พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่132
บทที่132คุกเข่าขอขมา
ทุกคนต่างมองดูเหตุการณ์นี้ด้วยความตะลึงพรึงเพริด ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า กุนลโรจน์ไม่เพียงแต่จะไม่หาเรื่อง รพีพงษ์ หากแต่ยังตบกุมุทเข้าฉาดใหญ่
ต่อให้กุมุททำไม่ถูก แต่ถ้าตามวิสัยปกติของกุนลโรจน์ แล้ว เขาจะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้
อย่างไรเสียตระกูลกุลสวัสดิ์ก็เป็นอันดับหนึ่งในเมืองริ เวอร์ ไม่มีใครกล้าแหยม ต่อให้หาเรื่องใครแล้วเป็นยังไงล่ะ
แต่วันนี้พอกุนลโรจน์รู้ว่ากุมุทเป็นฝ่ายคิดลวนลามเมีย ชาวบ้านก่อน สิ่งที่ทำอันดับแรก
เลยคืออบรมกุมุทo
หรือว่าจู่ๆท่านผู้เฒ่าอยากให้กุมุทใฝ่ดี ไม่อยากให้เขา ยโสโอหังต่อไป
ทุกคนต่างมองไปที่รพีพงษ์เป็นตาเดียว ในใจต่างคิดว่า ไอ้สวะนี่แม่งดวงดีไม่เบา เขาไม่
เห็นตระกูลกุลสวัสดิ์อยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ ทุกคนต่าง ก็คิดว่ามันซวยแน่ๆ แต่ใครจะไป
คาดคิดเล่าว่า ดันมาเจอท่านผู้เฒ่าตอนที่กำลังเปลี่ยน วิสัยพอดี
พอกุมุทรู้ตัวขึ้นมา มือหนึ่งก็กุมใบหน้าไว้ พูดอย่างน้อย อกน้อยใจ”คุณพ่อครับ ตบผมทำไมครับ เห็นๆอยู่ว่าไอ้สวะนั่นมันรังแกผม คุณพ่อรีบให้บอดี้การ์ดสั่งสอนมันสิครับ”
กุนลโรจน์เห็นว่ากุมุทยังอยากให้เขาจัดการรพีพงษ์ ใน ใจก็เดือดดาลขึ้น ถ้าหากเขาจัดการรพีพงษ์ ต่อไปโยษิตา เกรงว่าจะต้องไม่ไว้หน้าตระกูลกุลสวัสดิ์แน่นอน
ไอ้ลูกไม่เอาไหน กำลังจะทุบหม้อข้าวตัวเองยังไม่รู้ตัว
ตอนนี้เขายังอธิบายอะไรให้กุมุทฟังไม่ได้ จึงได้แต่สั่ง
สอนกุมุทกลบเกลื่อน
“ไอ้ลูกไม่เอาไหน คิดจะลวนลามเมียชาวบ้านยังคิดว่า ตัวเองมีเหตุผลอีก ดูที่วันนี้ต้องอบรมแกดีๆสักหน่อยแล้ว ไม่งั้นแกได้ก่อเรื่องราวใหญ่โตแน่นอน!
กุนลโรจน์พูดจบ จึงเตะกุมุทเข้าให้
กุมุทยังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงกล่าวว่า “คุณพ่อ ครับ รพีพงษ์นั่นมันสวะดีๆนี่เองนะครับ มันเกาะผู้หญิงกิน แล้วยังวิวาทกับผม คุณพ่อต้องจัดการมันให้ผมสิครับ!
กุนลโรจน์โกธรจนมือสั่นงันงก ตบฉาดลงบนใบหน้ากุมุท อีกที พร้อมด่าทอ “แกว่าใครสวะห๊ะ ฉันว่าแกนั่นแหละ สวะ!
