พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่546 วัยรุ่นคนนี้ ไม่ธรรมดาแหะ
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่546 วัยรุ่นคนนี้ ไม่ธรรมดาแหะ
บทที่546 วัยรุ่นคนนี้ ไม่ธรรมดาแหะ
“คุณหนู คนนั่นที่ระรานคุณในวันนั้น ชั่งน่าเกลียดจริงๆ ฉันชั่งน่าสงสารจริงๆ”
เมื่อขนมปังเข้าในห้องอารีนา ก็ร้องไห้ต่อ เพียงแต่หน้าของเธอบวมเหมือนขนมปัง จึงดูไม่ออกว่าน้อยเนื้อต่ำใจ
ความจริงอารียากำลังเหม่อลอย ในหัวคิดถึงแต่คนนั้นที่เจอที่มหาลัย แม้ชลาธิปได้พูดกับเธอแล้ว ว่าคนนั้นเป็นสิบแปดมงกุฏ แต่เธอก็หยุดคิดไม่ได้ว่าคนนั้นไม่ธรรมดา
หลังจากที่ได้ยินเสียงของขนมปังแล้ว อารียาก็มีสติกลับมา หันไปดู หลังจากที่เห็นขนมปังแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไป
“ขนมปัง เธอเป็นอะไร ใครทำเธอขนาดนี้?”
ขนมปังเดินไปด้านหน้าของอารียา ด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ แล้วกล่าว “ก็เป็นคนนั้นที่สวมรอยระรานคุณหนูที่มหาลัยวันนั้น”
อารียาขมวดคิ้ว แล้วถาม “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ขนมปังปรับอารมณ์ แล้วกล่าว “วันนั้นที่คนนั้นวิ่งไปอยู่ด้านหน้าของคุณหนูแล้วพูดจาเลอะเทอะ ต่อมาคุณนายใหญ่ให้คนสืบ พบว่าคนนั้นคือสิบแปดมงกุฏ แต่ขนมปังคิดว่าคนนั้นน่าจะมีอะไรเก็บไว้ ดังนั้นจึงอยากถามว่าทำไมถึงบอกว่าคุณหนูคือภรรยาของเขา”
วันนี้ฉันไปหาเขา คิดในใจว่าถ้าเป็นเพราะเขาไม่มีทางไป ถึงได้พูดกับคุณหนูอย่างนั้น ก็จะควักเงินในกระเป๋า ช่วยเขาสักหน่อย อย่างน้อยก็ให้เขามีเงินกินข้าว จากนั้นช่วยเขาหางานทำ แบบนี้เขาก็ไม่มีทางใช้อุบายหลอกคนสร้างปัญหาให้คนอื่นอีกต่อไป”
“แต่ไอ้น่ารังเกียจนี่มันรู้ว่าฉันดูมันออก บอกว่าฉันดูถูกมัน จึงได้เข้ามาตบฉัน ฉันต้านทานไม่ไหว เขาตบหน้าฉันไปสิบกว่าฉาดโดยไม่ใยดี สุดท้ายยังบีบบังคับให้ฉันยอมรับว่าคุณหนูคือภรรยาของเขา มิเช่นนั้นจะไม่ปล่อยฉัน”
“คุณหนู คนนั้นเป็นมารที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาในชีวิตเลยนะ เขาน่ากลัวมากจริงๆ ไม่ให้โอกาสฉันได้พูด แล้วก็ตบฉันจนเป็นแบบนี้”
“ฉันอยากจะช่วยเขา ใครจะรู้ว่าจะพบจุดจบแบบนี้ นี่ทันบ้าชัดๆ”
พูดจบ ขนมปังก็แสดงละครร้องไห้ออกมา
คำพูดของเธอเมื่อกี๊เป็นการแต่งขึ้นมาทั้งนั้น มีเพียงการพูดแบบนี้ ถึงจะสามารถทำให้อารียาเห็นใจได้
