พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่245 ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเขา
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่245 ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเขา
บทที่245 ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเขา
หลังจากจารุณีได้ยินกิตติเดชพูดเสร็จ เธอได้ชี้ไปทางลิ ปตาและชรินทร์ทิพย์ว่า:” เขาสองคนไม่ยอมทำตามกติกา แพ้ พวกฉันแล้วยังไม่ยอม พวกเราได้คุยกับแล้วว่าใครแพ้ก็จะ เรียนแบบสุนัขเห่า พวกเขายังใช้อำนาจมากดขี่พวกเรา ว่า พวกเขาเป็นลูกน้องของประติพุทธิ์ ชั่วร้ายจริงๆ ”
สีหน้าของกิตติเดชเปลี่ยนไปแล้วหันไปมองชรินทร์ทิพย์ และลิปตาหลังจากเมื่อได้ยินสิ่งที่จารุณีพูด
ลิปตาและชรินทร์ทิพย์ ไม่คิดว่ากิตติเดชจะเคารพจารุณี ขนาดนี้ บนหน้ามีแต่ความอึ้ง
ตอนนี้กิตติเดชหันไปมองลิปตาและชรินทร์ทิพย์ พูด อย่างดูถูกว่า :” สิ่งที่คุณจารุณีพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? พวก คุณสองคนแพ้การแข่งขันก็ต้องทำตามสัญญา ”
ลิปตารีบเดินไปทางก็ตติเดซ :” คุณกิตติเดช เราต้องมี อะไรเข้าใจผิดแน่นอน คนที่แข่งกับพวกเราเป็นคนที่ชื่อรพี พงษ์ รพีพงษ์นะเป็นแค่คนไร้ค่า คุณทำไมต้องรักษาหน้าของ เขา และผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้ว่าเกียวอะไรกับคุณกิตติเดชหรือ ?”
ชรินทร์ทิพย์ใจร้อน : จะมีความสัมพันธ์อะไรกับคุณ กิตติเดช อยู่กับคนอย่างรพีพงษ์ ยังไงก็ไม่ดีแน่นอน ”
กิตติเดชหันไปมองชรินทร์ทิพย์ :” คุณเป็นใครถึงจะมา ปากมากต่อหน้าคุณจารุณี หล่อนเป็น.” กิตติเดชพิจารณาไป ก็ไม่รู้ว่าจารุณีมีความสัมพันธ์อะไร
กับประดิพุทธิ์
ฉันเป็นพี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ ” จารุณีตะโกน รพีพงษ์ที่อยู่ข้างๆจะบ้าตายแล้ว ผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไรโทรทัศน์จริงๆแล้วหรือตอนนี้ได้กอดเขาตัวเองไว้อย่างแน่นอน แบบนี้
กิตติเดชได้ยิน ก็รู้สึกแปลกประหลาด เขาหันไปมองรพี พงษ์ ประดิพัทธิ์เคยบอกเขาอยู่ว่ารพีพงษ์เป็นพี่ของประดิพ หธิ์ ถ้าจารุณีมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับรพีพงษ์จริงๆ ก็ถือว่า เป็นที่สะใภ้ของประดิพัทธ์ แค่อายุเล็กไปเฉยๆ
* ใช้ หล่อนเป็นพี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ ” กิตติเดชพูดแบบ นี้
สีหน้าของชรินทร์ทิพย์และลิปตาไปเปลี่ยนไปทันที ถ้า ประโยคนี้จารุณีเป็นคนพูด พวกเขายังไม่เชือ แต่ตอนนี้ก็ตติ เดชก็ยังพูดแบบนี้ พวกเขาไม่เชื่อไม่ได้
ผู้ชมทั้งหลายก็มองจารุณีอย่างอึ้ง ไม่คิดว่าหล่อนจะเป็น พี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ สิ่งที่ทำให้คนทั้งหลายไม่เข้าใจคือ จา รุณีเป็นพี่สะใภ้ของประดิพุท แล้วพี่ของประดิพุทธิ์ปืนใคร?
