พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก - บทที่558 หัวอกเดียวกัน
- Home
- พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก
- บทที่558 หัวอกเดียวกัน
บทที่558 หัวอกเดียวกัน
ออกมาจากโรงแรมซีไซด์ รพีพงษ์และวิไลพรขึ้นรถด้วยกัน ขับไปที่อาคารลานคอน
รพีพงษ์ถอนหายใจยาวๆ เขาไม่คาดคิดจริงๆ ว่าเรื่องของอารียา จะซับซ้อนมากกว่าที่เขาคิดไว้
ชลาธิปพูดกับรพีพงษ์อย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้คนที่ตัดสินใจเรื่องของตระกูลพงศ์ธนธดานั้น คือคุณนายใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดา เรื่องของอารียากลายเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลธาดาวรวงศ์และตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นอย่างมาก นอกเสียจากรพีพงษ์จะทำลายตระกูลพงศ์ธนธดาทิ้งเสีย มิเช่นนั้นคุณนายใหญ่ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน
หลังจากที่รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของรพีพงษ์แล้ว ท่าทีของชลาธิปที่มีต่อรพีพงษ์นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารู้แล้วว่าการที่จะจัดการรพีพงษ์นั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจยื้อรพีพงษ์ไว้ สัญญากับรพีพงษ์ไว้ว่ากลับไปแล้วจะถาม คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดา ว่าเรื่องนี้ยัวสามารถพูดคุยกันได้หรือไม่
รพีพงษ์ก็ไม่ได้บีบชลาธิปจนเกินไป ชลาธิปได้บอกให้เขาฟังถึงตำแหน่งของเขาในตระกูลพงศ์ธนธดา ที่แท้ตำแหน่งนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดานั้น ก็ได้ประสพเรื่องราวคล้ายๆกัน
คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาเป็นคนที่ชอบกุมอำนาจไว้เช่นกัน ในตอนนั้นหลังจากที่คุณปู่เสียชีวิตแล้ว คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาได้เก็บคอรแทร็คของตระกูลพงศ์ธนธดา ไว้ในมือตัวเองทั้งหมด
ตอนนั้นชลาธิปยังเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ตระกูลพงศ์ธนธดามีเพียงเขาคนเดียวที่เป็นทายาท เขากลับไม่ได้ เลยคิดว่าให้คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาดูแลตระกูลพงศ์ธนธดาก็ถือว่าสมเหตุสมผล
แต่ทว่าเป็นเพราะช่วงนี้คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาดูแลตระกูลพงศ์ธนธดา ได้ลิ้มรสกับตำแหน่งสูง ในช่วงที่ชลาธิปเรียนอยู่ที่เมืองนอกนั้น เอาบุคคลสำคัญทั้งหมดของตระกูลพงศ์ธนธดา เปลี่ยนไปเป็นคนสนิทของตัวเอง
รอชลาธิปกลับมาจากเมืองนอก ตระกูลพงศ์ธนธดาก็อยู่ในน้ำมือของคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาแล้ว ถึงแม้ชลาธิปจะรับช่วงต่อของตระกูลพงศ์ธนธดาอย่างง่ายดาย กลายเป็นนายใหญ่ของตระกูลพงศ์ธนธดา แต่เชาพบว่าผู้สูงศักดิ์ของตระกูลพงศ์ธนธดา กลับไม่มีใครฟังเขาเลย ทุกเรื่อง พวกเขาจะต้องผ่านการสอบถามจากคุณนายใหญ่ก่อน จึงจะตกลง