และเธอก็ไม่กลัวว่าอารียาจะรู้ความจริง ชลาธิปลงมือจัดการรพีพงษ์เอง ยังไงชาตินี้อารียาก็ไม่มีทางรู้ความจริงของเรื่องนี้แน่นอน
อารียาฟังขนมปังพูดจบ ก็โมโหทันใด เธอไม่คาดคิดว่าคนที่เจอที่มหาลัยวันนั้นจะน่าเกลียดได้ขนาดนี้ ตีขนมปังได้ขนาดนี้
ดูๆแล้วคนนั้นน่าจะเป็นสิบแปดมงกุฏจริงๆ ความรู้สึกในใจเหล่านั้นของเธอ น่าจะเป็นความรู้สึกที่ผิดพลาด
เธอยืนขึ้นมา จูงขนมปังนั่งข้างเตียง ดูรอยมือบนใบหน้าของขนมปังอย่างละเอียด พบว่าตบจริงอะไรจริง และยังใช้แรงไม่น้อยอีกด้วย นี่ทำให้เธอเชื่อคนพูดเหล่านั้นของขนมปัง และยังรู้สึกเห็นอกเห็นใจอีกด้วย
“ขนมปัง ทำให้เธอลำบากใจแล้ว ไม่คาดคิดจริงๆว่าคนนั้นจะร้ายกาจได้ขนาดนี้ ลงมือหนักขนาดนี้กับผู้หญิงได้ ความจริงฉันคิดว่าคนนั้นรู้จักกับฉันจริง ถึงได้หาฉันเจอ เขามาเพื่อหลอกเท่านั้น” อารียากล่าว
“คุณหนู ไม่ต้องซีเรียสที่ขนมปังโดนตบนะคะ เพียงแค่คนที่มีเจตนาร้ายนั้นทำร้ายคุณหนูไม่ได้ก็โอเคแล้ว” ขนมปังกล่าวด้วยสีหน้าเมตตา
“ไม่ได้หรอก แกโดนตบขนาดนี้ ฉันก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ เดี่ยวฉันจะให้พ่อชดเชยให้แก ลำบากแกเลย” อารียากล่าว
ขนมปังแสดงสีหน้าที่ทำทุกอย่างเพื่อคุณหนู แต่ใจในนั้นหัวเราะ คิดในใจว่าครั้งนี้คุณหนูจะต้องเกลียดไอ้อัปรีย์นั่นแน่นอน แบบนี้แม้คนนั้นจะมาหาคุณหนู ต่อไปคุณหนูก็ไม่มีทางเจอเขาแล้ว
อารียาไม่รู้ความรู้สึกที่แอบแฝงไว้ ในตระกูลพงศ์ธนธดาเธอได้รับการปกป้องตลอดเวลา จะรู้ได้อย่างไร ว่าสาวใช้ของกายเธอ จะเป็นคนร้ายกาจได้ขนาดนี้
ช่วงบ่าย
ในห้องสมุดของชลาธิป
เงาๆหนึ่งยืนอยู่หน้าของชลาธิป ในมือถือแฟ้มเอกสารไว้ บนเอกสารเขียนว่า “ผลการสืบประวัติรพีพงษ์” กี่คำนี้
คนนั้นนำรายงานในมือนั้นวางไว้บนโต๊ะของชลาธิป แล้วกล่าว “คุณนายใหญ่ เบื้องหลังของคนนั้นที่ชื่อรพีพงษ์ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว คนนี้เป็นสามีในอดีตของคุณหนูจริงๆ ในตอนคุณหนูอยู่ที่เมืองริเวอร์ ได้แต่งกับคนชื่อรพีพงษ์”
เมื่อชลาธิปได้ยินคำพูดของคนนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ความจริงเพราะขนมปังถูกตบ เขาจึงอยากรู้ว่ารพีพงษ์เป็นใครกันแน่ ดังนั้นจึงจัดคนไปสืบตัวตนของรพีพงษ์
ไม่คาดคิดว่าคนนี้จะเป็นสามีของลูกสาวก่อนที่จะสูญเสียความจำ นี่ทำให้ชลาธิปคิดมากอย่างอดไม่ได้
