พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่511 เงื่อนไขของจารุณี
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่511 เงื่อนไขของจารุณี
บทที่511 เงื่อนไขของจารุณี
ในห้องพักผู้ป่วย หมอหลายคนรวมตัวกันอยู่รอบเตียงผู้ป่วยของจารุณี โดยใช้เครื่องมือการแพทย์ต่างๆเพื่อตรวจสอบว่าการทำงานของร่างกายของจารุณีเป็นปกติหรือไม่
ธีรศานติ์ยืนอยู่ข้างรพีพงษ์ น้ำตาหลั่งไหลด้วยความตื้นตันใจ เห็นได้ชัดว่าการฟื้นขึ้นมาของจารุณีทำให้เขาตื้นตันใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ทักษะทางการแพทย์ของหมอเทวดาชุมีประสิทธิภาพมาก เขาบอกว่าลูกสาวของผมหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปก็จะฟื้นขึ้นมา นีก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์จริงๆด้วย แม้ว่ามันจะสายไปไม่กี่ชั่วโมง แต่นั่นมันก็ไม่สำคัญ เดี๋ยวกลับไปผมจะต้องเตรียมของขวัญชิ้นใหญ่ให้หมอเทวดาชุ ขอบคุณสำหรับความเมตตาที่มีต่อลูกสาวของฉัน”ธีรศานติ์จ้องมองไปที่รพีพงษ์แล้วพูด
ในเวลานี้รพีพงษ์ขมวดคิ้ว จ้องมองไปที่จารุณีที่กำลังตรวจร่างกายอยู่เตียงผู้ป่วย ด้วยความคิดที่ซับซ้อน
ในขณะนั้นจารุณีฟื้นขึ้นมาทันใด อารมณ์ของเขาตื่นเต้นมาก ดังนั้นจึงตกลงกับจารุณี ไม่ว่าเธอจะมีเงื่อนไขอะไร ก็จะตกลงด้วยทั้งหมด
เมื่อคิดถึงอาการของจารุณีในเวลานั้น อันที่จริงเขาไม่ได้คิดมากเกินไป แต่หลังจากที่ตอบสนองกลับมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจ เพราะจารุณีมีความเป็นไปได้ที่จะให้เขาคบกับตัวเอง
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อยในขณะนั้น เขากลัวว่าจารุณีจะเสนอเงื่อนไขแบบนี้ และเนื่องจากว่าเขาได้รับปากจารุณีจะยอมรับเงื่อนไขทุกอย่าง ดังนั้นไม่สามารถปฏิเสธได้ ถ้าหากว่าปฏิเสธจริงๆ กระทบต่ออาการป่วยของจารุณี มันก็สายเกินไปที่เขาจะเสียใจ
โชคดีที่หลังจากที่จารุณีสงบลง ก็ไม่ได้ถามถึงเงื่อนไขอะไรที่เป็นไปได้มากที่สุดกับเขา ซึ่งสิ่งนี่ทำให้รพีพงษ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เพียงแค่เงื่อนไขที่จารุณีเสนอขึ้นมานี้ ยังคงทำให้รพีพงษ์รู้สึกปวดหัว มันดีกว่าเงื่อนไขที่รพีพงษ์คิดไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
ผ่านไปไม่นาน หมอก็ได้ทำการตรวจจารุณีเสร็จ หนึ่งในนั้นก็เดินเข้ามา ยิ้มและพูดกับธีรศานติ์ว่า: “คุณธีรศานติ์ อาการของลูกสาวคุณอยู่ในสภาวะที่ดี มีเพียงแค่ขาดสารอาหารเล็กน้อย จากนี้ไปต้องเสริมอาหารที่บำรุงร่างกาย น่าจะไม่เป็นปัญหาที่ใหญ่เกินไป ที่ลูกสาวของคุณฟื้นขึ้นมา มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆนะครับ”
