พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่1441 อย่าตื่นตลอดกาล
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่1441 อย่าตื่นตลอดกาล
“เจ้าจะทำอะไร?”
ญาณิดาถามอย่างเย็นชา
“บอกข้ามา ที่ที่เจ้าคิดอยู่ตลอดเวลาและต้องการจะกลับไปนั้นมันคือที่ไหน!” รพีพงษ์กล่าว ตอนนี้เขายังไม่สามารถตัดสินได้ว่าโลกของฝ่ายตรงข้ามมันคืออะไร ถ้าหากตัดสินใจแล้วว่าโลกของฝ่ายตรงข้ามเป็นภัยคุกคามต่อโลกของตัวเองละก็ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ก็จะนำหินลั่วหงโยนลงไปในเหวลึก!
ญาณิดาเม้มปากและมองไปที่รพีพงษ์: “ถ้าหากข้าน้อยจำไม่ผิด ในวันที่อยู่ในใต้ใจกลางของทะเลสาบ จอมมารชูราเคยบอกกับเจ้าแล้ว ว่าการรู้เรื่องนี้ มันไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับเจ้า”
“ตอนนี้ไม่ใช่ตอนนั้น ในเวลานั้นข้าไม่มีฐานการฝึกตนในตอนนี้ และความรับผิดชอบที่แบกรับไว้ก็มากเท่าตอนนี้” รพีพงษ์กล่าว
“ก็ได้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ข้าน้อยจะยอมบอกเจ้า”
ญาณิดามองไปที่ทั้งสองคนด้วยความนิ่งเฉย: “คุณชายรพี เจ้าเชื่อในเรื่องอมตะหรือไม่?”
“อมตะ?”
รพีพงษ์และนีย์ตกตะลึงอย่างมาก
“พวกข้าก้าวสู่เส้นทางการฝึกตน และพยายามยกระดับผลการฝึกตน ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งส่วนบุคคลที่จะยกระดับขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังจะช่วยยืดอายุขัยของพวกข้าได้อีกด้วย ข้าน้อยคิดว่า เมื่อพวกข้าฝึกตนไปถึงระดับสูงสุดแล้ว อมตะก็ไม่ใช่ที่จะมีความเป็นไปไม่ได้!”
นีย์กล่าว
“ฮ่าฮ่า สาวน้อย เจ้ายังคงไร้เดียงสาจริงๆเลย”
ญาณิดายิ้มและพูดว่า: “ระดับสูงสุดที่เจ้ากำลังพูดถึงนั้นคืออะไร? แดนเทพเหรอ? หรือว่าแดนเทพขั้นพีค? ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยขอถามเจ้า ความแข็งแกร่งของทั้งสามพี่น้องจิรกิตติ์นั้นได้ถึงแดนเทพขั้นพีคแล้ว และคนที่ชื่อธีรพัฒน์นั้น ซึ่งหนวดเคราและผมก็ขาวหมดแล้ว ดังนั้นเจ้าคิดว่า พวกเขาจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน?”
นีย์พูดด้วยความลังเล: “ข้าน้อยคิดว่า สี่ถึงห้าร้อยปี ก็ไม่น่าจะมีปัญหาหรอกมั้ง”
“ใช่ แต่ถ้าสี่ห้าร้อยปีต่อมาล่ะ?”
