พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่548 ผมรพีพงษ์พูดจริงทำจริง
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่548 ผมรพีพงษ์พูดจริงทำจริง
บทที่548 ผมรพีพงษ์พูดจริงทำจริง
“คุณคิดว่าใช้วิธีนี้แล้วจะได้ผลหรอ? จะบอกให้นะ ผมผ่านอะไรมาเยอะ มีประสบการณ์มากกว่าคุณ คุณคิดว่าผมจะไม่ให้คนเช็กเงินในบัญชีหรอ?”
ชลาธิปค่อนข้างไม่เชื่อว่าในบัตรมีเงินอยู่แสนล้าน คิดว่ารพีพงษ์หลอกเขาเท่านั้น
รพีพงษ์ยิ้มอย่างเฉยๆ ยักไหล่ขึ้นแล้วกล่าว “เชิญตามสบาย”
ชลาธิปเห็นรพีพงษ์มั่นใจในตัวเอง ก็รู้สึกใจเต้นรัวๆ จากนั้นกล่าว “อวดอ้างไปงั้น เช็กแน่นอน เดี๋ยวเมื่อเช็กเสร็จ จะดูว่าแกยังมีหน้านั่งอยู่ตรงนี้อีกไหม!”
พูดจบ ชลาธิปหยิบมือถือขึ้นมา กดโทรออก ให้ตระกูลส่งนักบัญชีที่มีสิทธิ์ตรวจเช็คบัญชีมา
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ชลาธิปมองไปที่รายงานที่นักบัญชีแสดงให้เขาดู พูดไม่ออกอยู่นาน
รพีพงษ์มองชลาธิปอย่างกวน เดาออกตั้งนานแล้วว่านายใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดา จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“ไง ตอนนี้เชื่อผมได้หรือยัง?” รพีพงษ์ถาม
ชลาธิปกลืนน้ำลาย หันไปที่รพีพงษ์ ด้วยใบหน้าที่คาดไม่ถึง ไม่นาน ได้ถามขึ้นมาว่า “แก……นี่แกเอาทรัพย์สินของตระกูลลัดดาวัลย์ของพวกแกทั้งหมดขายไปแล้วหรอ?”
รพีพงษ์ยิ่ม อล้วกล่าว “ก็แค่แสนล้านเอง ปมไม่จำเป็นต้องขายทรัพย์สินของวงศ์ตระกูล”
ชลาธิปสูดหายใจ ไม่คาดริดว่ารพีพงษ์จะบ้าได้ขนาดนี้ คำพูดเหล่านี้พูดออกมาจากปากของเขา ราวกับแสนล้านไม่มีค่าอย่างไรอย่างนั้น
ถึงแม้สำหรับตระกูลธนธดา รวบรวมเงินแสนล้านนั้นไม่ยาก ในฐานะที่เป็นตระกูลชั้นนำของโลก แสนล้านถือว่าเป็นจำนวนน้อยอยู่
สิ่งที่เขาตะลึงคือ รพีพงษ์เอาเงินแสนล้านมาได้อย่างง่ายดาย สำหรับตระกูลลัดดาวัลย์แห่งเกียวโต เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“แกอย่าคิดว่าฉันไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของตระกูลลัดดาวัลย์นะ ด้วยสถานะของพวกแก ไม่มีทางเอาเงินมาได้มากขนาดนี้” ชลาธิปกล่าว
รพีพงษ์ยิ้มแล้วกล่าว “คุณสืบตื้นลึกหนาบางของตระกูลลัดดาวัลย์ได้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากให้คุณหาเจอก็เท่านั้น หรือคุณคิดว่าคุณรู้เกี่ยวกับผมอย่างละเอียดแล้วหรอ? ตระกูลพงศ์ธนธดามีความสามารถในการซ่อน แล้วคิดว่าตระกูลลัดดาวัลย์ของผมจะซ่อนไม่เป็นงั้นหรอ?”