กุนลโรจน์ไม่สามารถออมมือได้ ฟาดกระหน่ำลงไปที่ กุมุทจนร้องโอดโอย คนที่ดูอยู่รอบๆต่างก็ขนพองสยอง เกล้า
คนเหล่านี้อ้าปากค้างจนคางจะยานถึงตาตุ่ม เป็นครั้ง แรกที่พวกเขาเห็นกุนลโรจน์ทุบตีกุมุทอย่างดุเดือดเพื่อ คนนอก
เดิมที่ธายุกรคิดว่าพอกุนลโรจน์มาแล้ว รพีพงษ์ต้องโดน จัดการแน่ๆ แต่คนที่ถูกจัดการกลับเป็นกุมุท ทำให้เขาอด รู้สึกประหลาดใจไม่ได้
“ไอ้สวะนี่ดวงดีตลอด ทุกทีเวลาที่จะซวย มักจะมี เหตุการณ์ต่างๆ คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะมาสั่งสอนคุณชาย ได้”ธายุกรบ่นพึมพำ
ก่อนหน้านี้หลายครั้งเวลาที่รพีพงษ์ถึงคราวซวย รพีพงษ์ ก็มักจะแคล้วคลาดเสมอ หากแต่คนอื่นต่างหากที่ต้องมา รับซวยแทน ธายุกรคิดว่าคงเป็นดวงของรพีพงษ์
บางทีคนอาจจะน่าสมเพชเกินไป จนสวรรค์ยังทนดูไม่ได้ เลยประทานโชคดีให้มันบ้างก็แค่นั้น จะได้ไม่ดูน่าเวทนา เกินไป ธายุกรคิดในใจ
หลังจากที่กุนลโรจน์สั่งสอนกุมุทอย่างรุนแรง จึงหันไป มองรพีพงษ์ ยิ้มอย่างสำนึกพูดขึ้น “ขอโทษจริงๆนะครับ ลูกชายผมคนนี้นิสัยเกเร ทำเรื่องที่ไม่ควรทำ ดีที่ไม่ก่อ เรื่องใหญ่โต หวังว่าน้องชายจะอภัยเขานะ ผมจะกลับไป สั่งสอนเขาอย่างดีเลย”
“ให้เขาขอขมา”รพีพงษ์พูดเสียงเรียบ
ทุกคนตกตะลึง คิดไม่ถึงว่ากุนลโรจน์ทำถึงขนาดนี้ รพี พงษ์ยังกล้ายื่นข้อเสนออีก ยังจะให้กุมุทขอขมา ช่างไม่รู้ ผิดชอบชั่วดีจริง
“รพีพงษ์ แกอย่ามาทำตัวไม่รู้ผิดชอบชั่วดีไปหน่อยเลย ประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์อุตส่าห์อบรมคุณชายกุมุทด้วยตัวเองแล้ว แกจะเอายังไงอีก อย่าคิดว่าตัวเองแน่ไปหน่อย เลย พอได้แล้วล่ะ”ธายุกรรีบพูดขึ้นคำหนึ่ง
“ฉันว่าให้มันขอโทษคุณชายกุมุทเถอะ”มีเสียงหนึ่งพึมพำ ขึ้นมา กุนลโรจน์ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจใดๆ พอรพีพงษ์พูด
จบ จึงรีบหันหลัง เตะกุมุทเข้าให้ทีหนึ่ง ตะโกนว่า :”ได้ยิน
ยัง รีบขอขมาสิ! ”
คนกลุ่มใหญ่สีหน้าตกตะลึง ถึงขนาดที่ว่าต่างสงสัยว่านี่ คือประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์หรือไม่
ประมุขแห่งตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์ กลับออก หน้าทำกับลูกชายตัวเองแบบนี้
เพื่อรพีพงษ์ ถ้าข่าวลือออกไปจะต้องเป็นที่น่าตกใจ แน่นอน
กุมุทรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ ให้เขาขอขมาสวะเหรอ ฆ่าเขาให้ตายเสียดีกว่า
“คุณพ่อครับ วันนี้คุณพ่อเป็นอัมพฤกษ์หรือครับ ให้ผม ขอขมาไอ้สวะนี่นะ ไม่มีทาง!