กิตติเดชกำบังอยากจะแนะนำรพีพงษ์ ให้ชรินทร์ทิพย์ และลิปตารู้สำนึกถึงความผิดของตนเอง แต่รพีพงษ์ได้ให้ สายตากับเขา ให้เขาไม่ต้องเผย เขาถึงต้องปิดปากไว้
” ลิปตา สุดยอดจริงๆนะนาย กล้าที่จะรังแกพี่สะใภ้ของ ประดิพุทธิ์ ยังไง อยากจะเป็นพี่ใหญ่หรือ ?” กิตติเดชถาม อย่างเย็นชา
สีหน้าของลิปตาเปลี่ยนไปทันที รีบพูดว่า: ” คุณกิตติเดช ผมไม่มีความหมายแบบนี้จริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นพี่สะใภ้ของ พี่พูด
ชรินทร์ทิพย์เกินความบ่นโทษขึ้น ทำไมโชคชะตาขอ รพีพงษ์ถึงจะดีขนาดนี้ ผู้หญิงที่มากับหมอนี้เป็นพี่สะใภ้ของ ประดิพุทธิ์
ม
” ตอนนี้คุณรู้แล้ว งั้นจะต้องทำอย่างไม่ต้องให้ผมพูดใช่ ไหม ?” กิตติเดชพูดอย่างเย็นชา
ลิปตากัดฟัน :” ไม่ต้องครับ คุณกิตติเดช เป็นพวกเราที่มี ความสามารถไม่พอ ผมยอมรับในการแพ้ของผม ผมจะเห่า เหมือนสุนัขเดียวนี้ ”
แต่นายคนเดียวหรอ ? ผู้หญิงคนนี้ล่ะ ?” กิตติเดชมอง ชรินทร์ทิพย์
ลิปดารีบดึงแขนของชรินทร์ทิพย์ :” รีบทำเร็วๆ ”
ชรินทร์ทิพย์ไม่ยอม พี่เมื่อกี้ไหนบอกว่าเป็นข้อแลก เปลี่ยนของพี่กับรพีพงษ์ไง ฉัน..”
” เธออะไรเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเมื่อกี้ไม่มีมารยาทกับพี่ สะใภ้ของประดิพุทธิ์ เรืองนี้ก็จบลงแล้ว ตอนนี้เธอไม่ทำ เดียว ฉันก็ช่วยเธอไม่ได้ !”
ลิปตาพูดจบก็เริ่มเหท่าเหมือนสุนัข
โชงๆ
ผู้ชมพวกนั้นได้หัวเราะขึ้นมาทันที สีหน้าของลิปตาเขียว ไปหมด แต่เพราะกิตติเดชอยู่ตรงนี้ เขาไม่เท่าไม่ได้ ดังนั้นจึง ต้องเห่า
กิตติเดชหันไปมองชรินทร์ทิพย์ สายตาเย็นชา ชรินทร์ ทิพย์รู้ว่าถ้าตัวเองไม่ตะโกนตามเขาวันนี้ ต้องทรมานแน่นอน
ดังนั้นจึงสูดลมหายใจลึกแล้วตะโกนตามลิปตา
คนที่อยู่ในเหตุการณ์หัวเราะคึกคัก มองเขาสองคนขาย ts
ขี้หน้า สะใจเหลือเกิน
จารุณียกหน้ามองเขาสองคน สีหน้าดีใจมาก
” พวกแกสองคนเก่งมากไม่ใช่หรือ เก่งอีกสิ กล้ามาโกงต่อหน้าฉัน ตอนนี้รู้ความเก่งกล้าของฉันหรือยัง จารุณี ท่าทางเจ้งมาก
ชรินทร์ทิพย์และลิปตาไม่กล้าพูดอะไร นี่เป็นพี่สะใภ้ของ ประดิพุทธิ์ ถ้าทำให้หล่อนโกรธแล้วประดิพุทธโมโหขึ้นมา แล้วล่ะก็ พวกเขาสองคนต้องตายแน่นอน
รพีพงษ์มองจารุณีที่แสดงสีหน้าอาการขนาดนี้ ในใจศิด ว่าในโลกใบนี้ยังมีผู้หญิงที่ร่าเริงใสซื้อขนาดนี้แล้ว ถือว่าเป็น ความโชคดีจริงๆ
แค่รู้จักส่วนนี้ก็รู้แล้วว่า ครอบครัวของจารุณีไม่ธรรมดา แน่นอน ไม่งั้นถ้าเป็นครอบครัวธรรมดาแล้ว จะไม่สามารถ ปกป้องจารุณีได้ดีขนาดนี้
หลังจากได้ฟังลิปตาและชรินทร์ทิพย์บางคนเท่าแบบ หมาแล้ว จารุณีหันไปมองทางรพีพงษ์ พูดว่า “พวกเรากลับ เถอะ”
รพีพงษ์พยักหน้าเกินไปนอกโรงแข่งรถตามจารุณี
กิตติเดชรีบตามไป เขาได้เรียกรถส่วนตัวของประดิพุทธิ์ ส่งสองคนกลับถึงคฤหาสน์ของประดิพุทธิ์
กลางทาง จารุณีใช้ตาโตๆของเธอจ้องรพีพงษ์ไว้ รพี พงษ์ถูกเธอจ้องจนขนลุก :” คุณมองฉันทำไม ? บนหน้าผมมี อะไรหรือ ?”
