พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่215 ขอโทษเธอเดี๋ยวนี้
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่215 ขอโทษเธอเดี๋ยวนี้
บทที่215 ขอโทษเธอเดี๋ยวนี้
ในห้องทำงานยามเงียบลงทันที ทุกคนก็หันไป มองที่พนักงานทำความสะอาดคนนั้น ด้วยใบหน้าที่ไม่ เชื่อ
สีหน้าของศศินัดดาดูไม่ดีขึ้นมาทันใด เธอชักตา ไปที่พนักงานทำความสะอาดคนนั้น แล้วด่า “แกพูดบ้า อะไรตรงนี้ ฉันไม่ได้โยนถุงนี้ทั้งนะ แกดูผิดแน่ๆ”
“เป็นไปไม่ได้ ฉันเห็นกับตา ก็เป็นคุณที่.” พนักงานทำความสะอาดกล่าว
แต่ไม่นานเธอก็รับรู้ได้ว่าตนเองได้พูดเรื่องที่ไม่ สมควรพูดออกมาแล้ว
“คือ ฉันแค่มีหน้าที่เอาถุงนี้มามอบให้ ถ้าไม่มี เรื่องอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
พนักงานทำความสะอาดกล่าว แล้วก็หันหลังเดิน ออกไป
“แกหยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ได้เป็นคนโยนของพวก นี้ แกรีบมาอธิบายให้ฟังเดี๋ยวนี้นะ แกไอ้บ้า อย่าให้ฉัน เจอนะ มิเช่นนั้นฉันจะไม่เอาแกไว้แน่!”
ศศินัดดาพลางตะโกนพลางเดินตามไป รพีพงษ์ ขวางเธอเอาไว้
“แม่ ตอนนี้ยังมีอะไรจะอธิบายอีกไหม” รพีพงษ์
กล่าว
“อธิบายอะไร คนนั้นพูดผิดแล้ว เธอดูผิดแน่ๆ เอา ไอ้หญิงขโมยชั้นต่ำคนนี้มองเป็นฉันไปแล้ว” ศศินัดดา ไม่ยอมรับ
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของศศินัดดาแล้ว ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธ แล้วกล่าว “แม่ ถ้าจะให้ดี พูดให้มันสุภาพหน่อย ถ้าคุณยังเรียกพี่สาแบบนี้อีก อย่า หาว่าผมไม่เตือนนะ”
“ทำไม แกจะลงมือกับฉันหรอ? พวกแกรีบมาดู ลูกเขยจะตีแม่ยายแล้ว แม้แต่สวรรค์ก็รับไม่ได้!” ศศิ นัดดาเปล่งเสียงเรียกออกมา
หัวหน้ายามก็มองรพีพงษ์อย่างละอายใจ เขาไม่ คาดคิดว่าศศินัดดาจะใส่ร้ายป้ายสีชนิสราได้ ตอนนี้เห็น เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ก็รีบเดินเข้ามา แล้วกล่าว “คุณรพี ขอโทษจริงๆ พวกเราก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ ผม ขอโทษสำหรับความเข้าใจผิด แต่ แม่ยายของคุณน่าจะ ไม่ตั้งใจ ผมว่าไม่งั้น เรื่องก็จบไว้เท่านี้ล่ะกัน”
รพีพงษ์มองไปที่หัวหน้ายาม แล้วกล่าว “เรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับคุณ คุณไปขอโทษพี่สาเถอะ เรื่องนี้ผมกลับ บ้านไปค่อยสะสาง”
หัวหน้ายามพยักหน้า แล้วรีบขอโทษชนิสรา จาก นั้นรพีพงษ์ก็พาชนิสรากลับบ้านไป
อารียามองไปที่ศศินัดดาอย่างไม่พอใจ แล้ว กล่าว “แม่ ครั้งนี้ทำเกินไปแล้วนะ”
แล้วเธอก็รีบเดินตามรพีพงษ์ไป
“ฉันทำเกินไปตรงไหน แกเข้าข้างคนนอก เลี้ยง แกเสียข้าวสุกจริงๆ ยังไงฉันก็ไม่ผิด แม้ผู้หญิงคนนั้นจะ ถูกดีก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน เธอก็แค่แม่บ้านคน หนึ่ง ฉันทำแบบนี้กับแม่บ้าน มีอะไรที่ไม่ถูกต้องหรอ” ศศินัดดาพึมพำ
ในระหว่างทางที่รพีพงษ์พาชนิสรากลับวิลล่า ก็ ถามด้วยความห่วงใยว่า “พี่สา ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ชนิสราสายหัว แล้วกล่าว “ฉันไม่เป็นไร เรื่อง กระจ่างก็พอแล้ว ฉันไม่ได้ขโมยของ แม้ฉันจะมาจาก บ้านนอก แต่ฉันก็มีคุณธรรม ฉันต้องการแค่ความบริสุทธิ์ เท่านั้น”