“อันนี้……”นีย์กัดริมฝีปาก เนื่องจากคำถามนี้ได้เกินความรู้และความเข้าใจของนางแล้ว
“สาวน้อย เจ้าดูข้าน้อยสิ ข้าน้อยมีอายุมากกว่าพันปีแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของข้าน้อยยังน่ารักและสวยกว่าเจ้าอีกด้วยซ้ำ เจ้าไม่รู้สึกว่าข้าน้อยจะเหมือนกับเด็กสาวอายุยี่สิบปีหรือ?”ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม และอวดโชว์รูปร่างของตัวเอง
“ดังนั้นจึงบอกว่าเจ้าเป็นนางปีศาจเฒ่า” นีย์พูดอย่างเย็นชา ถูกคนอื่นพูดว่าสวยกว่าตัวเอง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้นีย์โมโหอย่างมาก
รพีพงษ์ที่ยืนฟังสนทนาระหว่างทั้งสองอยู่ด้านข้างอย่างสงบ ซึ่งค่อนข้างแต่งต่างกับสิ่งที่เขาคิดในใจอยู่เล็กน้อย
ความแข็งแกร่งของทั้งหมดก็เป็นแดนเทพขั้นพีค แต่เมื่อสามพี่น้องจิรกิตติ์เทียบกับธีรพัฒน์แล้ว ไม่เพียงแต่ในทางด้านวรยุทธเท่านั้น แต่พลังจิตวิญญาณในร่างกายจะแข็งแกร่งกว่าธีรพัฒน์อย่างมาก และนี่ก็คือสาเหตุที่การต่อสู้ยอดเขาคุนหลุนในครั้งก่อน ที่ธีรพัฒน์ทำไมถึงถูกจิรกิตติ์ปราบปรามโดยสิ้นเชิง
ซึ่งหมายความว่า แม้ว่าจะเป็นแดนเทพขั้นพีคด้วยกัน แต่ถ้าหากแยกแยะอย่างละเอียด ก็ยังคงมีความแตกต่างในระดับอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของรพีพงษ์ แม้ว่าจิรกิตติ์จะเป็นผู้ดำรงอยู่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเหล่าแดนเทพขั้นพีคแล้ว แต่เมื่อเทียบกับจอมมารชูราแห่งปีนั้นแล้ว ก็ยังคงรู้สึกมีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย มิฉะนั้น เขาคงไม่ซ่อนตัวอยู่ในทวีปโอชวินเป็นเวลาหลายร้อยปี เพียงแต่กลัวว่าจะศักดิ์ศรีจอมมารชูรา
เป็นไปได้ไหมว่า ระดับของจอมมารชูรานั้นจะสู้กว่าจิรกิตติ์?
รพีพงษ์ปฏิเสธความคิดในใจของตัวเองทิ้งอย่างรวดเร็ว เนื่องจากธีรพัฒน์เคยเห็นจอมมารชูรามาก่อน ถ้าหากจอมมารชูราบรรลุไปยังระดับใหม่ละก็ ถ้าอย่างนั้นท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์จะบอกให้ตัวเองอย่างแน่นอน
“นอกเหนือจากแดนเทพขั้นพีคแล้ว ยังมีระดับอื่นอยู่เหรอ?”
รพีพงษ์มองไปที่ญาณิดา
ญาณิดายิ้มและพยักหน้า: “แน่นอน ถึงระดับแดนเทพขั้นพีคที่พวกเจ้าพูดนั้นแล้ว ซึ่งนับได้ว่าเป็นแค่ผู้ฝึกตนที่ผ่านเกณฑ์เท่านั้น แต่เนื่องจากเป็นเพียงแค่เป้าหมายง่ายๆเช่นนี้ หลายร้อยปีที่ผ่านมา โลกของพวกเจ้ามีคนเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถถึงระดับแดนเทพขั้นพีคได้ แม้แต่คุณชายรพีอย่างเจ้าก็ยังไม่ถึงระดับนี้เลย เจ้าต้องสู้หน่อยละนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วรพีพงษ์ตะลึงอย่างมาก และนีย์ก็ตกตะลึงเช่นกัน
ถึงระดับแดนเทพขั้นพีค มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น และนับเป็นแค่ผู้ฝึกตนที่ผ่านเกณฑ์? สิ่งที่ญาณิดาพูดนั้นเป็นพันหนึ่งราตรีชัดๆ!
“นักแดนเทพขั้นพีคนั้นสามารถเคลื่อนย้ายภูเขา แล้วก็ยังสามารถเปลี่ยนทัศนียภาพของท้องฟ้าและผืนดินด้วยพลังจิต แบบนี้ยังแข็งแกร่งไม่พออีกเหรอ?” นีย์ถาม
“นี่มันแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย ในสายตาพวกข้านี่เป็นเพียงแค่กลลวงเท่านั้นเอง สำหรับผู้ฝึกตนที่แท้จริง เพียงแค่เคลื่อนย้ายภูเขาแบบนี้ไม่นับว่าเป็นความสามารถหรอกนะ”
ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยการดูหมิ่น
“โอ้? ถ้าอย่างนั้นแล้วเจ้ามีความสามารถอะไรล่ะ? ถ้าหากมีความสามารถจริงก็ให้ข้าน้อยเปิดหูเปิดตาหน่อยสิ” นีย์กล่าว
ญาณิดาขยิบตาพร้อมกับรอยยิ้ม และมองไปที่นีย์พูดอย่างแผ่วเบาว่า: “เจ้าแน่ใจหรือ?”