จารุณีมองรพีพงษ์อย่างกับเจ้าชายขี่ม้าขาว :” ฉันคิดว่า ไงคงจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของฉัน”
รพีพงษ์มองผู้หญิงที่อยู่ด้านหน้าของตนเอง ไม่รู้จะ
จัดการเธอยังไงดี
” ต่อไปนี้อย่าพูดคำพูดแบบนี้ ฉันเป็นคนมีภรรยาแล้ว และคุณก็ไม่ใช่พี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ อายุของคุณสามารถเป็นได้แค่น้องสาวของประดิพุทธิ์ รพีพงษ์กล่าว
” ฉันไม่สนยังไงฉันก็นอนกับนายบนเตียงเดียวกันแล้ว นายต้องรับผิดชอบฉัน ถึงนายมีภรรยาแล้วฉันก็ไม่รังเกียจ หรอกไหนไม่เห็นหรอในโทรทัศน์ผู้ชายส่วนใหญ่จะมีเมียน้อย จารุณีอย่างจริงใจและตั้งใจ
รพีพงษ์มองเธอไม่รู้จะขำหรือยังไง ผู้หญิงคนนี้คงจะจม อยู่ในน้ำเน่าของซีรี่ย์ออกมาไม่ได้แล้ว
“คุณสัมผัสและรู้จักโลกภายนอกได้มีแต่ใช้โทรทัศน์ใช่ ไหม?” รพีพงษ์ถาม นี่เป็นการคาดเดาของเขาในความคิด ของเขาถึงจะเป็นสาวอายุ 19 ปี ก็ไม่ควรใสซื่อขนาดนี้ และ ยังเชื่อสิ่งที่โทรทัศน์พูด
งั้นแค่จะสามารถอธิบายได้ว่า เส้นทางที่จารุณีจะ สามารถสัมผัสโลกภายนอกได้ มีแต่การดูโทรทัศน์ ดังนั้นถึง จะเชื่อว่าสิ่งที่ในโทรทัศน์พูดเป็นเรื่องจริง
จารุณีได้ยิน ไม่พอใจทันที แล้วหันหลังยังโกรธเพราะพูด ว่า :” นายไม่ต้องสนใจหรอก” แล้วก็ไม่สนใจรพีพงษ์อีกเลย
หลังจากกลับถึงคฤหาสน์แล้ว จารุณีถึงจะจำได้ว่าตัวเอง ยังมีจูบๆนึ่งไม่ได้จูบถึง เลยวิ่งไล่รพีพงษ์จะจูบเขา
รพีพงษ์ถูกวิ่งไล่จนต้องหนี เขาไม่เคยหมดแรงขนาดนี้มา ก่อน
หลังจากนั้นประดิพุทธิ์กลับมารพีพงษ์สั่งให้ประดิพุทธิ์ จับจารุณีไว้ ถึงจะทำให้ความวุ่นวายครั้งนี้จบลง รพีพงษ์ได้คุยกับจารุณีว่า เขาเป็นคนที่มีภรรยาแล้ว จาก จูบกับคนอื่นไม่ได้ จารุณีไม่ยอม ได้แต่เถียงว่าในซีรีส์ก็เป็น แบบนี้ รพีพงษ์ทำอะไรไม่ถูก เพียงแต่ขู่ว่าถ้าแฟนทำแบบนี้สิก็
จะให้ประดิพุทธิ์ส่งเธอกลับบ้าน
จารุณีถึงจะสงบลง แต่ได้แอบสาบานว่า คราวหน้าจะ ต้องชดใช้จูบนี้แน่นอน
กลางคืน รพีพงษ์พูดกับประดิพุทธิ์จะให้เขาช่วยหา แพทย์จีนที่มีฝีมือหน่อย เขาต้องการกำจัดแรงยาในร่างกาย ของตัวเองให้หมด ไม่งั้นกำลังก็จะไม่สามารถกลับถึงขั้นสูงสุด ได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ดียากลำบากมากๆ
