พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่229 มีวิชาไม่เท่ามีกำลัง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่229 มีวิชาไม่เท่ามีกำลัง
บทที่229 มีวิชาไม่เท่ามีกำลัง
ท่านคทาหลับตามิงไปที่รพีพงษ์ เขาไปเมืองริเวอร์ รู้เพียง แค่รพีพงษ์รวยมาก แต่ไม่เคยเห็นรพีพงษลงไม้ลงมือ ดังนั้น จึงไม่ค่อยมั่นใจเกี่ยวกับฝีมือของรพีพงษ์
“ได้แต่หวังว่าเด็กคนนี้กลับมาครั้งนี้ สามารถต้านทานต่อ อคติของคนพวกนี้ได้ล่ะกัน” ท่านคทาถอนหายใจ
นิรมัทจ้องรพีพงษ์อย่างไม่พอใจ จากนั้นก็ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว เริ่มกระบวนท่า ท่านี้ เป็นท่าขั้นสูงของศิลปะการต่อสู้ตระกูล ลัดดาวัลย์ คนธรรมดาจะเรียนไม่ค่อยสำเร็จ ตั้งแต่เริ่มเขาก็ ใช้ท่านี้ เพราะอยากให้รพีพงษ์ ได้รู้ถึงความแตกต่างของเขา และตน
“ไม่เลว ดูๆแล้วนิรมัทช่ำชองในวิชาลั่งอิงแล้วสินะ เขา ยกมือขึ้นมาอย่างมั่นคงพร้อมกับความแข็งกล้า ลูกศิษย์เหล่า นั้นของผม ที่สามารถทำได้เท่าเขา มีไม่กี่คนเท่านั้น” เจต ดิลกมองไปยังนิรมัทที่กำลังออกทวงท่า ด้วยใบหน้าที่พอใจ
“ดูไม่ออกว่ารพีพงษ์จะใช้ท่าอะไร แต่ผมรู้สึกว่าเข่ไม่ได้ ธรรมดาอย่างที่คิดไว้ ดูจากลักษณะของร่างกายเขา ก็ทำให้ คนรู้สึกว่าไม่ธรรมดา” ท่านคทากล่าว
“เขาจะมีท่าอะไร ก็แค่โอ้อวดไปงั้นแหละ ในปีนั้นที่ผมสอน เขา เขานอกจากจะเล่นไปเรื่อยแล้ว ก็ไม่ทำอะไรอีกเลย ไม่ ว่าจะยังไง เขาก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อกรของนิรมัทได้” เจตดิลก กล่าวอย่างเหยียดหยาม
รพีพงษ์เห็นนิรมัทออกท่วงท่า ก็มิได้ลังเลใดๆ ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
เขาก็ใช้หนึ่งในท่วงท่าของบูโดแห่งตระกูลลัดดาวัลย์ เพียง แค่เป็นหมัดขั้นพื้นฐานเท่านั้น ดูๆไปไม่ได้มีท่าทางอะไรที่
มากมาย
ตอนที่รพีพงษ์อยู่เมืองริเวอร์นั้น เขาได้มีโอกาส โอกาสครั้ง นั้นทำให้เขาได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งคนธรรมดา ไม่ที่ทาง จะต่อกรกับเขาได้
เพียงแค่วันนี้ที่ต่อสู้กับนิรมัทนั้น รพีพงษ์ไม่อยากใช้วิทยา ยุทธที่ปางตายระดับนั้น วันนี้เขาจะใช้บูโดแห่งตระกูลลัดดา วัลย์ทำให้นิรมัยแพ้ราบคาบ
นิรมัทเห็นรพีพงษ์ใช้แค่วิทยายุทธขั้นต้นที่สุดของบูโด ตระกูลลัดดาวัลย์ ก็เยาะเย้ยขึ้นมาทันที
“รพีพงษ์ ดูไปแล้วแกยังคงอยู่ในห้วงวิทยายุทธขั้นพื้นฐาน ของปีนั้นอยู่นะ อย่างแกนี่นะ จะชนะฉันได้ยังไง?”