ความจริงเขาคิดว่าหลังจากที่ตนเองพาอารียามาเมืองเซี่ยงไฮ้แล้ว ตามความสามารถของคนในเมืองเล็กๆอย่างเมืองริเวอร์ ไม่มีทางรู้ได้ถึงตัวตนของอารียาที่เมืองเซี่ยงไฮ้ในขณะนี้
ไม่คาดคิดว่าผ่านมาไม่นานเท่านั้น คนที่นั่นก็หาเจอแล้ว นี่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของชลาธิป
เขาได้สร้างตัวตนใหม่ให้กับอารียา อารียาในตอนนี้ก็คือลูกสาวของชลาธิป ดารินทร์ และอารียาในอดีตก็เท่ากับว่าเสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีคนรู้เรื่องระหว่างสองคน
ถึงแม้จะเป็นตระกูลธาดาวรวงศ์ ก็ไม่รู้ว่าลูกสาวคนนี้ของเขาเคยแต่งงานมาก่อน ชลาธิปปกปิดได้แนบเนียนมาก
แต่ตอนนี้รพีพงษ์มาหาถึงที่ เขาต้องคิดใหม่ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
ตัวตนในอดีตของอารียา ห้ามถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่งั้นจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลธนธดาและตระกูลธาดาวรวงศ์ อีกทั้งเรื่องแต่งงานจะสำเร็จหรือไม่
ดังนั้นรพีพงษ์ตัวอันตรายนี้ เขาจำเป็นต้องกำจัดออก
ชลาธิปหยิบรายงานบนโต๊ะขึ้นมา ดูอย่างละเอียด เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์คือสวะของเมืองริเวอร์ ก็หน้าถอดสีทันที
“ลูกสาวฉันแต่งงานกับไอ้สวะ หลายปีมานี้ เธอชั่งลำบากจริงๆ”
เมื่อคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าของชลาธิปได้ยินคำพูดของชลาธิปแล้วนั้น แล้วกล่าว “ตัวตนไอ้สวะของรพีพงษ์นี้ ความจริงคือเป็นการปลอมขึ้นมา ตัวตนที่แท้จริงของเขา คือคุณชายของตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเมืองเกียวโต ปัจจุบัน รพีพงษ์คือนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์ไปแล้ว มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางหาเจอได้เร็วขนาดนี้”
ชลาธิปกระตุกคิ้ว ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะมีตัวตนแบบนี้ด้วย แล้วรีบเปิดไปดูด้านหลังของรายงานพบว่ารพีพงษ์เป็นนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์จริงๆ
“รพีพงษ์นี่ล้มลุกคลุกคลานมาไม่น้อยเลยนะ โดนมาตัวเองไล่ออกจากตระกูล ต่อมาก็พึ่งความตั้งใจของตัวเอง แย่งตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูลลัดดาวัลย์กลับมาได้ ถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ เสียดาย ตระกูลลัดดาวัลย์ เทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของตระกูลธาดาวรวงศ์ ตัวอันตรายนี้ ยังไงก็ต้องกำจัด มิเช่นนั้นถ้าตระกูลธาดาวรวงศ์รู้เข้า ไม่รู้จะอธิบายยังไง” ชลาธิปกล่าว