ประดิพัทธ์พูดว่าเขารู้จักหมอจีนที่มีชื่อเสียงในอำเภอนก ฟ้า สองวันนี้จะถามให้รพีพงษ์ว่าจะสามารถเชิญหมอจีนคน นี้มาไหม
คืนนั้น ในร้านอาหารฝรั่งของอำเภอนกฟ้า
ลิปตาและชรินทร์ทิพย์นั่งด้วยกันด้วยสีหน้าที่น่ากลัว เหตุการณ์วันนี้ที่เลียนแบบหมาเห่าในโรงแข่งรถทำให้พวกเขา สองคนอับอายขายขี้หน้าเหลือเกิน พวกเขาจะไม่แก้ไขได้ อย่างไร
* ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นพี่สะโภ้ของประดิพุทธิ์ ไม่รู้ ว่าพี่ของประดิพุทธิ์คิดยังไงถึงได้ชอบผู้หญิงแบบนี้ ตอนนี้ ต้องยากลำบากที่จะหาวิธีหาวิธีชุดใช้แล้ว ” ลิปตากล่าว
ชรินทร์ทิพย์เหล่ตาแล้วพูดว่า :” ฉันว่าไม่แน่ถึงผู้หญิงคน นั้นเป็นพี่สะใภ้ของประดิพุทธิ์ พวกเราไม่มีโอกาสจัดการ หล่อน แต่รพงษ์เป็นแค่คนไร้ประโยชน์นี่เป็นสิ่งที่แท้จริง พวกเราจัดการผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ยังจะจัดการรฟีพงษ์ไม่ได้ อีกหรือ ?”
* แต่รพีพงกู์รู้จักกับผู้หญิงคนนั้นไง ถ้าเขาไปขอให้ผู้ หญิงคนนั้นช่วยจะทำอย่างไร ?” ลิปตากล่าว
ชรินทร์ทิพย์ยิ้มแล้วพูด :” พวกเขาแค่รู้จักกันเฉยๆ ผู้ หญิงคนนั้นจะอยู่ข้างๆรพงษ์ตลอดไม่ได้ ตอนนี้รพีพงษ์อยู่ นอนบ้าน ทางบ้านเกิดฉันจะรู้เหตุการณ์ทางนี้ของเขาหรือเปล่ายังไม่รู้ ฉันแค่อยากจัดการรฟีพงษ์ให้เร็วๆ ตอนนี้ขาเอง ออกจากอำเภอนกฟ้า นี่ก็เป็นโอกาสโอกาสหนึ่งมิใช่หรือ ?”
” ไหนบอกว่าครั้งที่แล้วแกเป็นนักสู้เบอร์หนึ่งของประดิพ หธ์ไง มีความสัมพันธ์ที่ดีกับสพลไม่ใช่หรือ เนื่องในอำนาจของ สพลที่อยู่ในอำเภอนกฟ้า แค่กำจัดหมาหัวเน่าที่มาจาก ภายนอก เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่หรือ ? พอรพีพงษ์ปิดปากแล้ว เขา
จะไปหาอีสาวนั้นหาเรื่องเรา อีกอย่างรพีพงษ์นะไม่มีประโยชน์ อะไร คิดว่าผู้หญิงคนนั้นอีกไม่นานก็คงจะลืมเขาไปแล้ว ”
ลิปตาฟังเสร็จ ก็มีอุบายขึ้น วิธีที่คุณคิดก็พอใช้ได้ ฮะๆ แบบนี้ ผมคงต้องไปเจรจากับสพลซะแล้ว อิรพีพงษ์กล้านักที่ สั่งให้ฉันเรียนแบบหมาเห่าต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ ครั้งนี้ฉันจะ ไม่ให้อภัยเขาเด็ดขาด !
ชรินทร์ทิพย์ก็แสดงความคุเร้า กระซิบว่า :” รพีพงษ์ ถ้า ไม่ใช่แก ครอบครัวของฉันยังไม่ถึงขั้นต้องขายทุกอย่าง ฉัน ชรินทร์ทิพย์ไม่ใช่คนที่จะถูกคนแบบแกรังแกได้ คราวนี้ ฉัน จะต้องให้แกชดใช้!”