กุนลโรจน์กัดฟันกรอดมองไปที่กุมุท เปิดปากพูด”แกมี สิทธิ์อะไรไปเรียกคนอื่นว่าสวะ หัดมองดูตัวเองบ้างว่าทำ อะไรไว้ ถ้าแกไม่ขอขมา ฉันจะไล่แกออกจากตระกูลกุล สวัสดี ดูสิว่าขาดความคุ้มครองจากตระกูลกุลสวัสดิ์ แกยัง จะดื้อด้านได้อีกไหม!
กุมุทฟังแล้วยักไหล่ เขารู้จักวิสัยของพ่อเขาดี ถ้าบังคับจนจนมุม ก็อาจจะไล่เขาออกจากตระกูลได้จริงๆ
เขาคลานลุกขึ้นมาจากพื้น ไปที่ด้านหน้ารพีพงษ์ พูดออก มาว่า”ขอโทษ”
รพีพงษ์เห็นว่ากุมุทดูไม่มีความตั้งใจเอาเสียเลย จึงพูด ต่อว่า”คุกเข่าลง”
กุมุทรีบถลึงตา ด่าทอว่า”แม่งหยุดได้คืบเอาศอกซะที พ่อ ฉันจู่ๆเป็นอัมพฤกษ์ สั่งสอนฉันต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ แกคิดว่าแกมีสิทธิที่จะได้รับคำขอโทษจากฉันจริงๆเหรอ จะบอกไรให้ คนที่ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี สุดท้ายต้องตายอนาถ แน่นอน! ”
ผู้คนต่างพยักหน้า ต่างก็รู้สึกว่ารพีพงษ์ช่างไม่รู้ผิดชอบ ชั่วดีจริงๆ กุมุทก็ขอขมาแล้ว
รพีพงษ์ยังจะให้เขาคุกเข่าอีก มันก็มากเกินไปจริงๆ
กุนลโรจน์ไม่รู้สึกว่ารพีพงษ์ขออะไรที่เกินเลย อย่างไร เสียคนๆนี้ก็สามารถพังตระกูลกุลสวัสดิ์
ได้ตลอดเวลา ลูกชายเขาจะไปลวนลามเมียชาวบ้านเอง เขาไม่ฆ่าล้างโคตรตระกูลก็บุญหนักหนาแล้ว
กุนลโรจน์เตะกันกุมุท พร้อมกรรโชกว่า “คุกเข่าขอขมา เดี๋ยวนี้!
คนกลุ่มใหญ่ต่างตะลึงงัน ประมุขตระกูลกุลสวัสดิ์ยอม ให้ลูกชายคุกเข่าขอขมา
กุมุทกัดฟันกรอด ภายใต้คำสั่งบิดา เขาเองก็ไม่กล้าขัดได้แต่ค่อยๆคุกเข่าลงตรงหน้ารพีพงษ์ พูดขึ้น”ขอโทษ” รพีพงษ์ไม่คิดจะเอาความกุมุทต่อ
กุนลโรจน์เดินขึ้นหน้า ค้อมตัวยิ้มให้”น้องชาย ไม่ทราบ ว่าครานี้คงพอใจแล้วนะ”
รพีพงษ์พยักหน้า เอ่ยปากพูด”ต่อไปก็ดูลูกชายให้ดีๆ แล้วกัน ถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมจะไม่ไว้หน้าอีกต่อ ไป”
กุนลโรจน์พยักหน้าทันที พูดว่า”วางใจเถอะครับ กลับไป ผมจะอบรมลูกอย่างดี ไม่ให้เขามาก่อกวนอีก”
รพีพงษ์หมุนตัวกลับ จูงมืออารียา มองไปด้านนอกบาร์เ
หล้า
กุนลโรจน์ส่งรพีพงษ์ออกไปนอกบาร์เหล้า พร้อมถอน หายใจด้วยความโล่งอก
วันนี้เกือบจะวินาศเข้าแล้ว ถ้าไปทำให้รพีพงษ์เคืองเข้า ตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองริเวอร์ มีอันย่อยยับแน่
เขาหันเดินกลับเข้าไปในบาร์เหล้า จ้องไปที่ผู้คน พูด
เสียงเย็นชา “ต่อไปใครกล้าสนับสนุนลูกกูให้ก่อเรื่อง ก็อย่า
หาว่าถกุนลโรจน์ไม่ปราณี! ”
ทุกคนต่างหดหัว ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
“แกไอ้ลูกไม่รักดี กลับบ้าน!
