พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่213 รับช่วงต่อบริษัท
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่213 รับช่วงต่อบริษัท
บทที่213 รับช่วงต่อบริษัท
เหล่าญาติของตระกูลฉัตรมงคลนั้นเมื่อได้ยินอารี ยาพูดจบ ก็ต้องตกตะลึง ราวกับได้ยินเรื่องที่เป็นไปไม่ ได้อย่างไรอย่างนั้น อารมณ์บนใบหน้ามันชั่งเกินบรรยาย เหลือเกิน
“อารียา แกพูดอะไรนะ แกจะไล่พวกเราออก ทั้งหมด?” ลุงท่านหนึ่งของอารียากล่าวอย่างเกรี้ยว กราด
“ใช่แล้ว” อารียากล่าวอย่างหนักแน่น
“แกกล้า!”
“ตลก!”
“ไอ้เด็กนอกคอก กล้าไล่พวกเราออกงั้นหรอ!”
ในห้องประชุมเริ่มทะเลาะเบาะแว้งกันขึ้นมา
ธายุกรมองไปที่อารียาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แล้ว กล่าว “อารียา แกรู้ไหมว่าแกพูดอะไรออกมา? หรือแก คิดจะเป็นศัตรูกับทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลหรอ?”
อารียาชักตาไปที่เขา แล้วกล่าว “เป็นเพราะมีพวก แกอยู่ในบริษัทตระกูลฉัตรมงคล ถึงได้เผชิญกับสิ่งเหล่า นี้ ถ้าให้พวกแกอยู่ต่อ บริษัทนี้ก็รอวันล้มละลายได้เลย ฉันจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด”
“แกไอ้เนรคุณ พวกเราแก่กว่าแก แกกล้าไล่พวกเราออกหรอ?” คุณลุงคุณป้ากลุ่มหนึ่งของอารียามอง อารียาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ใช่พวกคุณแก่กว่าฉัน แต่พูดคุณว่าฉันว่าเป็นคน เนรคุณเกรงว่าไม่ถูกต้องนะ” อารียาไม่ยอมอ่อนข้อให้ ก่อนมาเธอได้คิดไตร่ตรองถี่ถ้วนแล้ว คนพวกนี้ของ ตระกูลฉัตรมงคลถือเป็นญาติของเธอ แต่พวกญาติเหล่า นี้ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกถึงความเป็นญาติเลยแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นช่วงที่เธอแย่นั้นแต่ล่ะคนต่างก็ดุร้ายต่อเธอ
ญาติแบบนี้ ไม่มีก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร
“แกคิดจะไล่พวกเราออกทั้งหมด หรือนี่ไม่เรียก ว่าเนรคุณหรอ! หรือแกลืมความดีที่พวกเราเคยทำให้แก แล้ว?” คุณลงของอารียากล่าว
“ขอโทษค่ะ ฉันจำได้เพียงตอนนั้นที่พวกคุณ พยายามทุกวิถีทางที่จะไล่ฉันออกจากตระกูลฉัตรมงคล มีปัญหาอะไร พวกคุณก็โยนมาที่ฉัน อยากจะโยนปัญหา เมื่อไหร่ก็นึกถึงฉัน มีผลประโยชน์อะไร พวกคุณไม่เคย นึกถึงฉัน พวกคุณทำดีกับฉันเมื่อไหร่กัน?” อารียากล่าว
ทุกคนเงียบสงัดทันที แต่สายตาที่มองอารียายัง คงเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“อารียา แกไม่รู้สึกว่าสิ่งที่แกทำนี้เกินไปหรอ?” ธายุกรมองไปยังอารียา
