พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่256 จักรพันธ์ผู้น่าสังเวช
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่256 จักรพันธ์ผู้น่าสังเวช
บทที่256 จักรพันธ์ผู้น่าสังเวช
หลังจากที่ชายร่างใหญ่ห้าหกคนมัดตัวจักรพันธ์แล้ว ก็พาเขาออกจากโรงแรมโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ โดยไม่สนใจบุษบากรที่อยู่ในห้องเลย
“เย้สเข้ แกแมร่งหลอกกูเหรอ คิดไม่ถึงว่าจะใช้นางนกต่อมาล่อฉัน พวกแกรู้หรือเปล่าว่ากูเป็นใคร รีบปล่อยตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้น ฉันจะทำให้พวกแกเสียใจแน่!”จักรพันธ์พยายามดิ้นรน แต่ในมือของชายร่างใหญ่ห้าหกคนนั้น เขาเป็นเหมือนกับกุ้งตัวเล็กๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้น
“แกแมร่งก็แค่ไอ้เศษสวะที่มีชื่อเสียงในเมืองริเวอร์ไม่ใช่เหรอ ทำตัวดีๆหน่อย ลูกพี่พวกเราต้องการพบแก ถ้าแกยังกล้ายังไม่หุบปากอีก พวกเราก็จะกระทืบแกเดี๋ยวนี้แหละ”ชายร่างใหญ่คนหนึ่งจ้องมองไปที่จักรพันธ์ จักรพันธ์ก็หุบปากทันที
บุษบากรที่อยู่ในห้องก็ยังมึนงงอยู่ หล่อนไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ได้ยินแต่เสียงตะโกนโวยวายของจักรพันธ์ จากนั้นข้างนอกก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกเลย
หล่อนรีบสวมใส่เสื้อทันที จากนั้นเดินไปดูที่หน้าประตู ก็พบว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอกเลย ก็ไม่รู้ว่า “รพีพงษ์”หายไปไหน
ในเวลานั้นหล่อนได้ยินเสียง “รพีพงษ์”ตะโกนอย่างคลุมเครือว่านางนกต่อ จากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีก หรือว่า “รพีพงษ์”จะถูกคนอื่นจับตัวไปแล้ว?
หล่อนไม่เคยทำข้อตกลงกับใครว่าจะเป็นนางนกต่อเลย ที่หล่อนมาที่โรงแรมก็เป็นเพราะ“รพีพงษ์” หล่อนไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องทำเช่นนี้
เพราะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ บุษบากรก็ไม่กล้าที่จะอยู่โรงแรมต่อไป เมื่อเก็บข้าวของของตัวเองเสร็จ และออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้หล่อนได้สติกลับคืนมา เมื่อกลับไปนึกถึงเรื่องราวเมื่อกี้ หล่อนรู้สึกว่า“รพีพงษ์”ที่หล่อนเจอวันนี้ดูแปลกๆไป แต่หล่อนก็พิสูจน์อะไรไม่ได้ ตอนนี้หล่อนก็ไม่สามารถโทรไปหาอารียาได้ และถามอารียาว่ารพีพงษ์มีอะไรปกติหรือเปล่า
เรื่องนี้หล่อนตั้งใจว่าจะไม่บอกให้ใครรู้ ถ้าหากว่าไม่มีใครรู้เรื่องก็จะดีกว่า อย่างนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือเก็บเรื่องนี้ไว้ในส่วนลึกในใจของหล่อนก็พอ
ในซอยมืดถัดจากโรงแรม ชายร่างใหญ่ไม่กี่คนก็พาจักรพันธ์มาที่นี่ ในเวลานี้ที่นี่มีชายคนหนึ่งในเสื้อแจ็คเก็ตยีนกำลังยืนสูบบุหรี่ภายใต้แสงไฟสลัว
ด้านหลังของคนคนนั้นดูนิ่งสงบ แวบแรกก็มองออกว่าเคยพบเจอกับบางสิ่งที่น่าสังเวชมาก่อน คนทั่วไปจะไม่มีอารมณ์ที่หมดสภาพเช่นนี้
ชายร่างใหญ่หลายคนพาตัวจักรพันธ์ไปยืนด้านหลังชายคนนั้น และโยนเขาลงกับพื้น ชายร่างใหญ่คนหนึ่งพูดว่า: “ลูกพี่ พวกเราพาไอ้เศษสวะนี้กลับมาแล้ว ตอนนี้พี่จะกำจัดเขายังไงก็ไม่มีปัญหา ซอยนี้เป็นทางตัน และโดยทั่วไปจะไม่มีใครผ่านเข้ามา แม้ว่าพวกเราจะฆ่าเขา ก็ไม่มีใครรู้”
เมื่อจักรพันธ์ได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวจนตัวสั่น และร้องขอความเมตตาจากคนพวกนี้อย่างรวดเร็ว: “พี่ชายทุกๆท่าน ฉันรู้ว่าพวกคุณทำแบบนี้ก็เพื่อเงินทอง พวกคุณทำเช่นนี้ก็เพื่ออยากได้เงิน เงินฉันมีมากมาย ขอเพียงแค่พวกคุณปล่อยฉันไป พวกคุณอยากได้เท่าไหร่ฉันก็จะให้พวกคุณเท่านั้น”
ในเวลานี้นี้ชายที่ยืนสูบหรี่อยู่ใต้ไฟก็หันกลับมา แล้วโยนก้มบุหรี่ในมือตัวเองลงบนพื้น แล้วเหยียบหนึ่งที
“รพีพงษ์ แกแมร่งกำลังหลอกใครที่นี่อยู่? แกมันก็เป็นแค่แมงดา ยังมีเงินมากมายอีกเหรอ? แกมีเงินก็มาจากเกาะผู้หญิงกินไม่ใช่เหรอ แกยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ?”