เด็กๆของตระกูลลัดดาวัลย์ต่างก็หัวเราะกันอย่าง สนุกสนาน ทวงท่าพื้นฐานแบบนี้ แม้แต่พวกเขาก็ไม่ใช้แล้ว ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์เมื่อเริ่มต้นก็ใช้วิทยายุทธนี้แล้ว
“ชั่งน่าขำจริงๆ เขาคงไม่ใช่ใช้เป็นแค่ท่าพื้นฐานพวกนี้ หรอกนะ ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆล่ะก็ เขากล้าท้าทายพี่นิน นี่มันรน หายที่ตายชัดๆ”
หลังจากที่เจตดิลกเห็นรพีพงษ์ใช้ท่านี้แล้ว ก็ดูแคลน แล้ว
กล่าว “ผ่านมาตั้งหลายปีไม่มีอะไรพัฒนาขึ้นเลย ไม้อ่อนดัด
ง่ายไม้แข็งดัดยาก ทวงท่าหมัดนี้ของเขา จะเทียบกับวิชาลั่ง
อิงของนิรมัทได้อย่างไรกัน สวะก็คือสวะอยู่วันยังค่ำ”
ท่านคทาเห็นรพีพงษ์ออกหมัดเบื้องต้นง่ายๆ ก็รู้สึกผิดหวัง เล็กน้อย เขาคิดว่า รพีพงษ์ก็ไม่น่าจะเอาชนะนิรมัทได้ รพีพงษ์ไม่ได้ใส่ใจปฏิกิริยาของคนรอบข้างเหล่านั้นเลย
ถึงเข้าไปข้างหน้าของนิรมัย หมัดนั้นได้ชกเข้าที่ร่างกายของ
นิรมัทโดนตรง
นิรมัทฮีขึ้นมาหนึ่งครั้ง แล้วใช้วิชาลั่งอิง สกัดหมัดของรพี พงษ์ไว้ จากนั้นก็เอามือตบเข้าไปที่ท้องของรพีพงษ์ ตามรูปการณ์ทั่วไป รพีพงษ์จะต้องเก็บหมัดตัวเอง แล้วไป
ขวางมือที่ตบเข้ามาไว้ วิทยายุทธนี้ของเขากับตอนที่รพีพงษ์
จัดการกับถิรมันคล้ายคลึงกัน
แต่นั่นเป็นเพียงแค่ในเหตุการณ์ทั่วๆไปเท่านั้น ใน เหตุการณ์ทั่วไปวิชาลั่งอิงของนิรมัทสามารถต้านหมัดนี้ของ รพีพงษ์ได้ แต่ทว่าด้วยสภาพอารมณ์ของรพีพงษ์ จะไม่มีทาง ให้เกิดเหตุการณ์ปกติแน่นอน
หลังจากหมัดของรพีพงษ์ต่อยไปที่ร่างกายของนิรมัทแล้ว ทันใดนั้นก็มีพลังอันมหาศาลเกิดขึ้น ทำเอาแขนที่นิรมัทใช้ ขวางหมัดเขานั้นหักทันที แล้วหมัดก็เข้าตรงไปยังหน้าของนิ รมัท
นิรมัยหน้าถอดสี เขาไม่คาดคิดว่ากำลังของรพีพงษ์จะ มากได้ขนาดนี้ เหนือความคาดหมายของเขาจริงๆ ถ้าเป็น แบบนี้ เขาต้องชักมือกลับมา แล้วไปขวางหมัดของรพีพงษ์ไว้ ทวงท่าหลังจากวิชาลั่งอิงไปนั้นก็ไม่มีทางได้ใช้แล้ว
“อะไรนะ! ไอ้เด็กนี่ทำไมพลังมันเยอะแบบนี้นะ! ทำวิทยา ยุทธที่นิรมัทเตรียมไว้นั้นพังหมด” เจตดิลกเห็นดังนี้ หน้าถอดสีทันที
ตอนนั้นที่เขาชมวิชาลั่งอิงของนิรมัท เพราะรพีพงษ์แค่ใช้ หมัดเบื้องต้นนั้นเท่านั้นจึงไม่ใช่คู่ต่อกรของนิรมัท แต่นี่คือใน กรณีที่พลังของรพีพงษ์และนิรมัทพอๆกัน
เจตดิลกคิดเสมอว่ารพีพงษ์ไม่เรียนศิลปะป้องกันตัวแล้ว ร่างกายเขาต้องมีกำลังอยู่ไม่มากเป็นแน่ ไม่แน่ถ้าเทียบกับนิ รมัทแล้วอาจจะต่างกันมาก ดังนั้นจึงมั่นใจว่ารพีพงษ์ต้องแพ้ แน่นอน
แต่ตอนนี้รพีพงษ์ใช้เพียงหมัดเดียวก็สามารถทำให้วิชาที่นิ รรเตรียมไว้นั้นพังยับเยิน จากที่นิรมัทได้เปรียบก็กลับเป็น เสียเปรียบทันที ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ถ้าอยากชนะ ก็ไม่ได้จะ ง่ายอย่างที่คิดแล้วล่ะ