“เอาจริงๆ ผมไม่เพียงเอาเงินแสนล้านออกมาได้ ผมยังสามารถทำให้คอนแทร็คทั้งหมดที่มีในเมืองเซี่ยงไฮ้เป็นฝั่งตรงข้ามกับคุณ ถ้าคุณไม่ยินยอมให้ผมพาอารีกลับไป งั้นตระกูลพงศ์ธนธดาของคุณ จะเจอกับอุปสรรคมากมาย
“ผมรพีพงษ์พูดจริงทำจริง ไม่มีทางคืนคำอย่างเด็ดขาด”
ชลาธิปรับรู้ได้ถึงศักยภาพของรพีพงษ์ รู้สึกได้ว่าอีกฝั่งไม่ได้ล้อเล่น แต่ทว่ารายงานที่เขาสืบค้นมานั้น รพีพงษ์มีคอนแทร็คอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้จริงๆ
แต่ดีหน่อยที่เขาคือนายใหญ่ของตระกูลธนธดา ไม่มีทางที่จะกลัวรพีพงษ์เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ บวกกับบัตรแสนล้านนั้น
เพียงแค่ราวเรื่องกลับซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้เท่านั้นเอง
“เหอะ อย่าคิดว่าตระกูลพงศ์ธนธดาของฉันรังแกได้ง่ายๆ ฉันไม่มีทางคืนดารินทร์ให้แกแน่นอน ถ้าแกอยากเป็นศัตรูกับตระกูลพงศ์ธนธดา สุดท้าย คนที่เสียเปรียบก็คือแก” ชลาธิปกล่าวอย่างเยือกเย็น ยืนขึ้นจากที่นั่ง
“ไม่ว่าคุณจะคิดอย่างไร ตอนนี้ผมอยากเจออารี ผมกลับไปพร้อมคุณ เพื่อไปดูว่าอารีอยู่ที่นั่น เสียเปรียบหรือเปล่า” รพีพงษ์กล่าว
“หยุดคิดได้เลย!” ชลาธิปกล่าวอย่างสงบ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
รพีพงษืเห็นดังนั้น ก็เดินตามไป
ทั้งสองเดินออกไปข้างนอกพร้อมกัน ชลาธิปเดินไปด้านหน้าของรถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อม จากนั้นก็มีคนมาเปิดประตูรถให้เขาในทันใด
รพีพงษ์ตามไป จะขึ้นรถไปพร้อมกับชลาธิป
ชลาธิปรีบเข้าไปนั่งด้านใน ปิดประตู สั่งให้คนขับรถรีบออกรถ
รพีพงษ์ตามไม่ทัน รถหรูคันนี้ราคาเกือบสิบล้าน มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง
แต่รพีพงษ์ก็ไม่ยอมแพ้ เขาดูไปรอบๆ จากนั้นก็เดินไปที่ถนน
คฤหาสน์จระกูลพงศ์ธนธดา
รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมจอดลง ชลาธิปลงจากรถ แล้วพึมพำว่า “ไอ้เด็กนั้นยังจะกลับมาพร้อมฉันอีก ฝันไปเถอะ”
เขาเพิ่งพูดจบ ก็เห็นคนวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ เมื่อดูอย่างละเอียด ก็คือรพีพงษ์
ตระกูลพงศ์ธนธดาในเมืองเซี่ยงไฮ้ถือเป็นตระกูลใหญ่ ตำแหน่งคฤหาสน์ของตระกูลพงศ์ธนธดาก็ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด แค่รพีพงษ์สอบถาม จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ มายังที่นี่
ชลาธิปสีหน้าถอดสี รีบตามเข้าไป แล้วตะโกน “รีบขวางมันเอาไว้ กล้าบุกรุกคฤหาสน์ตระกูลพงศ์ธนธดา รนหาที่ตายเสียแล้ว!”