กุนลโรจน์พูดจบ จึงพา กุมุทออกจากบาร์เหล้า
คนในบาร์เหล้าต่างถอนหายใจยาว ต่างคิดว่ากุนลโรจน์ที่อัมพฤกษ์กำเริบนี่ช่างน่ากลัว
จริงๆ
“ไอ้รพีพงษ์มันดวงดีจริง ดันมาเจอตอนที่คุณท่านเป็น โรคประสาทเข้า ถ้าเป็นคุณท่านปกติ วันนี้เขาจบเห่แล้ว ล่ะ”
“นี่แหละมั้ง เหมือนอย่างที่สุภาษิตว่าคนบ้ามีวาสนา ยิ่ง บ้า วาสนาก็ยิ่งดี”
“ดีบ้าอะไรล่ะ พวกแกคิดว่าหลังจากนี้ คุณท่านจะปล่อย รพีพงษ์ ไปง่ายๆเหรอ ฉันว่า
รพีพงษ์จะมีจุดจบที่อนาถ”
เมื่อกลับถึงบ้าน รพีพงษ์พาอารียาผู้เมามายเข้าห้อง วาง ลงบนเตียง
เดิมที่เขาคิดจะรินน้ำให้อารียาสักแก้ว แต่จู่ๆอารียาก็ กอดเขาขึ้นมา
รพีพงษ์รู้ตัวว่าตัวแข็งที่อไปหมด ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขา
กับอารียาจะนัวเนียกันขนาดนี้ เขาจึงกดตัวอารียาลงไป อารียาจ้องมองรพีพงษ์ เป็นนาน จึงพูดขึ้น”วันนี้ขอบคุณ นะคะ”
รพีพงษ์ยิ้มให้ พูดว่า”คุณเป็นเมียผม ยังต้องขอบคุณ อะไรอีก ถ้าแค่คุ้มครองคุณก็ทำไม่ได้ ผมก็ใช้ไม่ได้เกินไป แล้ว”
อารียารู้สึกอุ่นใจ จู่ๆรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงและเร็ว ภายใต้ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ ในใจเธอเกิดความวู่วามบางอย่างขึ้น จน ทำให้เธออยากจะอะไรกับรพีพงษ์….