ท่านคทาก็มองรพีพงษ์อย่างคาดไม่ถึง แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อ เห็นรพีพงษ์ได้เปรียบ เขากลับรู้สึกโล่งอกขึ้น
เด็กๆเหล่านั้นของตระกูลลัดดาวัลย์มองไปที่รพีพงษ์แล้วอ้า ปากค้าง พวกเขาแต่ไหนแต่ไรมา ถูกปลูกฝังว่าการมีวิชา เท่านั้นจึงจะชนะได้ เพราะเมื่อคนเติบโตถึงขั้นหนึ่ง ด้านกำลัง จะไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่
แต่วันนี้รพีพงษ์ได้ใช้ความสามารถจริงๆมาหักล้างความคิด ของพวกเขา ให้พวกเขารู้ว่าศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงของบูโด แห่งตระกูลลัดดาวัลย์นั้น ก็ไม่ได้มหัศจรรย์แต่อย่างใด รพี พงษ์ใช่เพียงหมัดธรรมดาเท่านั้น ก็ทำให้วิชาลั่งอิงของนิรมัท พังลงได้
มีวิชาไม่เท่ามีกำลัง ต้องมีกำลังก่อน วิทยายุทธอื่นใด ก็เป็นแต่ส่วนเสริม
หลังจากที่ทำวิชาลั่งอิงของนิรมัทพังจากแผนแล้ว รพีพงษ์ ก็ได้ใช้ฝ่ามือตบไปที่นิรมัทอีกครั้ง
ครั้งนี้นิรมัทไม่กล้าใช้มือของตนเองขวางวิชาของรพีพงษ์ อีกแล้ว ได้แต่กัดฟัน แล้วถอยหลังไปสองก้าว ให้รพีพงษ์ตบ ไม่โดนตนเอง จากนั้นเขาก็กระโดดอย่างเร็วไปที่ด้านหลัง ของรพีพงษ์ เพื่อที่จะเตะรพีพงษ์
รพีพงษ์ยื่นมือออกไป จับขาของนิรมัทไว้ แล้วเอาเขา กระแทกไป ที่ขาล่างของนิรมัทโดยตรง นิรมัทเจ็บจนต้อง เปล่งเสียงไอ้หยาออกมา แล้วรีบเดินถอยหลังไปกี่ก้าว ใช้มือ ลูบๆขาของตัวเอง
จนถึงตอนนี้ นิรมัทเพิ่งจะรู้ว่ารพีพงษ์ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ ตัวเองคิดไว้ แล้วสิ่งที่ทำให้เขาทนไม่ได้ก็คือ รพีพงษ์ใช้แค่ วิทยายุทธขั้นพื้นฐานของบูโดแห่งจระกูลลัดดาวัลย์เท่านั้น ก็ ทำจนเขาได้แต่ตั้งรับรัวๆ นี่หมายความว่า ความสามารถของ เขาสู้รพีพงษ์ไม่ได้
“แม้แต่วิทยายุทธเบื้องต้นแบบนี้แกยังเอาไม่อยู่ ตอนนี้แก ยังคิดว่าตัวเองเก่งอยู่ไหม?” รพีพงษ์ถาม
นิรมัทมองรพีพงษ์ด้วยความหมั่นไส้ หายใจลึกๆ ทั้งสองมือ กำหมัดเอาไว้ แล้วตะโกน “มาอีกครั้ง! เมื่อกี้ผิดหลาดนิด หน่อย” นิรมัทพุ่งไปที่รพีพงษ์ ด้วยใบหน้าที่อาฆาต
รพีพงษ์มองไปที่เขาอย่างสบายใจ ครั้งนี้ก็ใช้วิทยายุทธพื้น
จึงนี้ก็
ฐานพวกนั้นอีก นิรมัทแทบจะเอาไม่อยู่ ไม่นานภายในห้านาที ทั้งสองหมัดแลกหมัด แทบจะทุกท่าที่รพีพงษ์เป็นต่อนิรมัย ตอนนี้นิรมัทเหมือนกับจะเป็นรองอยู่ สุดท้าย รพีพงษ์ไม่อยากยื้อนิรมัยไว้แล้ว แล้วเตะไป โดยตรง ที่ท้องของเขา
ร่างนิรมัทบินไป แล้วลืมลงกับพื้นอย่างรุนแรง จากนั้นก็มี เลือดไหลออกมา
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เงียบลง เจตดิลกมองไปที่รพีพงษ์ ด้วยสีหน้าไม่ดี พูดไม่ออกอยู่นาน