ชลาธิปพูดจบ รอบคฤหาสน์ก็มีคนเป็นสิบพุ่งออกมา ด้วยความเร็วไปที่รพีพงษ์
ชลาธิปหน้าบึ้ง ไม่คาดคิดว่ารพีพงษ์จะกล้าได้ขนาดนี้ กล้าบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลพงศ์ธนธดา แต่แบบนี้ก็ดี รพีพงษ์บุกรุกเอง ถ้าการ์ดที่เขาได้ฝึกฝนมาเอารพีพงษ์จนตาย รพีพงษ์ก็ไม่มีทางพูดอะไรได้ ชั่งเป็นโอกาสดีที่จะกำจัดรพีพงษ์พอดี
คิดได้ดังนี้ แววตาของชลาทิปก็เต็มไปด้วยความร้ายกาจ จากนั้นส่งสายตาให้การ์ดพวกนั้น การ์ดเหล่านั้นตอบรับ แล้วเอากริชออกมาจากชุดของตน
“แกเป็นคนรนหาที่ตายเอง จะโทษฉันไม่ได้นะ แกบุกรุกคฤหาสน์ตระกูลพงศ์ธนธดาของฉัน การ์ดต้องปกป้องฉันตระกูลพงศ์ธนธดา ถ้าพลาดทำแกตาย อย่ารู้สึกเสียใจล่ะ!” ชลาธิปตะโกนไปที่รพีพงษ์
เขามองว่า การ์ดเป็นสิบลงมือต่อรพีพงษ์ น่าจะเหลือเฟือ ดังนั้นเขาจะไม่รู้สึกเครียดอะไร รอดูผลลัพธ์
แต่ทว่าเขายังสะใจไม่ถึงสามวินาที ก็ถูกรพีพงษ์ทำให้ตะลึงแล้ว
เห็นเพียงแค่การ์ดเหล่านั้นแข็งทื่อเหมือนต้นไม้ ปฏิกิริยาโต้ตอบช้ามาก ปล่อยไปหลายหมัด แต่รพีพงษ์ใช้เวลาไม่นาน ก็ทำฝ่ายตรงข้ามล้มระนาว
ผ่านไปไม่นาน การ์ดของตระกูลพงศ์ธนธดาล้มลงกับพื้น ไม่มีสักคนที่สามารถลุกขึ้นมาสู้กับรพีพงษ์ได้อีก
รพีพงษ์หันไปยิ้มกับชลาธิป จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในคฤหาสน์
วันนี้เขาต้องเจอกับอารีให้ได้ วันนี้ตอนที่พูดคุยกับชลาธิปทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าตระกูลพงศ์ธนธดาใช้ไม่ได้ เขาไม่วางใจที่จะให้อารียาอยู่ที่ตระกูลพงศ์ธนธดานี่ ถ้าเป็นไปได้ สามารถพาอารียาไปได้ เขาไม่มีทางลังเลแน่นอน
“หยุดนะ อารินทร์เป็นลูกสาวของฉัน ฉันไม่มีทางมอบเธอให้แก! ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าแกเป็นใคร แม้แกจะเจอเธอก็ไร้ประโยชน์!” ชลาธิปทั้งตะโกน ทั้งวิ่งเข้ามา
หลังจากที่รพีพงษ์เข้าไปในคฤหาสน์แล้ว ก็รีบหาอารียา ชั้นล่างไม่มี จึงได้ขึ้นไปชั้นสอง
ในเวลาเดียกวันนี้ขนมปังเพิ่งจะออกจากห้องของอารียา ในมือยังถือซุปที่อารียาเพิ่งจะกินเสร็จ ด้วยสีหน้าดีใจ
หลังจากที่เธอได้เล่าให้อารียาฟังว่าเธอโดน“ตบอย่างรุนแรง”อย่างไรบ้าง อารียาได้ให้เงินชดเชยอย่างล้ำค่า แล้วยังสัญญาอีกว่าวันหยุดหน้าของขนมปัง จะให้เธอไปเที่ยวที่ซานย่าได้ฟรี
เพราะค่าชดเชยของอารียา จึงไม่รู้สึกว่ารอยตบบนใบหน้านั้นเจ็บขนาดไหน
แต่ทว่าเธอเพิ่งจะออกเดินออกไป ก็ได้เห็นคนที่ไร้ความรู้สึก ตบไปที่หน้าเธออย่างรุนแรง ทำเอาเธอตะลึงจนตัวแข็งทื่อ
รพีพงษ์หันหน้าไปดู เห็นขนมปังที่เคยโดนเขาตบ ก็ยิ้มดูแคลน
ขนมปังเห็นรอยยิ้มดูแคลนนี้ มือสั่น ถ้วยที่ถืออยู่บนมือได้หล่นลงบนพื้น แตกหัก