ด้วยความสามารถของตระกูลธนธดา สามารถสืบค้นประวัติของรพีพงษ์มาได้ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ทว่าไม่ว่าตระกูลธนธดาจะเยี่ยมขนาดไหน ก็ไม่สามารถสืบเจอตัวตนของรพีพงษ์ที่เป็นลูกชายของเทือกเขากิสนาได้
“คุณนายใหญ่ หลังจากที่รพีพงษ์มาเมืองเซี่ยงไฮ้แล้วนั้น ได้พบปะกับวิไลพรของบริษัทลานคอนกรุ๊ป และโสธร ถ้าพวกเราอยากจะให้เขาหายไป แม้จะทำได้ แต่ไม่มีทางให้หายไปอย่างไร้ร่องรอยได้ ดังนั้นถ้าคุณนายใหญ่ต้องการกำจัดคนนี้ ต้องคิดให้ถี่ถ้วนนะครับ” คนที่ยืนอยู่หน้าชลาธิปเตือนขึ้นมา
ชลาธิปพยักหน้า แล้วกล่าว “ความหมายฉันคือกำจัดตัวอันตรายนี้ ไม่ใช่กำจัดคนนี้”
“ในเมื่อตอนนี้รู้ถือตัวตนที่แท้จริงของรพีพงษ์แล้ว อยากคิดว่าวิธีต่อกลอน ก็ไม่ยากแล้ว กำจัดคนนี้ ไม่เพียงแค่คนของเมืองเซี่ยงไฮ้จะสืบหาเท่านั้น เมืองเกียวโตก็คงทำตามเช่นกัน ถึงเวลานั้นเรื่องใหญ่แล้วจะจัดการอะไรยาก”
“แต่ไม่ว่าจะยังไงตระกูลลัดดาวัลย์ ก็เป็นแค่ตระกูลที่มีความสามารถเหมือนกันพวกเรา ถ้าให้ผลประโยชน์เพียงพอ เชื่อรพีพงษ์ก็ไม่น่าจะปฏิเสธ
เมื่อคนนั้นได้ยิน ก็พยักหน้า แล้วกล่าว “คุณนายใหญ่พูดมีเหตุผล ตระกูลลัดดาวัลย์อยู่ที่เมืองเกียวโตหรือยิ่งใหญ่ค้างฟ้า แต่ถ้าเทียบกับความสามารถของตระกูลพงศ์ธนธดาแล้ว ห่างกันอีกมาก คุณนายใหญ่แค่พยักหน้า เขาก็น่าจะรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”
ชลาธิปพยักหน้า ด้วยความภูมิใจ ค่อนข้างมั่นใจ กับความสามารถของตระกูลธนธดา
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็นัดให้ฉันหน่อย ฉันอยากเจอรพีพงษ์ ถึงเวลานั้นพูดจริงทำจริง ถ้าเขาไม่เชื่อ ก็ให้เขารู้ถึงแบล็คกราวน์ของเรา หากเขายังไม่เชื่ออีก งั้นตระกูลลัดดาวัลย์ ก็ต้องเป็นที่ระบายอารมณ์ของตระกูลธนธดาแล้ว” ชลาธิปกล่าว
คนนั้นพยักหน้า หมุนตัวออกจากห้องสมุด ไปจัดการเรื่องที่จะให้รพีพงษ์มาเจอกับชลาธิป
ชลาธิปก้มดูรายงาน จากนั้นก็ยิ้มดูแคลน แล้วพึมพำ “ลูกสาวของชลาธิป ทำไมถึงได้แต่งกับคนที่มีเคยมีฉายาเป็นไอ้สวะได้นะ หวังว่าเด็กนี่จะรู้ว่า ฉันไม่ซีเรียสอดีตของดารินทร์ เขาก็อย่าหวังจะข้องเกี่ยวกับเรื่องในอนาคตของดารินทร์อีกเลย มิเช่นนั้น ฉันก็จะไม่เกรงใจแล้ว”