ขณะนี้เองในคฤหาสน์ใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ ในห้อง ของผู้หญิง ลักษณะสวยงามน่ามอง ผิวขาวนวล ที่กำลังดู โกะอยู่
ในขณะเดียวกันนี้ก็มีผู้หญิงอีกคนวิ่งเข้ามา แล้วพูดกับผู้ หญิงที่นั่งอยู่นั้น ว่า “คุณผู้หญิง รพีพงษ์กลับมาแล้ว ตอนนี้ เขากำลังประลองฝีมืออยู่กับนิรมัทที่ในสวน ดูลักษณะแล้ว นิ รมัทไม่ใช่คู่ต่อกรของเขาแต่อย่างใด”
เมื่อผู้หญิงได้ยินชื่อของรพีพงษ์แล้ว ก็ชะงักทันที แต่ก็นิ่ง ผู้หญิงคนนี้ชื่อญาดา เป็นน้องสาวฝ่ายแม่ของรพีพงษ์ ใน
สงบไว้
ตอนเด็กญาดามักจะอยู่กับรพีพงษ์ตลอด ในตอนนั้นรพีพงษ์
นอกจากจะแสดงศักยภาพที่แท้จริงให้นนทภูเห็นแล้ว ที่เหลือ
ก็จะเป็นญาดาที่ได้เห็นเช่นกัน
ดังนั้นในตอนนั้นทุกคนจึงดูถูกรพีพงษ์ จะมีก็แต่ญาดาที่ รู้สึกว่ารพีพงษ์หล่อ ถึงขั้นคิดไปว่าเมื่อเติบใหญ่จะแต่งงานกับ รพีพงษ์แน่นอน
แต่เมื่อหลังจากที่รพีพงษ์ได้โดนไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์แล้วนั้น ความรู้สึกของญาดาที่มีต่อรพีพงษ์ก็เปลี่ยนไป
เป็นรพีพงษ์ก็แค่คนไร้ประโยชน์ที่โดนไล่ออกจากวงศ์ ตระกูล ในตอนเด็กที่รพีพงษ์โชว์ออฟให้เธอดูนั้น ย้อนดูใน ตอนนี้ ก็แค่เรื่องเด็กๆเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เองที่หลังจากรพีพงษ์จากไปแล้ว เธอก็ไม่มีความ รู้สึกใดๆกับเขาอีก ถึงขึ้นเกิดเป็นความเกลียดชังขึ้นมา
ตอนนี้ได้ยินเสียงของรพีพงษ์อีกครั้ง ในใจของเธอที่มี ก็แค่ ความเหยียดหยามเท่านั้น
ตอนนี้เธอคือนักโกะที่มีพรสวรรค์ของเกียวโต ได้รับรางวัล ชนะเลิศซ้อนกันสามปีของเกียวโต ตอนนี้เธอก็มีความภูมิใจ ในตัวเอง แน่นอนว่าไม่มีทางจะรับไอ้สวะได้อีกต่อไป
“เขาจะกลับหรือไม่กลับมาก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ตอนนี้ ในใจฉันมีเพียงโกะเท่านั้น คืนนี้ฉันต้องแข่งกับลูกศิษย์ของ ญาทิป เพียงแค่สามารถชนะลูกศิษย์ของเขาได้ ญาทิปก็จะ รับฉันเป็นศิษย์ ถึงเวลานั้นฉันก็จะโดดเด่นในการแข่งขันโกะ ระดับประเทศ รพีพงษ์ไม่สามารถทำให้ฉันรู้สึกสนใจในตัว เขาได้อีกแม้แต่ครึ่งเดียว”
“พวกญาทิปมาหรือยัง?” ญาดากล่าว
“อาจจะใกล้ถึงแล้ว ห้องโถงได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว คืนนี้ จะมีคนจำนวนไม่น้อยมาดูคุณผู้หญิงแข่งขัน ตอนนี้เริ่ม มีคนทยอยมาแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นกล่าว
ญาดาพยักหน้า แล้วกล่าว “ช่วยฉันเก็บหน่อยล่ะกัน ฉันจะ ต้องวางตัวให้ดีที่สุด ในการที่จะไปแข่งขันกับศิษย์ของญา ทิป นี่จะเป็นสะพานให้ฉันก้าวไปสู่การมีชื่อเสียง ฉันจะต้องทำให้ดีที่สุด”
“ใช่ค่ะ” ผู้หญิงคนนั้นตอบรับ แล้วรีบช่วยญาดาเก็บของ