“ฉันทำเกินไป? ตอนแรกที่แกบีบฉันให้ออกจาก ตระกูลฉัตรมงคลนั้น ทำไมแกไม่รู้สึกว่าทำเกินไปบ้าง? ตอนที่แกหาคนมาหาเรื่องฉัน ทำไมแกไม่คิดว่ามันเกินไป? ตอนที่แกสูบเงินจากโครงการไปใช้เอง ทำไมไม่คิด ว่าทำเกินไปบ้าง? ตอนนี้ฉันก็แค่ทำกิจวัตรประจำวัน เท่านั้น ต้องการการพัฒนา จึงไม่สามารถมีพวกปลิงดูด เลือดได้” อารียากล่าวอย่างโมโห
“แกแม่งว่าใครคือปลิง!” ธายุกรเกรี้ยวกราด แล้ว พุ่งไปจะลงไม้ลงมือกับอารียา
รพีพงษ์เห็นดังนั้น ก็ขวางหน้าของอารียาไว้ ยื่น มือออกไป แล้วขยับ ธายุกรตกใจแล้วรีบถอยออกทันที
เมื่อก่อนเขาเคยได้ลิ้มลองความร้ายกาจของรพี พงษ์แล้ว รู้ว่ารพีพงษ์แตะต้องไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าทำ อะไรวู่วาม
“แกแม่งอย่าคิดว่ามีไอ้สวะรพีพงษ์คอยปกป้อง แกอยู่ที่นี่แล้วแกจะปลอดภัย จะบอกให้นะ ถ้าวันนี้แกไล่ พวกเราออกจริงๆล่ะก็ พวกเราจะไม่ให้แกอยู่เป็นสุขแน่!” ธายุกรข่
ญาติเหล่านั้นของตระกูลฉัตมงคลก็ต่างตะคอก ออกมา แล้วแสดงท่าทางให้อารียาเห็นว่าจะเอาคืน แน่นอน
ในขณะที่ทุกคนกำลังตะโกนออกมานั้นไตรทศได้ พาลูกน้องเข้ามา ในมือของพวกเขากำลังถือไม้เบสบอล ไว้ แต่ล่ะคนดูด ดัน ทำให้แต่ล่ะคนของตระกูลฉัตรมงคล กลัวจนไม่กล้ามีปากมีเสียงใดๆ
“พวกแกเป็นใคร ใครให้พวกแกเข้ามา รีบออกไป เดี๋ยวนี้ธายุกรตะคอกใส่คนพวกนนี้
ไตรทศเดินไปตรงหน้าของธายุกร มองไปที่เขา แล้วกล่าว “ตอนนี้คุณเป็นคนของบริษัทหรือเปล่า ถึงได้ ไล่ให้พวกเราออกไป?”
“ฉันเป็นประ..” ความจริงธายุกรอยากพูดว่าตัว
เองเป็นประธานบริษัท แต่เมื่อคิดอีกที่บริษัทได้ถูกขายอ
อกไปแล้ว เขาก็นิ่งลงทันใด
“ยังไงนะ แกเป็นประธานของบริษัทนี้? ใช้สายตา ควายๆของแกดูใหม่อีกครั้งสิ คนนั้นต่างหากคือประธาน ของบริษัท แกมันก็แค่ไอ้งั่ง!” ไตรทศกล่าว
ธายุกรร้อนรนขึ้นมาทันใด แล้วตะคอกออกมา ทันทีว่า “แกพูดอีกครั้งสิ! อย่าคิดนะว่าแค่แกพาไอ้พวก กระจอกนี้มาแล้วฉันจะกลัว ฉันจะหาคนมาจัดการแกลอง ดูได้นะ”
“โถโถ่ ยังปากเก่งอีกนะ ฉันก็อยากจะรู้ว่าแกจะหา ใครมาจัดการฉัน แกลองเพ่งที่ฉัน ตั้งใจมองฉันดีๆสิแกรู้ ไหมว่าฉันเป็นใคร”ไตรทศไม่พอใจ
ธายุกรมองไปที่เขา ในตอนแรกไม่รู้สึกอะไร ไม่
นานเขาก็เริ่มรู้สึกว่าคุ้นๆหน้า แล้วจู่ๆในสมองก็โผล่ชื่อ
ขึ้นมา
“แก..แกคือไตรทศ?” เสียงของธายุกรเปลี่ยน เป็นสั่นคลอขึ้นมาทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวั่น กลัว ถ้าคนที่อยู่ตรงหน้าคือไตรทศละก็ งั้นวันนี้เขาต้อง จบเห่แล้วแน่ๆ”
“ไม่งั้นถึงคิดว่ากูเป็นใคร?”ไตรทศชักตาไปที่ธายุกร
ขาทั้งสองข้างของธายุกรอ่อนปวกเปียก แทบจะ ลงไปคุกเข่าต่อหน้าไตรทศแล้ว ยังไงเขาก็คาดไม่ถึงว่า ไตรทศจะพาพวกมาที่บริษัทของเขา