แม้คุณนายใหญ่จะไม่ได้รับตำแหน่งนายใหญ่ของตระกูล แต่ผู้ที่กุมอำนาจของตระกูลพงศ์ธนธดาไว้ทั้งหมดนั้น ไม่ใช่ชลาธิปนายใหญ่ตระกูลคนนี้ เหมือนกับหุ่นเชิดเป็นแค่ในนามเท่านั้น
เขาไม่แย่เท่ารพีพงษ์ ในตอนนั้นรพีพงษ์โดนไล่ออกจากบ้าน ต่อมายังโดนหลอกให้ไปเป็นตัวตายตัวแทนอีก แต่ชลาธิปเป็นเพียงนายใหญ่ตระกูลหุ่นเชิด ถือว่ายังโชคดีอยู่มาก
ในตอนแรก ชลาธิปก็หดหู่ เคยไปคุยกับตระกูลพงศ์ธนธดาคุณนายใหญ่ ตระกูลพงศ์ธนธดาคุณนายใหญ่บอกว่าเขายังเด็กอายุยังน้อย ไม่เข้าใจถึงการดูแลตระกูลใหญ่ขนาดนี้ ดังนั้นจึงดูแลแทนเขา
ในตระกูลพงศ์ธนธดาชลาธิปสู้คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาไม่ได้ หลังจากที่ต่อต้านอยู่สักพัก ก็เปลี่ยนเป็นเชื่อฟัง
ในตอนนั้นคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาพูดกับเขาว่า ถ้าเขาไม่เชื่อฟัง เธอจะส่งชลาธิปไปต่างประเทศอีกครั้งเพื่อ “ศึกษาต่อ” ถ้าไม่มีคำสั่งของคุณนายใหญ่ ชลาธิปก็กลับมาไม่ได้
ถ้าชลาธิปเชื่อฟังอย่างดี คุณนายใหญ่จะไม่ทำอะไรเขา แล้วยังสัญญาอีกว่ารอให้เธอเสียชีวิตแล้ว ตระกูลพงศ์ธนธดาก็จะเป็นของเขา
ชลาธิปจึงได้เบาลง นึกถึงคุณนายใหญ่ก็อายุมากแล้ว อีกไม่กี่ปีก็ต้องตายแล้ว เสียดายสิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ ร่างกายของคุณนายใหญ่แข็งแรงดี ผ่านมานานหลายปี ยังไม่เคยเป็นโรคใดๆ
นี่ทำให้ชลาธิปรู้สึกอึดอัดในตระกูลพงศ์ธนธดา แต่ผ่านไปหลายปี ชลาธิปได้คุ้นเคยกับมันไปแล้ว
เพราะไม่มีอำนาจในการดูแลตระกูลพงศ์ธนธดา ทุกๆวันชลาธิปจึงไม่มีอะไรทำ ตอนนั้นมีเมียน้อยมากมาย และแม่ที่เกิดอารียาก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น
ต่อมาชลาธิปได้แต่งงานกับภรรยาที่เก่งกาจ ทำจนชลาธิปเชื่อฟัง ชลาธิปไม่มีทางออก จึงต้องไล่เมียน้อยเหล่านั้นออกจากเมืองเซี่ยงไฮ้
หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินชลาธิปเล่ารายละเอียดให้ฟังแล้วนั้น ก็รู้สึกพูดไม่ออก จากนั้นก็รู้สึกหัวอกเดียวกัน เทียบกับชลาธิปแล้ว สิ่งที่รพีพงษ์เจอมามันเลวร้ายก็เยอะ อย่างน้อยหลายปีมานี้ชลาธิปก็ไหลตามน้ำ เพียงแค่เขาไม่คิดจะฮุบตระกูลพงศ์ธนธดา คุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาก็ไม่หาเรื่องเขา
อาจเป็นเพราะชลาธิปและรพีพงษ์ผ่านอะไรมาคล้ายๆกัน และอาจเป็นเพราะรู้ว่าเล่นงานชลาธิปก็ไม่มีผลใดๆ ดังนั้นสุดท้ายแล้วรพีพงษ์จึงไม่ทำให้ชลาธิปลำบากใจใดๆอีก
เขาเพียงแค่เตือนชลาธิป ให้ชลาธิปดูแลอารียาให้ดีๆ ถ้าเป็นอะไรไป เขาจะจัดการชลาธิปทันที
วิไลพรกำลังมองไปยังรพีพงษ์คนที่นั่งข้างๆ ด้วยความสงสัย ผ่านไปสักพัก ก็ถามขึ้นว่า “จะให้ฉันคิดวิธีบีบคุณนายใหญ่ตระกูลพงศ์ธนธดาไหม บีบให้เธอส่งคนมาให้?”
รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วกล่าว “ไม่จำเป็น เพียงแค่พวกเขาทำดีต่ออารี ก็ไม่รีบรับกลับมา”
“ทำไม? เมื่อก่อนคุณรีบร้อนไม่ใช่หรอ?” วิไลพรถาม
“เพราะจู่ๆผมก็นึกออก ว่าตระกูลพงศ์ธนธดานี้ กับตระกูลวรโชติธีรธรรมรู้จักกัน ตอนนั้นที่ปู่ผมเสียชีวิต พวกเขาก็มาร่วมในงานด้วย” รพีพงษ์กล่าว
“ความหมายของคุณคือ อยากจะฉวยโอกาสนี้ ทำลายตระกูลธาดาวรวงศ์?” วิไลพรถาม
แววตารพีพงษ์เปล่งประกาย แล้วพยักหน้าให้วิไลพร
“ตอนนี้อารีจำอะไรไม่ได้ จำผมไม่ได้ แล้วยังเข้าใจผิด ถ้าตอนนี้ผมลงมือกับตระกูลธาดาวรวงศ์ แย่งอารีกลับมา เกรงว่าเธอจะคิดว่าผมมีแผนแอบแฝงจริงๆ นี่อาจขัดขวางการฟื้นฟูความจำของเธอก็เป็นได้”
บังเอิญตระกูลธาดาวรวงศ์ก็เข้าร่วมด้วย สู้ฉวยโอกาสนี้ กำจัดตระกูลธาดาวรวงศ์ และผมก็จะได้คิด ช่วยอารีฟื้นฟูความทรงจำด้วย”
รพีพงษ์บอกความคิดของตนให้วิไลพรฟัง
วิไลพรพยักหน้า แล้วถาม “แล้วคุณจะกำจัดตระกูลธาดาวรวงศ์อย่างไร?”
“คอยสังเกตการณ์ รอถึงเวลา ก็ลงมือได้เลย”
……
สนามบินเมืองเซี่ยงไฮ้
เครื่องบินส่วนตัวร่อนลงยังพื้นดิน ไม่นาน ประตูถูกเปิดออก วัยรุ่นคนหนึ่งที่สวมชุดสูทสีขาวเดินออกมาจากเครื่องบิน
วัยรุ่นคนนี้รูปร่างสูง สายตาเปร่งประกาย เดินอย่างสง่า ทำให้คนรู้สึกว่ายากที่จะเข้าถึง
คนนี้คือคุณชายของตระกูลธาดาวรวงศ์ ฉัตรพล
“คุณชาย คุณกลับมาเสียที เทียบกับตอนเดินทางไป ร่างกายของคุณดูสง่าขึ้นมาก สำเร็จการศึกษาแล้วใช่ไหมครับ” ชายชราที่รออยู่ที่นี่รีบเข้ามาต้อนรับ
ฉัตรพลจ้องไปที่เขา แล้วกล่าวอย่างสงบว่า “สำเร็จเล็กๆสิใช่ คาดว่าตอนนี้ในประเทศไม่มีใครเทียบกับผมได้แน่นอน แต่ถ้าเทียบกับคุณครูแล้ว ผมยังห่างกับครูมาก”
ชายชรายิ้ม แล้วกล่าว “คุณชายก็ถ่อมตัวจริงๆ จากที่ผมดู ถ้าจะหาคนที่เก่งกว่าคุณชายได้ล่ะก็ ยากจริงๆ
ฉัตรพลรู้สึกไม่โอเคกับคำเยินยอของชายชรา “ได้ยินมาว่าพ่อจะให้ผมแต่งงาน?”
“ถูกถูกถูก กับคุณหนูของตระกูลพงศ์ธนธดา รูปร่างโดดเด่น ถ้าคุณชายได้เห็น จะต้องชอบแน่ๆ” ชายชรากล่าว
ฉัตรพลบึนปาก แล้วกล่าว “ผู้หญิงก็คือนางบำเรือ จะดูดียังไง ก็เป็นแค่แจกัน แต่ในเมื่อพ่อจัดการ งั้นก็ทำตามเขาล่ะกัน”
“ช่วยผมหาเวทีมวยใต้ดินของเมืองเซี่ยงไฮ้หน่อย ผมชอบในการประลอง ถ้าวันไหนไม่ได้ต่อยมวย มันจะลงแดง ถ้าหาไม่ได้ ผมจะต่อยกับคนชราอย่างคุณก็แล้วกัน” ฉัตรพลกล่าว
ชายชราเหงื่อไหลออกทันที แล้วรีบตอบรับว่า “ครับครับครับ เดี๋ยวกลับไปผมจะหาให้ พวกเราขึ้นรถกันเถอะครับ”