……
บนรถแท็กซี่ รพีพงษ์นั่งเบาะหลัง จ้องไปที่กระจก นึกกลับไปตอนที่ตนเองรับสายนั้น
นายใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดาอยากเจอเขา
นี่เหนือความคาดหมายของเขา เพราะเขามองว่า ตบสาวใช้ไป ไม่เพียงพอที่นายใหญ่ของตระกูลจะมาคุยกับเขาด้วยตัวเอง
ดังนั้นรพีพงษ์จึงคิดความเป็นไปได้อีกอย่างออกในทันใด เพราะเรื่องของขนมปังนายใหญ่ของตระกูลธนธดา ได้สืบค้นตัวตนของเขา และเดาออกถึงเหตุผลที่ตนมาเมืองเซี่ยงไฮ้
เขาอยากเจอตน สิ่งที่จะพูด น่าจะเกี่ยวข้องกับอารียา
รพีพงษ์ไม่ต่อต้านคนนั้นอาจจะเป็นเพราะเป็นพ่อแท้ๆของอารียา เขาก็แปลกใจกับตัวตนของอารียา เขาอยากฉวยโอกาสนี้ ถามดู ว่าทำไมตอนนั้นถึงได้ทิ้งอารียาไป
คนขับรถจ้องรพีพงษ์โดยมองผ่านกระจกหลัง แล้วถาม “ไอ้หนุ่ม จะไป Waldorf Astoria Hotels จริงๆหรอ ผมได้ยินมาว่าที่นั่นคือโรงแรมระดับห้าดาวเลยนะ คนที่ไปกินข้าวในนั้น เป็นเศรษฐีที่มีเงินเป็นร้อยล้านเลยนะ”
“ใช่ มีคนเลี้ยงข้าว ไม่ไปไม่ได้” รพีพงษ์ยิ้มพลางตอบ
“โหโหโห ดูสิ โม้ใหญ่เลยนะ ตอนคุณขึ้นเราผมได้สอดส่องดูแล้ว คุณสวมชุดธรรมดาแบบนี้ ไม่เหมือนคนมีเงินนะ ไอ้หนุ่ม ผมจะบอกให้ วัยรุ่นชอบแข่งกันโดยใช้เงิน ความจริงมันไม่จำเป็นเลยนะ ร้านเล็กๆในตรอกในซอยทั้งถูกทั้งไม่แพง ไปที่นั่นดีจะตาย ทำไมต้องไป Waldorf Astoria Hotels เดี๋ยวพอเช็คบิลไม่มีเงินจ่าย ต้องไปล้างจานให้เขา แล้วคุณจะรู้สึก” อาจะเป็นเพราะคนขับรถไม่มีคนคุยด้วยมานาน จึงได้สั่งสอนรพีพงษ์ไป
รพีพงษ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แล้วกล่าว “พี่ เอาจริงๆ ถ้าผมจะซื้อ Waldorf Astoria Hotels นี้ สบายมาก”
คนขับรถชักตา แล้วกล่าว “พวกวัยรุ่นพวกนี้ ขี้โม้เก่งจริงๆ ถ้าคุณสามารถซื้อโรงแรมนั้นได้จริงๆ ยังจะมานั่งรถของผมอยู่อีกหรอ ขี้โม้หน้าไม่อาย”
รพีพงษ์หัวเราะ ไม่พูดอะไรต่อ เขาไม่ได้ขี้โม้ แต่มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตก็เท่านั้น
ไม่นาน คนขับรถได้หยุดรถอยู่ที่ Waldorf Astoria Hotels รพีพงษ์ลงจากรถ มีพนักงานสองคนเดินเข้ามาทันที แล้วถาม “มิทราบว่า ใช่คุณรพีไหม”
รพีพงษ์พยักหน้า
“กรุณาตามผมมา คุณชลาทิปกำลังรอคุณอยู่ด้านใน”
จากนั้นรพีพงษ์ก็เดินตามสองคนนั้นเข้าไป
คนขับรถเห็นเหตุการณ์ ก็ตาโตขึ้นมา แล้วพึมพำ “พระเจ้า มีคนเลี้ยงข้าวมันที่นี่จริงๆด้วยแหะ เด็กคนนี้ ไม่ธรรมดา”