“พี่ชายท่านนี้ คุณทักผิดคนแล้ว ฉันไม่ใช่รพีพงษ์อะไรนั้น ฉันไม่ได้หลอกพวกคุณจริงๆนะ”จักรพันธ์อธิบายอย่างรวดเร็ว
ชายคนนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าจักรพันธ์ ยกมือขึ้น แล้วตบลงไปที่หน้าของจักรพันธ์อย่างรุนแรงหนึ่งที
“แกแมร่งคิดว่าฉันธายุกรโง่จริงๆหรือไง? มาถึงขนาดนี้แล้ว แกยังจะมาแสร้งทำเป็นว่าตัวเองไม่ใช่รพีพงษ์ต่อหน้าฉันอีกเหรอ? ทั้งเมืองริเวอร์ นอกจากไอ้แมงดาที่มีหน้าที่น่ารังเกียจ อย่างแก ยังมีใครอีกที่มีลักษณะแบบนี้เหมือนกับแก?”
คนคนนี้ก็คือธายุกรคนที่ถูกขับไล่ออกจากบริษัทของตระกูลฉัตรมงคล วันนั้นบัญชีธนาคารของเขาถูกอายัด แล้วถูกคนกลุ่มหนึ่งจับตัวส่งไปที่สถานีตำรวจ คนเหล่านั้นบอกว่าเขายักยอกทรัพย์สินของผู้อื่นไป ก็เลยโอนย้ายเงินในบัญชีของเขาไป ตอนแรกตำรวจกำลังจะตัดสินจำคุกเขา แต่ก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น และสุดท้ายเขาก็ถูกคุมขังเพียงไม่กี่วัน หลังจากการกระทืบอย่างรุนแรงเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็ได้รับการปล่อยตัว
หลังจากนั้นธายุกรก็ยากจนและสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่ต่างอะไรจากขอทานข้างถนน
เขารู้สึกว่าที่ตัวเองกลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดเกิดจากอารียาและรพีพงษ์ทั้งสองคนนี้เป็นคนทำ ในใจก็คับแค้นพวกเขาสองคนมากจนถึงจุดสูงสุด เขาสาบานในใจว่า ต่อให้จะอยู่ในคุก ก็จะทำให้รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนเสียใจที่ทำแบบกับเขา
เพื่อที่จะมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อกรกับรพีพงษ์และอารียา ธายุกรก็อาศัยความสัมพันธ์ของตัวเองก่อนหน้านี้ และรวบรวมพี่น้องสองสามคน เพื่อจัดตั้งแก๊งเล็กๆ ติดตามอารียาไปกลับจากที่ทำงานทุกวัน คิดจะหาโอกาส จับตัวอารียาไปที่ที่ไม่มีใครอยู่ เพื่อให้หล่อนเสียใจไปตลอดชีวิต
แต่ว่าอารียาไปกลับจากที่ทำงานก็ยังมีไตรทศค่อยดูแลอยู่ข้างๆ ธายุกรรู้ดีว่าไตรทศไม่ใช่ว่าจะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ ดังนั้นก็เลยหาโอกาสที่จะลงมือไม่ได้สักที
คืนนี้ เขาและคนของเขาอยู่ในที่ดงเย็น เห็น“รพีพงษ์”เดินออกมาเพียงลำพัง โดยไม่มีใครติดตามอยู่รอบๆ ธายุกรก็รีบแอบพาคนตามไป
พวกเขาตามจักรพันธ์ที่พาบุษบากรเข้าไปในโรงแรม ธายุกรถึงค่อยแน่ใจ ว่าคืนนี้รพีพงษ์ออกมาคนเดียว เขาติดพันผู้หญิงอื่นข้างนอก ก็คงจะไม่ให้คนอื่นรู้อย่างแน่นอน ดังนั้นธายุกรจึงให้คนของเขาไปที่โรงแรมจับตัวจักรพันธ์ออกมา
เดิมทีเขาคิดว่าการจับตัวรพีพงษ์มานั้นต้องเสียเรี่ยวแรงมาก เนื่องจากเขารู้ดีว่ารพีพงษ์ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามเขาคิดไม่ถึงว่าคนของตัวเองจะจับตัว“รพีพงษ์”ออกมาได้อย่างง่ายดาย แบบนี้ทำให้เขายังคงแปลกใจเล็กน้อย
