาดคิด ว่าคุณจะรักเดียวใจเดียวกับอารียาขนาดนี้ นี่ทำให้ฉันตกใจมาก เมื่อก่อนฉันเจอผู้ชายมามาก แต่ไม่มีใครเหมือนคุณสักคน ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ต้องคุณ……”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ นัยน์ตาของฝนสุดาสะท้อนความเจ็บปวดออกมา แต่ ไม่นานก็ยิ้มออกมา
“ชั่งเถอะ ตอนนี้พูดสิ่งเหล่านี้ ไร้ประโยชน์ อย่างน้อยตอนนี้คุณอยู่กับฉัน ถูกมั้ย”
การเปลี่ยนอารมณ์แบบนี้ ทำให้รพีพงษ์เซ็ง จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “อ้อ อุเอสึงิ ฮารุละ? เธออยู่กับคุณไม่ใช่เหรอ?”
ฝนสุดามองบนใส่รพีพงษ์ “ทำไม? มีคนสวยอย่างฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณคนเดียวไม่พอ ยังคิดถึงอีกคน เมื่อกี๊เพิ่งพูดว่าใจเดียวนะ?”
“ผมก็ถามไปงั้นๆ”
รพีพงษ์ตอบ คิดในใจว่า ต่อให้ผมใจเดียว ก็ใจเดียวกับอารีคนเดียวเท่านั้น
“เอาหน่า! ฮารุออกไปทำธุระ เดี๋ยวกลับมา” ฝนสุดาหัวเราะ
“ธุระ ธุระอะไร?”
“คุณคิดว่าผมไม่สนใจเรื่องโรคระบาดในครั้งนี้จริงเหรอ?”
ฝนสุดากล่าว “ช่วงสองสามวันนี้ฉันให้ฮารุไปสืบแล้ว ฉันอยากเดาดูว่าความคิดของฉันนั้นถุกต้องมั้ย”
“คุณหมายถึง ที่คุณสงสัยว่ามีคนตั้งใจทำให้มันระบาด ถูกมั้ย” รพีพงษ์กล่าว
ฝนสุดาพยักหน้า ท่าทางตั้งใจขึ้นมาทันใด “คุณ……รู้จักสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมั้ย?”
“สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ?”
รพีพงษ์ไม่สบอารมณ์ ก็วันนี้นี่แหละ เขาเพิ่งจะรู้จักกลุ่มนั้นจากปากของตนัส ไม่คาดคิด ว่าฝนสุดาก็รู้เช่นกัน
“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าวันนี้คุณเปิดโปงแผนการชั่วร้ายของตนัสต่อหน้าสาธารณชน ถูกมั้ย” ฝนสุดาถาม
ที่แท้ เมืองเล็กนี่เล็กจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าวอะไรวันเดียวก็ดังไปทั่วแล้ว
“คุณกำลังจะบอกว่า ตนัสคือคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ?” รพีพงษ์ยิ้ม “เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาเป็นคนในกลุ่มนั้นจริงๆ ก็ไม่มีทางทำยาปลอมหลอกลวงคนหรอกนะ”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขาพูดกับผมเอง ว่าเขาถูกไล่ออกจากสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุตั้งนานแล้ว” รพีพงษ์กล่าว
“แต่……”
ฝนสุดาพูดต่อไปว่า “เขา ยังมีอาจารย์”
“อาจารย์?”
“ใช่!” ฝนสุดาพูดอย่างแน่ใจ “แม้ตนัสไม่ใช่คนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ แต่อาจารย์เขานะใช่”
“คุณสงสัยว่า อาจารย์ของเขาร่วมอยู่ในขบวนการด้วย?” รพีพงษ์ไม่สบอารมณ์ ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆละก็ อาจารย์ของตนัส สมควรตายจริงๆ!
“ดังนั้น ช่วงสองสามวันนี้ฮารุได้ตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าตรวจเจออะไรบ้าง” ฝนสุดากล่าว
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ตรงทางเดินมีเสียงเดินเท้าดังขึ้น
“คุณชายรพีพงษ์ ใช่คุณมั้ย?”
เมื่อประตูเปิดออก รพีพงษ์เห็นหญิงสาวที่เงียบสงบที่ประตู
ไม่เจอกันนาน อุเอสึงิ ฮารุดูสดใสขึ้น ราวกับนิสัยก็เริงร่าขึ้นเช่นกัน
“คุณชาย คุณมาสักที ไม่ทำให้คุณฝนสุดารอโดยเปล่าประโยชน์ เป็นไปตามที่หวัง” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว
หน้าของฝนสุดาแดงขึ้นมาหน่อยนึง กล่าว “ยังจะพูดภึงฉันอีก แกก็เหมือนกันนั่นแหละ ทุกคืนกลับมาก็ถามว่ารพีพงษ์มาหรือยัง”
ความคิดของตัวเองถูกเปิดโปง อุเอสึงิ ฮารุจึงรู้สึกเขินขึ้นมาเช่นกัน
รพีพงษ์ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย ความหนักใจที่มีความสุขแบบนี้ ตนไม่มีวาสนาที่จะได้รับ
“พอละ ฮารุ คุยเรื่องสำคัญกันก่อนดีกว่า”
ฝนสุดากล่าว “วันนี้มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติมมั้ย”
“ยังไม่มี แต่ก็จะบอกว่าไม่มีเลยก็ไม่ใช่”
ฝนสุดากล่าว “ฉันรู้แล้ว ว่าอาจารย์ของตนัสชื่อพรต ปรากฏตัวที่เมืองเล็กๆของเรานี่จริงๆ เพียงแค่ ตำแหน่งของเขาลึกลับ ต่อให้ฉันระดมคนของโรงแรม ก็ยังคงหาเขาไม่เจอ”
“เหรอ?”
ฝนสุดาก็ค่อนข้างกังวล “ไม่งั้น ฉันเอาคนบางส่วนมาจากประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง คนเยอะทำงานสะดวก“
“แต่ ตอนนี้เป็นสภาวะฉุกเฉิน กลัวว่าคนญี่ปุ่นจะมาไม่ได้” อุเรสึงิ ฮารุกล่าว
เห็นทั้งสองค่อนข้างลำบาก รพีพงษ์ยืนขึ้นยิ้มแล้วมาที่ด้านหน้าของทั้งคู่
“เรื่องนี้ ผมจัดการเอง” รพีพงษ์กล่าว
“คุณชาย คุณจัดการได้เหรอ?ฉันหามาหลายวันแล้ว พรตคนนี้ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน” อุเอสึงิ ฮารุกล่าว
รพีพงษ์ยิ้ม
“คนอื่นไม่รู้ แล้วลูกศิษย์ของเขาก็ไม่รู้งั้นเหรอ?”