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วกล่าว “พี่สา ผมจะไม่ยอม ให้เสียเปรียบฟรีๆแน่นอน ผมจะทำให้เธอขอโทษคุณ แล้วก็ต้องรับประกันด้วยว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อีก”
ชนิสราซึ้งใจ รู้สึกจากเบื้องลึกของหัวใจว่ารพี พงษ์เป็นคนดี คิดว่าถ้าตัวเองมีความสามารถ อนาคตจะ ต้องตอบแทนบุญคุณเขา
ขณะเดียวกันนี้อารียาและศศินัดดาก็มาถึงวิลล่า อารียารีบวิ่งเข้าไปปลอบโยนชนิสรา ศศินัดดาเดินไปที่ โซฟาด้วยใบหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
รพีพงษ์ลุกขึ้น แล้วเดินไปข้างหน้าของศศินัดดา กล่าว “ไปขอโทษพี่สา”
ศศินัดดามองบน แล้วกล่าว “ทำไมฉันต้องขอโทษเธอ ควรจะเป็นเธอที่ขอโทษฉันถึงจะถูก”
รพีพงษ์ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้วดึงศศินัดดามา ผลักเธอไปที่ด้านหน้าของชนิสรา แล้วกล่าว “ขอโทษ”
“รพีพงษ์ แกกล้าใช้กำลังกับฉันหรอ รู้ไหมว่านี่ บ้านใคร! วิลล่านี้เป็นชื่อของฉัน ถ้าแกยังกล้าทำแบบนี้ กับฉันอีก ระวังฉันจะไล่แกออกนะ!” ศศินัดดากล่าว
“วิลล่าแบบนี้ผมซื้อเป็นร้อยๆหลังก็ยังได้ อย่ามา ขู่ผมด้วยวิธีนี้ ถ้าวันนี้คุณไม่ขอโทษ อย่าหวังว่าเรื่องนี้จะ จบ” รพีพงษ์พูดอย่างสงบ
“หยุดโอ้อวดได้ล่ะ ยังจะซื้อเป็นร้อยๆหลัง ฉันว่า แกซื้อหลังนี้ก็แทบจะเป็นเงินทั้งหมดของแกล่ะ แล้ว วิลล่าตอนนี้ก็เป็นชื่อฉัน แกผยองต่อหน้าฉันได้ไง!” ศศิ นัดดาเกรี้ยวกราด
“แม่ คุณขอโทษพี่สาเถอะ เรื่องนี้คุณเองต่างหาก ที่ทำผิด ทำไมต้องไม่ยอมรับด้วย” อารียาก็ขอร้อง
ขณะนี้ศักดาได้กลับมาจากข้างนอก ศศินัดดา เห็นดังนี้ ก็รีบร้องไห้ออกมา “แกรีบคุมไอ้รพีพงษ์ที่ไม่ อายฟ้าอายดินนี่หน่อยสิ เขากล้าใช้กำลังกับฉันแล้ว บ้านนี้อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว เขาทำเพื่อแม่บ้านชั้นต่ำนั่น แล้วเป็นปฏิปักษ์กับฉัน แม้แต่สวรรค์ก็รับไม่ได้”
หลังจากที่ศักดาได้ยินศศินัดดาพูดแล้ว ก็รีบวิ่ง มา แล้วมองไปที่รพีพงษ์ ตะคอกว่า “รพีพงษ์ แกบ้าไป แล้วหรอ! แกตีเธอทำไม!”
“ผมไม่ได้ตีเธอ เธอระแวงไปเอง” รพีพงษ์กล่าว
ศักดามองไปที่ศศินัดดา ดูเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ ก็ กล่าว “รพีพงษ์บอกว่าเขาไม่ได้ดี”
“แกมันไม่ได้เรื่อง เขาบอกว่าไม่ดีก็คือไม่ดีหรอ ทำไมฉันได้แต่งงานกับไอ้สวะอย่างแกนะ แม้แต่รพีพงษ์ ยังกลัว”ศศินัดดาพูดอย่างไม่พอใจ
“พ่อ ไม่ต้องสนเรื่องนี้แล้ว ครั้งนี้แม่ทำผิดจริงๆ ให้รพีพงษ์จัดการเถอะ” อารียาดึงศักดาไปอีกทาง รพีพงษ์เพ่งไปที่ศศินัดดา แล้วกล่าว “ขอโทษ”
“ไม่มีทาง!” ศศินัดดาส่ายหัว
อุณหภูมิของร่างกายรพีพงษ์เริ่มสูงขึ้น อากาศ ภายในห้องก็เริ่มลดลง
ศศินัดดารับรู้ได้ถึงแรงอำมหิตของรพีพงษ์ ในใจ สั่นคลอ เริ่มคิดว่ารพีพงษ์มีความอำมหิตแบบนี้ตั้งแต่เมื่อ ไหร่ แค่มอง ก็ทำให้คนกลัวได้แล้ว
“แก…แกคิดจะทำอะไร” ศศินัดดาเริ่ม กระวนกระวายใจ
“ถ้าวันนี้คุณไม่ขอโทษ ผมจะใช้กำลังกับคุณแล้ว นะ พี่สาโดนดียังไง ก็จะให้คุณได้ลิ้มลองทั้งหมด” รพี พงษ์กล่าว
“แกกล้า!”