ญาติทั้งหลายของตระกูลฉัตรมงคลก็ประหลาด ใจ หลังจากที่รู้ว่าคนนี้คือไตรทศแล้วนั้น ล้วนถอยหลัง คนล่ะก้าว “ลูก ….ลูกพี่ เมื่อกี้ผมพูดผิดไป คุณอย่าถือสา
ฉันรู้สึกผิดแล้ว ขอโทษ” ธานุกรกล่าวอย่างตื่นตระหนก
ไตรทศพูดอย่างหยอกล้อ “ขอโทษเพียงคำเดียว แล้วจบ? แกอยากสารภาพผิดไม่ใช่หรอ? ได้ คุกเข่า คำนับสักกี่ครั้ง แล้วเรียกฉันว่าคุณท่านแล้วฉันจะยกโทษ ให้แก” ไตรทศกล่าว
ธายุกรรู้สึกลำบากใจ
“รีบคุกเข่าซะ ไม่งั้นกูจะหาคนมาจัดการมถึง!” ไตรทศตะคอกทันที
ธายุกรตกใจจนคุกเข่าลงไปทันที เกือบจะีรด กางเกงแล้ว
อารียาเห็นสภาพของธายุกรแล้วนั้น ก็หัวเราะ อย่างเหยียดหยามออกมา เธอเพิ่งจะเคยเห็นท่าทีแบบนี้ ของธายุกรเป็นครั้งแรก
ธายุกรโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟ โกรธแค้นอารียาเป็น อย่างมาก แต่ไตรทศอยู่ต่อหน้าเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรทำได้เพียงคุกเข่าเท่านั้น กัดฟันแล้วก็อดทน
“อารียา ฝากไว้ก่อนเถอะ สักวันกูจะล้านแค้น” ธา ยุกรพูดในใจ
“ถึงเชื่อฟังจริงๆด้วย ให้ถึงคุกเข่าถึงก็คุกเข่า” ไตรทศหัวเราะเสียงดัง
ตอนนี้เขาเห็นรพีพงษ์เพ่งมองที่เขา ตกใจจน ต้องรีบหยุดหัวเราะ แล้วพูดกับคนของตระกูลฉัตรมงคล อย่างเป็นทางการ “วันนี้ที่กูมาเพื่อดูพวกมึงเซ็นสัญญา รีบเข้าแถว แยกเป็นสองแถว ถ้าภายในห้านาทียังจัดแถว ไม่เสร็จ กูจะทุบขาพวกมึงซะ”
พวกคนตระกูลฉัตรมงคลกลัวเป็นกลัวตาย แล้ว เสียงชื่อของไตรทศก็ยิ่งใหญ่ในเมืองริเวอร์ หลังจากที่ก ฤตญาณมาแล้วก็เริ่มพาเขามีชื่อเสียงขึ้นมา คนพวกนี้ ของตระกูลฉัตรมงคลรู้ถึงความร้ายกาจของไตรทศทั้ง นั้น ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของไตรทศแล้วนั้นก็มิ กล้าขัดขืน แล้วเข้าแถวแยกเป็นสองแถว
อารียามองไปที่ผู้คนของตระกูลฉัตรมงคล ก็รู้สึก หดหู เมื่อก่อนเธอให้คนพวกนี้ทำอะไรนิดหน่อย พวก เขาก็จะอืดอาด ไม่คิดว่าอยู่ต่อหน้าไตรทศแล้วจะเชื่อฟัง ขนาดนี้
ที่แท้ใช้กำลังจึงจะเป็นใหญ่ได้
ไตรทศให้ลูกน้อยย้ายโต๊ะเข้ามาข้างในสองตัว แล้วนำใบลาออกที่เตรียมไว้แล้ววางไว้บนโต๊ะ
“ตอนนี้พวกแกมาเซ็นเอกสารลาออกก่อน หลังจากที่เซ็นเสร็จแล้ว สามารถไปรับเงินเดือนหนึ่งเดือน ได้ที่ฝ่ายบัญชี แล้วไสหัวไปซะ” ไตรทศกล่าว
ทุกคนของตระกูลฉัตรมงคลไม่ยินยอม หลังจาก ที่เซ็นสัญญานี้แล้ว พวกเขาก็จะไม่ใช่คนของบริษัทนี้อีก ต่อไปก็ไม่มีทางจะเอาเงินจากบริษัทได้อีก
ไตรทศเห็นพวกคนเหล่านี้ไม่อยากเซ็นชื่อ แล้ว รีบส่งสายตาไปให้กับลูกน้องของเขา ลูกน้องเหล่านั้นก็ รีบไปยืนข้างหน้าของคนตระกูลฉัตรมงคล
“แกอยากให้ขาข้างไหนหัก?” ลูกน้องคนหนึ่งพูด กับคนที่ต่อแถวแรก