รพีพงษ์เองก็ตื่นเต้นขึ้นมา ค่อยๆประกบลงไปบนริม ฝีปากอารียา
อารียาหลับตาพริ้ม ปล่อยให้รพีพงษ์ทำตามใจชอบ
อ่อนโยน
ชุ่มชื้น
รัดตรึ่ง
รพีพงษ์รู้สึกใจเต้นเร็วและรัว เขาคิดไม่ถึง จูบแรก ระหว่างเขากับอารียา จะเกิดขึ้นใน
ลักษณะนี้
นอกจากนี้ภายใต้บรรยากาศอันเย้ายวน รพีพงษ์รู้สึกว่า ต่อให้อยากจะทำกิจกรรมอะไร
มากกว่านี้ ก็น่าจะราบรื่น
อารียาไม่ได้ต่อต้านแม้แต่น้อย เธอเองก็รอคอยการปรน
เปรอจากรพีพงษ์เช่นกัน
ตาบ้าน ในที่สุดก็เปิดศึกได้แล้วสินะ
ในตอนที่ทั้งคู่จะเริ่มก้าวแรก เสียงของศศินัดดาก็ลอด เข้ามาจากทางประตู
“ลูกจา กลับมาแล้วเหรอ”
รพีพงษ์ลุกออกจากตัวอารียาทันที อารียาก็ผุดนั่งขึ้นบน เตียงทันที
ทั้งสองคนทำหน้ากระอักกระอ่วน บรรยากาศที่แสนโร แมนติกเมื่อครู่ หายวับไปในพริบตา
“กลับมาแล้วค่ะ”อารียาเปิดปากพูด
“วันนี้คุยกับคุณชายกุมุทเป็นยังไงบ้าง”ศศินัดดาถาม
“ไม่ยังไงค่ะ หนูเหนื่อยนิดหน่อย นอนก่อนนะคะ” พออารี ยาได้ยินชื่อคุณชายกุมุท ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ทันที
ศศินัดดาบ่นพึมพำถามอยู่สองสามคำ ถึงได้กลับห้อง
เนื่องจากบรรยากาศเมื่อกี้ถูกทำลายลง อารียาเองก็หมด อารมณ์ทันที พูดกับรพีพงษ์ว่า”เอ่อ….ฉันนอนก่อนนะ”
จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ผมไปรินน้ำให้นะ”รพีพงษ์พูดเก้อเขิน แล้วรีบออกไป เขาไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ ให้ตัวเองสดชื่นขึ้น
ในคืนนั้นเอง กว่ารพีพงษ์จะนอนได้ก็ปาไปตีสาม เขารอ คอยโอกาสมาตลอด อยากจะรัดรึงกับอารียาต่อ
เสียดายที่อารียาเพลียหลับไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ แม้ว่าจะคึกคัก แต่ไม่นานนักก็ผล๊อยหลับไป
รพีพงษ์เหลืออด ในใจคิดว่าต่อไปถ้ามีโอกาสจะต้อง ย้ายออกจากบ้านกับอารียาให้ได้ ไม่งั้นก็ต้องโดนศศิ นัดดาขัดจังหวะตลอด จะบ้าตายอยู่แล้ว
วันที่สอง รพีพงษ์กับอารียาออกไปทำงาน พอเห็นอารียาเดินเข้าสำนักงานไปแล้ว เขาจึงขับรถกลับ
ในเวลานี้เอง เสียงมือถือดังขึ้น บุษบากรส่งข้อความมา ให้เขานั่นเอง
“มาหาฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่มา ฉันจะเอารูปนั้นให้แคลร์ดู” จากนั้นจึงส่งที่อยู่มา
รพีพงษ์อ่อนใจ เขาเองก็กำลังคิดว่าอยากจะคุยดีๆกับ บุษบากรเช่นกัน จึงขับรถไปหาบุษบากร
ที่อยู่ที่บุษบากรให้รพีพงษ์เป็นโรงแรมแห่งหนึ่ง พอรพี พงษ์มาถึงโรงแรม จึงไปถามที่เคาน์เตอร์ ว่าบุษบากรอยู่
ห้องไหน
“แฟนคุณผู้ชายอยู่ห้อง3105ครับ”พนักงานเคาน์เตอร์
ตอบ
รพีพงษ์มองไปที่เคาน์เตอร์ แล้วพูดขึ้น”เธอไม่ใช่แฟนผม
ครับ”
“แต่คุณผู้หญิงบอกว่าเธอเป็นแฟนคุณผู้ชาย ครับ…”เคาน์เตอร์ให้คำตอบ
รพีพงษ์ถอนหายใจ หันหลังเดินขึ้นบันได ไปที่ห้อง3105 เขาเคาะประตูห้อง ไม่นานนัก ประตูห้องจึงเปิดขึ้น