“แน่นอน แค่คำพูดลอยๆเชื่อถือไม่ได้ ข้าน้อยอยากจะเปิดหูเปิดตาหน่อย” นีย์กล่าว
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย: “นีย์ เจ้าไม่เคยเห็นนางออกมือ ฉะนั้นจึงไม่รู้ความแข็งแกร่งของนาง อย่าซี้ซั้วทำ”
“โอ้ ดูเหมือนว่าคุณชายรพีจะเอ็นดูสาวน้อยคนนี้มากสินะ ถ้าหากเช่นนี้ ข้าน้อยจะไม่ทำร้อยนาง”
ญาณิดาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เจ้ามาเถอะ ข้าน้อยอยากจะเปิดหูเปิดตาบ้าง จะดูว่าสิ่งที่เรียกว่าความแข็งแกร่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าแดนเทพขั้นพีคนั้นเป็นอย่างไร?” นีย์เดินก้าวขึ้นไปข้างหน้าและกล่าว
“ได้!”
ทันทีที่ญาณิดาพูดจบ และทันใดนั้นนีย์รู้สึกกำลังวิงเวียน ราวกับโลกทั้งใบกำลังโคลงเคลง
โดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน และเมื่อนีย์ลืมตาขึ้นมา ฉากที่อยู่ตรงหน้าทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก!
“นี้คือ……กลุ่มสิงโต?”
นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ: “ข้าน้อยมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ข้าน้อยอยู่ในวิหารของทวีปโอชวินไม่ใช่หรือ?”
นีย์มองไปรอบๆ ซึ่งนี่เป็นห้องที่ตัวเองอาศัยพักในกลุ่มสิงโตจริงๆด้วย
นางผลักประตูออกไป และนอกห้องไม่มีใครอยู่เลย
“รพีพงษ์ รพีพงษ์เจ้าอยู่ไหน!”
นีย์ตะโกน และทันใดนั้น เสียงเย็นชาก็ดังมาจากด้านข้าง
“เจ้าเรียกชื่อของเจ้าสำนักทำไม?”
ทันทีที่นีย์หันกลับไปดู แต่กลับเห็นหงส์ซึ่งไม่รู้ว่าปรากฏตัวอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่
“หวงส์ เป็นเจ้าจริงๆหรือ?”
นีย์ก้าวขึ้นไปข้างหน้า และสัมผัสผิวอันเย็นชาของหงส์
“ใช่ข้าน้อยเอง โปรดเจ้าปล่อยมือ” หวงส์พูดอย่างเย็นชา: “เดิมทีเจ้าเป็นคนของทวีปโอชวิน ข้าน้อยควรฆ่าเจ้าเพื่อช่วยเต่าล้างแค้น แม้ว่าเจ้าสำนักจะไว้ชีวิตเจ้า แต่เจ้าก็อย่าดีใจจนลืมตัวล่ะ ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์มีเรื่องเรียกข้าน้อยไป ข้าน้อยขอตัวไปก่อน”
“ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์?” นีย์พูดด้วยความประหลาดใจ: “ท่าน……ท่านตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
“การพูดจาเหลวไหล! ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ยังคงสบายดี เจ้ากล้าสาปแช่งให้ท่านตายงั้นหรือ?” ในแววตาของหงส์ที่เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่าก็จ้องมองไปที่นีย์ทันที: “นึกแล้วเชียว ทวีปโอชวินของพวกเจ้าไม่มีใครดีเลย!”
ในขณะที่พูดนั้น หงส์ก็ได้ละทิ้งสายตาที่โกรธแค้น ก่อนที่จะจากไปจากที่นี่
นีย์มองไปที่เงาด้านหลังของหงส์ด้วยความประหลาดใจ วินาทีก่อนหน้านี้ตัวเองยังอยู่ที่ทวีปโอชวินอยู่เลย แล้วตอนนี้มาอยู่ในกลุ่มสิงโตได้อย่างไร?