คนนั้นตกใจแล้วรีบเดินไปทันที หยิบปากกาแล้ว เซ็นชื่อบนหนังสือลาออก
ทุกคนเห็นเขาก็ทำตาม ถ้าเทียบกับต้องพิการ แล้ว ตกงาน ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น
หลังจากที่เห็นทุกคนเซ็นชื่อหมดแล้ว ไตรทศก็ หัวเราะอย่างสะใจออกมา แล้วหันไปมองที่รพีพงษ์ เหมือนกับกำลังรอคำชมจากรพีพงษ์อย่างนั้น
รพีพงษ์มองเขาอย่างไร้ความรู้สึก ไม่ได้พูดอะไร ออกมา
สุดท้ายทุกคนของตระกูลฉัตรมงคลก็เซ็นชื่อ ทั้งหมด ก็เหลือแค่ธายุกร เขายังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ไตรทศยังไม่ได้ให้เขาลุกขึ้นมา เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
ในขณะนี้ไตรทศเดินมาที่ข้างๆเขา แล้วถีบไปที่หลังของเขา “เหลือแค่ถึงคนเดียวแล้ว ยังจะชักช้าอะไร อีก รีบไปเซ็นชื่อลาออกซะ”
ธายุกรรีบยืนขึ้นมา เดินไปที่โต๊ะข้างหน้านั้น เขา เต็มไปด้วยความลังเล ดูออกชัดเจนว่าไม่อยากไปจาก บริษัทนี้ เพราะถ้าออกจากที่นี่แล้ว เขาก็ไม่เหลืออะไร แล้ว
“เร็วๆสิ!” ไตรทศกล่าว
ธายุกรหยิบปากกาขึ้นมา สูดหายใจลึกๆ สุดท้าย ก็ได้เซ็นชื่อตัวเองลงในหนังสือลาออก
หลังจากเซ็นชื่อเสร็จแล้ว ธายุกรก็หันหน้า ไปดู อารียาด้วยสายตาที่แค้น ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึก ที่ซับซ้อนมากมาย
อารียามองเขาอย่างสงบ ตอนนี้เธอไม่มีความ เกรงกลัวใดๆต่อธายุกรอีกต่อไป ตั้งแต่รพีพงษ์เริ่ม ทำการเปลี่ยนแปลง เธอก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
“เชื่อฉัน ความสามารถระดับนี้ของแก ไม่มีทา งดูเลบริษัทได้หรอก”
พูดจบ ธายุกรก็เดินจากไป
เมื่อทุกคนเดินออกไปแล้วอารียาก็เริ่มคลาย ความตึงเครียดลงมา สุดท้ายเธอก็เป็นศัตรูกับทุกคนใน ตระกูลฉัตรมงคล แต่เธอก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด
“ต่อไปเธอเป็นผู้ดูแลบริษัทนี้ เชื่อว่าเธอทำมันได้ ดีแน่นอน” รพีพงษ์พูดแล้วยิ้มให้กับอารียา
อารียาก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ ในใจก็คิดว่าต่อไปนี้ จะพัฒนาบริษัทอย่างไร
นอกบริษัทตระกูลฉัตรมงคล
ธายุกรและญาติทุกคนของตระกูลฉัตรมงคลก็รอ อยู่ตรงนี้ไม่ได้ไปไหน
สีหน้าของทุกคนล้วนบึ้งดึง อย่างกับไม่มีวันพรุ่ง นี้อีกแล้ว
“ธายุ ตอนนี้พวกเราตกงานแล้ว ต่อไปจะทำยัง ไง?” ทุกคนเป็นทุกข์แล้วมองไปที่ธายุกร
“ไอ้อารียาบ้านั่น ซึ่งน่าเกลียดจริงๆ ไล่พวกเรา ออกทั้งหมด มีแค่เธอคนเดียวที่อยู่ในบริษัทได้”
ธายุกรดูแคลน แล้วกล่าว “วางใจเถอะ เธอจะต้อง กลับมาขอร้องพวกเรา เงินสภาพคล่องของบริษัทกำลัง จะหมด เงินยอดสุดท้ายของบริษัทอยู่ที่ฉัน ดูสิเธอจะ บริหารงานยังไง!”