ศศินัดดายกมาขึ้นมาจะตบรพีพงษ์หนึ่งฉาด รพี พงษ์จับไปที่ข้อมือของเธอ แล้วใช้แรงบิด ศศินัดดาล้ม ลงไปที่พื้นโดยตรง
“ไอ้หยา ปวดชะมัด” ศศินัดดาโอดครวญ ศักดาเห็นดังนั้น ก็ร้อนรนขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้า เข้าไป
“ขอโทษไม่ขอโทษ? ถ้าไม่ขอโทษ ผมจะไม่ เกรงใจแล้วนะ” รพีพงษ์เดินหน้าหนึ่งก้าว
ศศินัดดากลัว แล้วกล่าว “ฉันขอโทษก็ได้ แกไอ้ เด็กเปรต กล้าใช้กำลังกับฉัน มันชั่งน่าโมโหจริงๆ”
เธอกัดฟันแล้วยืนขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปข้าง หน้าของชนิสรา ด้วยสายตาเคียดแค้น
“ขอ…..ขอโทษ” ศศินัดดาพูดอย่างไม่เต็มใจ ชนิสราได้ยินศศินัดดาขอโทษ ในใจก็รู้สึกคลาย ลง เธอไม่สนใจท่าทีของศศินัดดา เธอแค่ต้องการยืนยัน ความบริสุทธิ์เท่านั้น
รพีพงษ์ได้ยินศศินัดดาขอโทษ แล้วกล่าวตาม “เรื่องนี้ก็ตามนี้ล่ะกัน ผมไม่เอาเรื่องอะไรอีก ถ้ายังมีครั้ง ต่อไป ไม่ใช่แค่ขอโทษแล้วจะจบล่ะ”
ศศินัดดามองไปที่รพีพงษ์ แล้วกล่าว “ฉันขอโทษ แล้ว แต่แกทำให้ฉันไม่สบายใจ นี่เป็นบ้านของฉัน นับ ตั้งแต่วันนี้ไป แกไสหัวไปซะ ค่าส่วนกลางนั้นฉันไม่ ต้องการให้แกจ่ายแล้ว ไม่งั้นฉันก็ขายวิลล่าซะ กูไม่ อยากมารองรับความโกรธของใคร!”
พูดจบ เธอก็เดินจากไป ผลักรพีพงษ์ออกไปข้าง
นอก
“แกรีบไสหัวไปซะ ต่อไปอย่าให้ฉันเจอแกอีก!”
รพีพงษ์เอื้อมระอา ในใจคิดว่าตัวเองมีแม่ยาย แบบนี้ ซึ่งน่าปวดหัวจริงๆ
เขามองไปที่อารียา แล้วกล่าว “ไม่งั้นเราไปซื้อ วิลล่าข้างๆไว้เถอะ”
อารียาลำบากใจ ไม่รู้ว่าจะทำยังไงขึ้นมาทันที
“แกจะไปซื้อวิลล่าทั้งโครงการไว้ก็ไม่ใช่ธุระอะไร ของฉัน รีบไสหัวออกไปจากบ้านพวกเราซะ ไม่งั้นฉัน จะแจ้งความ ข้อหาบุกรุกเคหะสถาน!” ศศินัดดากัดฟัน พูด
ในขณะที่ศศินัดดากำลังโมโหอยู่นั้น ประตูของ วิลล่าก็ถูกเปิดออก จากนั้นมีการ์ดใส่ชุดสูทดำกว่าสิบคน เดินเข้ามา จากนั้นเป็นเสียงของรองเท้าส้นสูงตามมา โย ษิตาเดินเข้ามา แล้วมองศศินัดดาด้วยสายตาที่เย่อหยิ่ง
“ฉันจะดูสิวันนี้ใครมันกล้าไล่รพีพงษ์ออก ฉันคน ของตระกูลลัดดาวัลย์ ไม่ใช่ที่พวกแกอยากจะไล่ก็ไล่ ออกไปง่ายๆ