ธีรศานติ์พยักหน้าให้หมอ และกล่าวว่า: “ต้องขอบคุณหมอเทวดาท่านหนึ่ง เอาล่ะ ในเมื่อลูกสาวของผมไม่เป็นอะไรแล้ว พวกคุณก็ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรผมค่อยเรียกพวกคุณ พวกคุณก็ทำงานอย่างหนักเพื่อลูกสาวของผมมานานมากแล้ว รออีกไม่กี่วันผมจะจ่ายค่าตอบแทนเป็นจำนวนมากให้กับพวกคุณ และพร้อมกับส่งพวกคุณออกไปท่องเที่ยวเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่ง”
เมื่อหมอหลายคนได้ยินคำพูดของธีรศานติ์ ก็ยิ้มขึ้นมาทันที และหลังจากแสดงความขอบคุณต่อธีรศานติ์แล้ว จึงออกจากห้องพักผู้ป่วย
รพีพงษ์และธีรศานติ์ทั้งสองคนเดินไปที่หน้าเตียงผู้ป่วย จ้องมองไปจารุณีที่นอนอยู่ด้านบน สีหน้า ธีรศานติ์เต็มไปด้วยความดีใจ แล้วพูดว่า: “นี อยากทานอะไรมั้ย พ่อจะไปซื้อให้ลูก ไม่ว่าลูกอยากทานอะไร พ่อก็จะซื้อมาให้ลูก”
“ถ้าอย่างนั้นหนูอยากกินเนื้อมังกร พ่อไปซื้อมาซิ”จารุณีกล่าว
ธีรศานติ์ยิ้มขึ้นมาอย่างอึดอัด แล้วพูดว่า: “นี หยุดโวยวายได้แล้ว พูดจริงๆสิ ลูกเพิ่งฟื้นขึ้นมา ต้องกินของบ้างเพื่อฟื้นฟูร่างกาย”
“แล้วแต่พ่อเถอะ หนูต้องการอยู่กับรพีพงษ์ตามลำพัง พ่อรีบออกไปซื้อตอนนี้เลย กลับมาพรุ่งนี้เช้าเลยดีกว่า”จารุณีกล่าว
ธีรศานติ์หันหน้าไปมองรพีพงษ์ จากนั้นก็พยักหน้าอย่างที่คิดไว้ และพูดด้วยรอยยิ้ม: “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเธอคุยกันไปก่อน พ่อจะไปหาคนทำอาหารอร่อยๆให้ลูก”
พูดเสร็จ เขาจึงหันกลับและออกไปจากห้องพักผู้ป่วย ไปหาของอร่อยให้กับจารุณี
แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลาตีสอง แต่ระดับฐานะอย่างธีรศานติ์แล้ว จะหาพ่อครัวสักคนมาทำอาหารอร่อยๆ ก็เป็นเรื่องง่ายดายมาก
หลังจากที่ธีรศานติ์ออกไป จารุณีมองไปที่รพีพงษ์ และพูดว่า: “เอากระจกมาให้ฉันหน่อย”
“เอากระจกทำไม?”รพีพงษ์ถาม
“ฉันต้องการจะดูสภาพฉันตอนนี้เป็นยังไง”จารุณีพูด
“ตอนนี้เธอสวยเหมือนกับที่ผ่านมา รอร่างกายของเธอฟื้นตัว ตัวเธอเองก็สามารถลงจากเตียงได้ ก็สามารถไปส่องกระจกได้ตามปกติ”รพีพงษ์ตอบ
“ไม่ได้ ฉันจะดูตอนนี้ ถ้านายไม่เอากระจกมาให้ฉัน ตอนนี้ฉันก็จะสลบต่อไป”แม้จารุณีจะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเอาแต่ใจของตัวเองได้
รพีพงษ์จนปัญญา เพราะไม่มีกระจกอยู่ในมือ จึงหยิบโทรศัพท์ออกมา เปิดกล้องหน้า แล้วส่งให้จารุณี
จารุณีจ้องมองตัวเองที่ในโทรศัพท์ ส่งเสียงร้องว้าวแล้วก็ร้องไห้ออกมา และทำให้รพีพงษ์ตกใจ
“เธอเป็นอะไร?”รพีพงษ์ถามด้วยความกังวล
ในขณะที่จารุณีพูดพร้อมน้ำตากับรพีพงษ์ว่า: “สภาพของฉันตอนนี้น่าเกลียดมาก นายคงจะยิ่งไม่ชอบฉันไปใหญ่ นายรีบออกไปตอนนี้เลย ฉันไม่อยากให้นายเห็นว่าฉันที่น่าเกลียดขนาดนี้”