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง สงสัยเป็นเพราะว่า“รพีพงษ์”แอบนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น ดังนั้นก็เลยไม่กล้าร้อนตัว ก็เลยไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น
“น้อง….น้องชาย ฉันไม่ใช่รพีพงษ์จริงๆ ฉันแค่มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับเขาเอง มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”จักรพันธ์เกือบจะร้องไห้ออก เดิมทีเขานึกว่ารพีพงษ์อยู่ที่เมืองริเวอร์จะอยู่ดีกินดี มีผู้หญิงสวยๆมากมายเข้าหา ตอนนี้เขาก็เพิ่งรู้ รพีพงษ์มีศัตรูไม่น้อยเลย
ตัวเองยังไม่ได้แตะต้องตัวผู้หญิงคนไหนเลย ตอนนี้กลับต้องมารับเคราะห์ทุกข์ทรมานแทนรพีพงษ์อีก
“เอาล่ะ แกอย่ามาแสร้งอะไรที่นี่เลย ใบหน้านี้ของแก ต่อให้มันกลายเป็นขี้เถ้า ฉันก็จำไม่ผิดหรอก แกและมุกตาภาผู้หญิงสารเลวคนนั้นทำร้ายฉันได้รุนแรงขนาดนี้ วันนี้ฉันก็จะทำให้แกได้รับรู้ผลของการมีปัญหากับฉันธายุกร!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เตะไปที่หน้าอกของจักรพันธ์ และระบายความโกรธทั้งหมดที่สะสมอยู่ในใจกับจักรพันธ์
“พวกแกก็อย่ามัวยืนอยู่เฉยๆ มากระทืบไอ้โง่นี้พร้อมกับฉัน กระทืบให้ตายเลย ไม่ต้องออมมือ มันก็เป็นแค่ไอ้เศษสวะเอง แม้ว่าจะกระทืบให้ตาย ก็ไม่มีคนมาหาเรื่องพวกเรา!”
พวกลูกน้องของธายุกรก็พุ่งตัวเขามา กระทืบคนละไม้คนละมือจัดการกับเขา
เสียงร้องโอดโอยของจักรพันธ์ยังคงดังก้องอยู่ในซอย จนกระทั่งถึงหลังเที่ยงคืน ถึงค่อยหยุดลงมาอย่างช้าๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น ใบหน้าที่บวมช้ำของจักรพันธ์ที่นอนอยู่บนพื้น จู่ๆก็รู้สึกถึงน้ำอุ่นๆราดลงบนใบหน้าของตัวเอง เขาลืมตาขึ้นด้วยความมึนๆงงๆ และพบว่ามีสุนัขกำลังฉี่ใส่บนใบหน้าของเขา
เขาก็รีบลุกขึ้นมาทันที และเตะสุนัขออกไปไกลๆ แต่เมื่อวานที่ถูกธายุกรกระทืบทั้งคืน ร่างกายของเขาก็ไม่เชื่อฟังอีกต่อไป และตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นก็ไม่มี
“รพีพงษ์ เย็*แม่ง! มึงแม่งทำชั่ว! มึงมีเรื่องกับคนอื่น แต่ทำไมให้กูมารับเคราะห์โดนกระทืบแทนด้วย! ตอนนี้แม้แต่สุนัขยังรังแกกูอีก ฝากไว้ก่อนเถอะ ต่อให้แกตายไปแล้ว กูก็จะขุดศพมึงขึ้นมาแล้วหั่นเป็นร้อยครั้งๆ!”จักรพันธ์ตะโกนด้วยความโมโห
สุนัขตัวนั้นตกใจมากจนเดินถอยหลังไปสองก้าว และเห่าใส่จักรพันธ์สองครั้งราวกับท้าทายเขา
จักรพันธ์กัดฟันลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจากเสื้อผ้าของตัวเอง พบว่าแม้หน้าจอจะแตก แต่ก็ยังสามารถใช้งานได้
เขาโทรไปหาวีธรา ตอนนี้เขาสึกว่าตัวเองไม่สามารถอยู่สร้างชื่อเสียงที่เมืองริเวอร์ได้เพียงคนเดียว ที่สำคัญเพื่อที่จะแก้แค้น เพื่อที่จะผู้คนที่เมืองริเวอร์สถานที่เล็กๆแห่งนี้รู้ว่าเขาสุดยอดขนาด เขาก็คงจะต้องหาวีธราเพื่อช่วยเป็นกำลังเสริม
“แม่ ตอนนี้รีบจัดการส่งบอดี้การ์ดไม่กี่คนมาให้ผมทันที ผมอยากจะให้พวกเขามาถึงที่นี่วันนี้ ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้ไปแม่ก็อย่าคิดว่าจะได้เจอผมอีกต่อไป!”