“หรือว่านี่คือวิทยากล?” นีย์แอบคิดในใจ แต่ทุกอย่างดูสมจริงมาก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของวางโชว์ในห้องหรือว่าหงส์ในเมื่อกี้ ทั้งหมดดูสมจริงมาก
ในขณะนี้ เสียงอันอ่อนโยนของรพีพงษ์ก็ดังมากจากด้านหน้าของนีย์: “นีย์ เจ้าออกมาทำอะไร อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ดีขึ้นแล้วหรือ?”
“รพีพงษ์?”
นีย์มองไปชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า คิ้วโค้งเรียวเหมือนดาบ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาวและผิวอันขาวนวล อีกทั้งยังร่างสูงใหญ่ ถ้าไม่ใช่รพีพงษ์จะเป็นใครได้ละ
“ดีใจจริงๆที่ได้พบเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพวกข้า ถูกนางปีศาจเฒ่านั้นทำให้สับสนไปแล้วหรือ?” นีย์พูดกับรพีพงษ์
“นางปีศาจเฒ่าอะไร?”
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นยื่นมืออกมา และแตะที่หน้าผากของนีย์
“ก่อนหน้านี้เจ้าได้รับบาดเจ็บจากชายในเสื้อคลุมดำเหล่านั้น ยังไม่ดีขึ้นใช่ไหม? เร็วเข้า ข้าพาเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้อง” รพีพงษ์จูงมือของนีย์ไว้แล้วพูด จากนั้นก็พานางเข้าไปในห้อง
ทุกอย่างดูสมจริงมาก แม้กระทั่งอุณหภูมิบนฝ่ามือของรพีพงศ์ที่แผ่ออกมานั้นก็สมจริงมาก
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นีย์ได้รับการปฏิบัติอ่อนโยนเช่นนี้จากรพีพงษ์ เพียงเพราะเขาพาตัวเองเข้าไปพักผ่อนในห้อง
“มา พักผ่อนหน่อย เดี๋ยวก็หายดีแล้วนะ”
มือทั้งสองข้างของรพีพงษ์แตะไหล่ของนีย์ และพูดกับนาง
นีย์มองไปยังใบหน้าที่อ่อนโยนของรพีพงษ์ แววตาแบบนี้ของรพีพงศ์จะมีก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าอารียา
“รพีพงษ์……”
นีย์กัดริมฝีปาก ดูเหมือนว่ามีร้อยพันคำพูดซ่อนอยู่ในดวงตา
“เป็นอะไรหรือเปล่า? ได้รับบาดเจ็บก็ต้องพักผ่อนดีๆ มีข้ารพีพงษ์อยู่ที่นี่ เจ้าจะไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน” รพีพงษ์กล่าว
นีย์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทั้งหมดนี้สมจริงมาก
“ทำไม ทำไมเจ้าถึงทำกับข้าน้อยเช่นนี้? เจ้ารู้หรือไม่ ทั้งหมดนี้มันไม่ใช่ความจริง” นีย์กล่าว
“ไม่จริง? ไม่จริงตรงไหน?”
รพีพงษ์พูดกับนีย์: “เอาล่ะ รีบพักผ่อนเถอะ ข้าว่าเจ้ายังไม่หายดี ถึงได้พูดจาเหลวไหลเช่นนี้”
“ถ้า……ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยขอพักผ่อนในอ้อมอกของเจ้าได้ไหม?” นีย์ถามด้วยเสียงอย่างแผ่วเบา
รพีพงษ์ตื่นตระหนก: “ถ้า……ถ้าหากว่าเช่นนี้มันทำให้เจ้ารู้สึกสบายขึ้น มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้”
ขณะที่พูด รพีพงษ์นั่งลงที่ข้างเตียง และใช้แขนข้างหนึ่งโอบนีย์เข้ามาในอ้อมอกของตัวเอง
นีย์หลับตาลง และนางก็รู้สึกถึงการจังหวะเต้นของหัวใจอันแข็งแกร่งของรพีพงษ์ อีกทั้งยังรู้สึกถึงอุณหภูมิแผ่ออกมาจากร่างกายของรพีพงษ์
ถ้าหากนี่คือความฝัน ถ้าอย่างนั้นก็อย่าตื่นตลอดกาลเลย……