รพีพงษ์มองไปที่จารุณีอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หยิบโทรศัพท์ออกมาจากมือของเธอ และพูดว่า: “เพียงเพราะเธอไม่ได้ลงจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันมาหลายปี จึงมอมแมมนิดหน่อยเท่านั้นเอง รอร่างกายเธอฟื้นฟูกลับคืนมา แต่งตัวดีๆ เธอก็จะกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อยเหมือนตอนนั้นอีกครั้ง”
“นายกล้าบอกว่าฉันมอมแมม ผู้ชายอย่างพวกนายมันไม่มีใครดีเลยสักคน!”จารุณีร้องไห้ยิ่งกว่าหนักเข้าไปใหญ่
รพีพงษ์เพียงแค่รู้สึกปวดหัว จิตใจของเด็กผู้หญิงนั้นเข้าใจยากจริงๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเธอไม่สามารถคาดเดาสิ่งที่สำคัญของตัวเองได้
ผ่านไปไม่นาน จารุณีถึงค่อยหยุดลงมา มองไปที่รพีพงษ์อย่างน้อยใจ แล้วถามว่า: “นายเห็นสภาพที่น่าเกลียดที่สุดของฉันแล้ว รังเกียจฉันใช่มั้ย?”
“ไม่นะ” รพีพงษ์ตอบ
“ถ้าอย่างนั้นนายบอกฉันมา เงื่อนไขที่ฉันพูดกับนาย นายจะตอบตกลงมั้ย”จารุณีกล่าวต่อ
รพีพงษ์ถอนหายใจอย่างเอือมระอา และถามว่า: “เธอไม่ได้ล้อเล่นจริงๆใช่มั้ย?”
“ไม่แน่นอน ถึงยังไงฉันก็รู้ว่าคาดหวังนายไม่ได้ ดังนั้นก็ทำได้เพียงคาดหวังลูกชายของนายแล้วล่ะ”จารุณีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
เงื่อนไขที่จารุณีพูดกับรพีพงษ์ คือหลังจากที่ลูกชายรพีพงษ์เติบโต ถ้าเธอตามจีบ รพีพงษ์ไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง ถ้าหากว่าเธอตามจีบได้แล้ว รพีพงษ์ก็ทำได้เพียงแค่เฝ้าดู ไม่สามารถก้าวก่ายได้
รพีพงษ์คิดว่าถ้าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆ จารุณีตามจีบลูกชายของตัวเองได้ คงจะปวดกระบาลแย่เลย
“เธอเปลี่ยนเงื่อนไขเป็นอย่างอื่นดีกว่า ลูกชายของฉันเติบโตขึ้นมาแล้ว เธอคงจะอายุสามสิบกว่าแล้ว เธอยังจะรอให้ลูกชายของฉันเติบโตขึ้นมาจริงๆเหรอ?”รพีพงษ์พูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ตอนนี้นายก็ตกลงแต่งงานกับฉันสิ แม้ว่าจะเป็นเมียน้อยก็ไม่เป็นไร เพียงแค่นายตกลง ฉันก็ไม่ให้ความสนใจกับลูกชายของนาย ที่สำคัญยังสามารถมีลูกชายให้นายได้”จารุณีเบิกตากว้างแล้วพูด
รพีพงษ์กัดฟันแน่น แล้วพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นฉันก็รับปากเงื่อนไขก่อนหน้านี้ของเธอ”
ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ยังไม่มีลูกชาย ถ้าเกิดถึงตอนนั้นตัวเองให้กำเนิดเป็นลูกสาวล่ะ แบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่ได้ทำตามสัญญา
และแม้ว่าตัวเองจะให้กำเนิดลูกชายจริงๆ ก่อนที่ลูกชายของเขาจะเติบโต ก็ยังมีเวลาอีกหลายปี ในเวลาอันยาวนานเช่นนี้ จารุณีคงจะเปลี่ยนความคิดของตัวเองย่างแน่นอน
ตอนนี้ รพีพงษ์ทำได้เพียงปลอบใจตัวเองด้วยวิธีนี้