……
เกียวโต ที่อาคารTY ชั้นบนสุด
ชายวัยกลางคนในชุดสูทยืนอยู่หน้าต่าง มองจากด้านบนลงไปที่เมืองเกียวโตที่เจริญรุ่งเรือง
“ท่านประธาน กรฤทธ์ยังอยู่ในอาการโคม่า อาการบาดเจ็บของเขารุนแรง มาสักพักหนึ่งแล้ว กลัวแค่ว่าจะฟื้นขึ้นมายาก คิดไม่ถึง ว่าเศษสวะที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ จะมีความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนี้ แม้แต่กรฤทธ์ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากฝีมือของเขา”ชายชราที่อยู่ข้างๆเขากล่าว
“ระดับความสามารถของกรฤทธ์อยู่แค่ในระดับปานกลางเท่านั้นเอง ทำร้ายเขาได้ก็ไม่ถือว่าอะไร เพียงแค่ไอ้เด็กนี้มันบ้าระห่ำเกินไป ฆ่าลูกสาวสุดที่รักของฉัน แล้วยังหนีออกจากคุกของฉันไปอีก นี่มันมีความกล้าหาญมากที่จะเป็นศัตรูกับหอการค้าสมน. ฉันจะต้องจับตัวมันกลับมาให้ได้ เพื่อแก้แค้นให้กับลูกสาวของฉัน!”แววตาของประธานเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น และมือสองข้างของเขาก็กำแน่จนเป็นหมัด ดูเหมือนการตายของลูกสาวเขา จะส่งผลกระทบต่อเขาเป็นอย่างมาก
“ผมส่งคนไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรทั้งหมดของที่อาคารTYแล้ว ในวันนั้นยังไม่ระบุได้แน่นอนว่าไอ้หมอนั้นไปที่ไหน ตอนนี้ก็ทำได้แค่รอข่าวชั่วคราว”ชายชราพูด และในเวลานี้โทรศัพท์ของเขาก็สั่น หยิบออกมาดู มันเป็นภาพถ่ายหนึ่งใบรูปที่เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของเขาส่งมาให้เขา
ภาพถ่ายใบนั้นเป็นภาพตอนที่จักรพันธ์เข้ามาในโรงแรมโดยมีบุษบากรอยู่ในอ้อมแขน ด้านข้างยังมีตัวหนังสืออยู่สองคำ:เมืองริเวอร์
ชายชราเอาภาพถ่ายนั้นให้ประธานดูทันที และกล่าวว่า: “ท่านประธาน พบเบาะแสของรพีพงษ์แล้วครับ เมื่อวานคนของผมถ่ายได้ตอนที่เขาอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งของเมืองริเวอร์”
ประธานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ แววตาของเขาเป็นประกายอย่างโหดเหี้ยม ฝ่ามือก็ใช้แรงบีบ จนทำให้โทรศัพท์เสียรูปทรงเลย
“ลูกสาวของฉันตายอย่างอนาถในน้ำมือของเขา แต่เขายังมีกะจิตกะใจไปเที่ยวเล่นกับผู้หญิง ดีมาก ดีมาก!”ประธานกัดฟันแน่
“รีบเตรียมตั๋วบินไปที่เมืองริเวอร์ทันที ให้คนของนายจับตัวเขาไว้ให้ได้ ฉันจะให้มันชดใช้ด้วยการเลือดต้องล้างด้วยเลือด!”